ท่านประธานที่รัก - บทที่ 291 ทั้งชาตินี้ก็ไม่มีวันปล่อยมือเธอ
ลมหายใจที่รุ่มร้อนของซังหลินจวินพ่นลงที่ข้างหูเฉินเฉียว เหมือนประกายไฟที่จะเผาไหม้ จนทำให้ร่างกายที่อ่อนแอเริ่มร้อนระอุ เธอกลัวว่าซังหลินจวินจะหาสักที่แล้วรังแกเธอเหมือนที่พูดไว้
เฉินเฉียวเลยต้องทนรับสายตาของผู้คน
“นายจะปล่อยฉันเมื่อไหร่ นายอยากให้เราเหมือนละครลิงที่ให้คนอื่นดูเหรอ? พอสักที” ฟังความไม่สบอารมณ์ของเฉินเฉียวออก
ซังหลินจวินแค่ยิ้มอ่อน เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่แยแส พอบวกกับหน้าตามาดเข้มแล้วยิ่งเท่เข้าไปอีก
สุดท้าย เลยตอบตรงๆว่า “ที่รัก ตัวที่รักนุ่มขนาดนี้ กอดแล้วอบอุ่นมาก ฉันจะอยากปล่อยได้ยังไงล่ะ ฉันจะกอดเธอจนกว่าจะถึงบ้านเลย”
แล้วในใจก็มีคำพูดที่ไม่ได้พูด (ทั้งชาตินี้ฉันก็ไม่มีวันปล่อยมือเธอหรอก)
พอพูดจบ เฉินเฉียวที่เอาแต่บ่นไม่สนใจซังหลินจวินอีก
เพราะเขาไม่คิดจะปล่อยมืออยู่แล้ว งั้นตัวเองยอมแพ้ดีกว่า ยังไงก็ดีกว่าให้คนอื่นมามุ่งดูแบบนี้
เฉินเฉียวที่ยอมสงบลงแล้ว จึงได้ยินเสียงดังวุ่นวาย ผู้หญิงรอบข้างก็เอาแต่พูดถึงตัวเองกับซังหลินจวิน
“ว้าว ผู้ชายคนนี้หล่อจังเลย ถ้ามีคนอุ้มฉันกลางที่สาธารณะแบบนี้นะ ฉันยอมตายเลย” เสียงที่เพ้อเจ้อดังออกมา พอหันไปดู ก็เห็นว่าเป็นพี่สาวที่ใส่เดรสลายสก๊อตสีแดงตัวอ้วนๆ ใช้มือเท้าคางทั้งสองข้างเป็นรูปหัวใจ
“โอ๊ยคุณพี่ คุณพี่อายุเท่าไหร่แล้ว ยังเพ้อเจ้ออีก คุณพี่อ้วนขนาดนี้ ใครจะอุ้มคุณพี่ขึ้น!” เสียงแหลมของผู้หญิงอีกคนพูดเสียดคุณพี่คนนั้น แค่ฟังก็รู้ว่าทั้งสองคงมีความแค้นต่อกัน
“นังเด็กบ้าเงินนี่ วันๆเอาแต่รักเงิน อย่าบอกฉันนะว่าแกชอบหนุ่มหล่อตรงหน้า อยากจะดึงดูดความสนใจจากเขา เลยจงใจพูดแขวะฉันเสียงดัง แกก็ไม่ดูว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาทั้งสาวทั้งสวยขนาดไหน หน้าไม่อายจริงๆ” คุณพี่คนนั้นก็ไม่ใช่คนหัวอ่อน เลยพูดความคิดในใจของแม่หม้ายคนนั้นออกมา
แม่หม้ายที่โดนหักหน้าเลยโมโห จึงทะเลาะกับคุณพี่คนนั้นทันที
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร บางคนก็ด่ากันกลางถนน บางคนก็ตบตีกันเลย ผ่านไปครู่หนึ่ง เพราะว่าที่หน้าห้างวุ่นวายเกินไป เลยทำให้ยามในห้างต้องมาห้ามปราม แล้วเรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเฉินเฉียวซังหลินจวินที่เดินไปไกลแล้ว
ได้ยินเสียงทะเลาะด่าว่ากันของผู้หญิง เฉินเฉียวเลยถอนหายใจเอ่ยว่าเพราะพิษภัยความหล่อของผู้ชาย
เงยหน้ามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่น เลยแอบเบะปาก ในใจก็แอบบ่น ซังหลินจวินก็ไม่ได้หล่อขนาดนั้น สายตาผู้หญิงพวกนี้ผิดปกติหรือเปล่า
เฉินเฉียวที่กำลังบ่น แต่กลับไม่รู้ว่าในใจลึกๆตัวเองแอบหึง
ซังหลินจวินที่อุ้มเฉินเฉียวเข้าห้างไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ถ้ารู้ล่ะก็ คงต้องดีใจจนนอนไม่หลับแน่ๆ
“เฉียวเฉียว เธออุ้มเหมิงเหมิงลงมาก่อน เดี๋ยวฉันไปเอารถเข็น” ซังหลินจวินปล่อยมือจากเฉินเฉียว แล้วไปเข็นรถเข็นหน้าห้างมา
“คิดไม่ถึงจริงๆว่านายจะช้อปปิ้งเดินห้างเป็น ยังเข็นรถได้อีก ฉันคิดว่านายจะเรียกผู้ช่วยมาเหมือนครั้งก่อนสักอีก” มองซังหลินจวินที่เข็นรถอย่างทะมัดทะแมง ค่อยรู้ว่าตัวเองรู้จักเขาแค่ต่อหน้า ตัวเองไม่เคยทำความเข้าใจเขาจริงๆเลย
“เฉินเฉียว ฉันไม่เรียกยวี้เฟยมารบกวนการเดทของเราสองคนหรอก เรื่องพวกนี้ ถือเป็นประสบการณ์กี่ปีนี้ที่ฉันอยู่เป่ยเฉิง” ตอนนี้บนตัวซังหลินจวินมีความน่าสงสาร จนเฉินเฉียวก็รู้สึกเสียใจแทนเขา
มองเห็นในสายตาเฉินเฉียวมีความสงสาร ซังหลินจวินก็กลับไปยิ้มแย้มเหมือนเดิม ความจริงถ้าจะบอกว่าเขาเหงามาก คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
เห็นในสายตาซังหลินจวินมีความกลับกลอก เลยรู้ว่าเขากำลังแสร้งทำ
“เฉินเฉียวฉันรู้ว่าเธอเสียใจแทนฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ตกอับย่ำแย่เหมือนที่เธอคิด แค่ข้างกายไม่มีเธอ ฉันเลยรู้สึกว่ามันทรมาน เธอคิดดูสิถ้าเธออยู่ เราก็อยู่บ้านด้วยกันเหมือนแต่ก่อนได้ ถ้าเบื่อก็ขับรถออกไปเที่ยวหรือว่าไปอ่านหนังสือด้วยกัน ชีวิตแบบนั้นสบายจะตาย แต่ตอนนี้เราคงกลับไปเที่ยวเล่นแบบนั้นไม่ได้แล้ว” ซังหลินจวินที่นึกย้อนถึงอดีตมีความสดใสที่ห่างหายไปนาน แล้วเหมือนมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามา เขาในแบบนี้ดูดีมาก แม้แต่เฉินเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆก็หลงไปกับเขา
กับเรื่องในอดีตที่ซังหลินจวินพูดถึง ไม่ว่าเฉินเฉียวจะพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก
ถ้าเรื่องพวกนี้เคยเกิดขึ้นจริง ทำไมแม้แต่ความทรงจำก็ไม่มีล่ะ
ตอนนี้เธออยากรู้เรื่องที่เคยขึ้นในอดีตมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้เฉินเฉียวจะปิดบังได้ดี แต่ความจริงในใจเธอแรกๆก็ไม่ค่อยวางใจกับซังหลินจวิน เพราะอยู่ๆตัวเองก็ไปเป็นว่าที่ภรรยาของคนอื่น บางครั้งเธอยังคิดเลยว่าเขาจงใจวางแผนหรือเปล่า
แต่คิดไปคิดมาก็ไม่จำเป็น
เฉินเฉียวส่ายหัว หักห้ามเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเอาไว้ ตอนนี้ต้องหาอะไรมารองท้องให้อิ่มก่อน
เฉินเฉียวเดินอยู่หลังซังหลินจวินที่เข็นรถอยู่ จากนั้นก็แย่งรถมาจากมือซังหลินจวิน ขาทั้งสองข้างก็เหยียบไปบนล้อ แล้วสไลด์ไปข้างหน้า
มองเห็นท่าทางที่ซุกซนของเฉินเฉียว ซังหลินจวินไม่ได้แย่งรถจากเธอ เพราะเขาที่ใส่เสื้อสูทไม่ค่อยเหมาะกับรถเข็นอยู่แล้ว
“ซังหลินจวิน นายทำอะไรชักช้าเนี่ย มดยังเดินเร็วกว่านายอีก รีบตามมาสิ” เฉินเฉียวที่เข็นเหมิงเหมิงเล่นอยู่จงใจพูดแขวะซังหลินจวินที่เดินชักช้า เพราะเมื่อวานที่เขาทำกับเธอแบบนั้น เลยทำให้เธอแอบโกรธ
แต่ไม่เห็นเขาตามมาสักที เพราะไม่เห็นว่าซังหลินจวินกำลังทำอะไรอยู่ เฉินเฉียวเลยหันหลังให้รถเข็น
บางครั้งมีความสุขมากไปก็จะเกิดความทุกข์ ตอนที่เฉินเฉียวจะเข็นรถไปข้างๆ เหมิงเหมิงก็ยื่นหน้าออกมาพอดี แล้วชนกับรถที่เข็นมาจากข้างหน้าเต็มๆ จนรถเข็นทั้งสองคันล้ม เอวเฉินเฉียวก็โดนรถเข็นผลักไปกระแทกกับราวกั้น
เห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเฉินเฉียว ซังหลินจวินจึงรีบวิ่งมาทันที กอดเธอไว้ในอ้อมกอด แล้วมือก็แตะเอวของเฉินเฉียวที่บาดเจ็บ
“ทำไมเป็นนาย?” ผู้หญิงอีกคนที่เห็นเฉินเฉียวล้มลงไปเอ่ยอย่างสะดุ้งตกใจ