ท่านประธานที่รัก - บทที่ 349 ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
“ล้างมลทินอะไรกัน ภรรยาของซังหลีหย่วนจำเป็นต้องล้างมลทินเหรอ ตลกสิ้นดี” เสียงที่เข้มขรึมดังขึ้นด้านหลัง
ใจเฉินเฉียวสั่น ไม่กล้าหันไปมองสีหน้าของคนคนนั้น
วันนี้ตอนที่มา เฉินเฉียวรู้สึกว่าไม่โอเค แต่เธอคิดว่า ในเมื่อ”แม่”ของเธอจะเจอเธอ คงต้องเตรียมตัวมาดีแล้วแหละ
อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะซวยขนาดนี้
มือของเฉินเฉียวเหงื่อไหล เธอกำมือไว้แน่น เหมือนยากจะกดความกดดันในใจให้หายไป
ถึงจะพยายามควบคุมสติ แต่เฉินเฉียวไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่า เถ้าแก่ซังน่าเกรงขามมากจริงๆ
“เฉียวเฉียว ทำไมเธออยู่นี่ล่ะ” เสียงเข้มของอีกคนดังขึ้น
จากนั้นเฉินเฉียวก็เห็นซังหลินจวินเดินมาหาเธอ จับมือเธอไว้แล้วเอ่ย “ไม่พักผ่อนอยู่บ้าน แต่กลับออกมาดื่มกาแฟกับเขา อารมณ์ดีจริงๆ”
พอเฉินเฉียวได้ยิน เลยรู้ว่าหลินจวินกำลังหาข้ออ้างกลบเกลื่อนให้เธอ เลยพยักหน้าให้ “อยู่บ้านว่างเกินไป แล้วเจอคุณหญิงพอดีเลยมาดื่มกาแฟด้วยกัน นี่ก็ดื่มเสร็จแล้วกำลังจะกลับพอดี”
“งั้นเดี๋ยวฉันส่งเธอกลับ” ซังหลินจวินตัดสินใจให้ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับเถ้าแก่ “พ่อครับ พ่อพาคนของพ่อกลับ ผมกับเฉียวเฉียวกลับก่อนนะครับ”
“ไม่กลับพร้อมกันเหรอ?” สายตาซังหลีหย่วนเหลือบไปทางเฉินเฉียวที่ไม่กล้ามองท่าน
“ไม่ล่ะกันครับ” ซังหลินจวินจูงมือเฉินเฉียวออกจากร้านกาแฟ
ลู่ลี่ลี่ที่อึ้งอยู่กับที่ ถึงจะไม่เคยเจอคุณผู้ชายซัง แต่เธอกลับรู้จักผู้บริหารซังหลินจวินดี
คนที่ซังหลินจวินเรียกว่าพ่อ มีแค่คนเดียว
ในใจเธออิจฉาจนจะเป็นบ้า
ทำไมเฉียวยวี่หมินโชคดีขนาดนี้ ไปจากเฉินอันก็เจอผู้ชายที่ดีกว่าเขาเป็นร้อยเท่า
นึกถึงผู้ชายที่นอนอยู่ที่บ้าน เมื่อเทียบกับผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายวัยกลางคนที่เข้มขรึมดูดี ไม่ต้องเลือกก็รู้ว่าใครดีกว่า
หรือว่าตอนนั้น เพราะเฉียวยวี่หมินเจอเจ้าของหยวนเซิ่งคนนี้ เลยหายหัวไปอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น
พอคิดแบบนี้ เธอจึงกัดฟันแน่น แค่นึกถึงช่วงเวลายี่สิบปีนี้ เธอแย่งผู้ชายที่คนอื่นไม่ต้องการ ลู่ลี่ลี่ก็อยากอ้วกแล้ว
จากนั้นจึงพุ่งไปหา อยากจะฉีกหน้ากากจอมปลอมของเฉียวยวี่หมิน
ซังหลีหย่วนบังตัวเฉียวยวี่หมินไว้ สายตาที่มองลู่ลี่ลี่ เหมือนกำลังมองมดปลวกอย่างนั้น
ท่านยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วเอ่ย “เฉินอันไม่ได้ดูแลคุณดีๆสินะ หมาที่เป็นบ้าไม่ผูกเชือกได้ยังไง ทำไมปล่อยให้มากัดคนแบบนี้”
“แก แกรู้จักฉัน” ลู่ลี่ลี่ไม่โง่ ฟังออกว่าเรื่องต้องมีเลศนัย เหมือนเขารู้ทุกอย่าง
แม้แต่เฉียวยวี่หมินที่ยืนอยู่ข้างๆก็เหลือบมองท่านอย่างตกใจ
พอเฉินเฉียวกับซังหลินจวินออกจากร้านชังยังแล้ว เฉินเฉียวมองทีท่าที่ตั้งใจขับรถของเขาแล้วเอ่ย “หลินจวิน ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน ถ้านายจะส่งจริงๆ ส่งฉันไปที่บริษัทฉยงฉยงเถอะ”
พอซังหลินจวินได้ยิน จึงหักทิศทาง ผ่านไปครู่หนึ่งรถค่อยจอดลง
เขาหันไป มองเห็นเหงื่อบนหน้าผากเฉินเฉียว เลยหยิบทิชชู่ออกมาให้เธอ
“เช็ดหน้าก่อน”
เฉินเฉียวรับมา พอเช็ดเหงื่อเสร็จแล้วค่อยอธิบายเรื่องที่เกิดวันนี้กับซังหลินจวิน
“งั้นก็แสดงว่า ที่วันนี้เขาหาเธอ ก็เพื่อจะให้ของที่เกี่ยวกับอดีต” สายตาซังหลินจวินเหลือบมองซองเอกสารข้างตัวเฉินเฉียว
เฉินเฉียวพยักหน้า “ใช่”
“งั้นเฉียวเฉียว ทำไมเธอไม่ถามฉันล่ะ” ซังหลินจวินสงสัยเรื่องนี้ เพราะถ้าถามเขาเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
เฉินเฉียวเหม่อแล้วค่อยเอ่ย “หลินจวิน นายอย่าเข้าใจผิด แต่ก่อนฉันแค่รู้สึกว่า ถ้าให้นายเล่าเรื่องทุกอย่างให้คนที่ความจำเสื่อมอย่างฉัน นายคงจะรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ ฉันไม่อยากให้นายเสียใจ”
ซังหลินจวินไม่คิดเลยว่าคำตอบจะทำให้เขาอึ้งขนาดนี้
จะพูดยังไงล่ะ ถึงเฉียวเฉียวไม่ใช่คนเดิม นิสัยเธอก็ยังไม่เปลี่ยน
ในเมื่อเฉียวเฉียวได้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอดีตของเธอแล้ว ซังหลินจวินเลยไม่ห้ามให้เธอดู แต่ที่เฉียวเฉียวจะไปบริษัทฉยงฉยง ซังหลินจวินก็ยังสงสัยจึงเอ่ยถาม “เฉียวเฉียว ตอนนี้เจียงฉยงฉยงอยู่ต่างประเทศ เธอมาที่นี่ จะมาหาอะไรให้เธอเหรอ?”
เฉินเฉียวส่ายหน้า “ฉันไม่ได้มาเอาของให้ฉยงฉยง แต่ฉันสัญญากับฉยงฉยงว่าจะดูแลบริษัทดีๆ เพราะC&Jเป็นหยาดเหงื่อของฉยงฉยงกับฉัน ตอนนั้นที่ฉันไม่อยู่ ฉยงฉยงดูแลรักษาไว้ ตอนนี้เธอเจอปัญหา ฉันก็ต้องช่วยเธอแบ่งเบาสิ ถึงแม้ฉันยังไม่ค่อยรู้เรื่องบริษัท แต่ฉันอยากเรียนรู้ หลินจวินนายช่วยฉันได้ไหม”
เห็นเฉินเฉียวกระพริบดวงตาที่น่าหลงใหลนั้น ซังหลินจวินจะปฏิเสธเธอได้ยังไง
เขาสตาร์ทรถ เลี้ยวไปทางบริษัทC&J
เขาใช้การกระทำตอบเธอ
พอซังหลินจวินส่งเธอไปC&Jแล้วไม่ได้ไปทันที แต่กลับขึ้นไปชั้นบนพร้อมเฉินเฉียว
เฉินเฉียวรู้ว่าเขาเป็นห่วงตัวเอง แต่เธอก็เป็นห่วงที่หยวนเซิ่งเหมือนกัน หลินจวินยังไม่ได้เคลียร์เลย
“วันนี้ที่บริษัทไม่มีอะไรเหรอ? วันนี้ที่นายไปร้านชังยังกับเถ้าแก่ ไปดื่มกาแฟหรือว่ารอลูกค้า คงไม่ใช่ว่าตั้งใจสะกดรอยตามเราหรอกมั้ง”
ปัญหานี้สำคัญมากจริงๆ
ในเมื่อถามถึงบริษัทแล้ว เลยแอบถามเรื่องที่เจอกันโดยบังเอิญวันนี้ด้วย
ซังหลินจวินที่ยืนอยู่ในลิฟต์ มองเห็นแววตาที่เธอคิดว่าปิดบังดีแล้ว จึงยิ้มอ่อน แต่เขาก็ไม่ได้ปิดบังเธอเลยพูดตรงๆว่า “วันนี้พ่อพาฉันออกไป เฉียวเฉียว ทำไมเธอยังไม่เปลี่ยนคำที่เรียกพ่อฉันอีก”
ฟังน้ำเสียงที่สงสัยของซังหลินจวิน เฉินเฉียวเลยแอบถอนหายใจ
จากนั้นค่อยเอ่ยว่า “ฉันก็ไม่รู้ เรียกไม่ได้สักที”
ทีแรกซังหลินจวินแค่ถามเฉยๆ พอเห็นเฉินเฉียวเริ่มลังเล เลยจับมือเธอไว้ “เด็กดี อย่าคิดมาก เรียกไม่ได้ก็ไม่ต้องเรียก เพราะแต่ก่อนฉันก็ไม่ค่อยเรียกอยู่แล้ว กับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้าพ่อฉันรู้เรื่องจริง เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะบังอยู่หน้าเธอ ถ้าพ่อฉันคิดว่าบังเอิญ เฉียวเฉียวเธอก็ไม่ต้องกลัว ทำตัวเหมือนปกติ เพรายังไงพ่อก็ไม่ค่อยมาหาเราที่จิ้งหย่วนหรอก”
พอซังหลินจวินพูดปลอบใจเฉินเฉียว ใจเธอที่เกร็งตลอดค่อยโล่งใจไปหน่อย