ท่านประธานที่รัก - บทที่ 375 ความอึดอัดในใจ
ผู้หญิงคนนั้นพูดจบก็ออกจากรถ จากนั้นก็เดินตามพนักงานของC&Jเข้าไป
พอขึ้นไปแล้ว สายตาของผู้หญิงก็มองสำรวจสถานการณ์ของC&J เลยเห็นว่าถึงบริษัทจะเล็ก แต่ก็ยังคงเป็นระเบียบ
ในใจเลยให้คะแนนผ่านกับคนที่กำลังจะเจอ จากนั้นก็เดินเข้าห้องทำงานของเฉินเฉียว
“ฉันชื่อเซิ่งโหรว เป็นรองผู้บริหารเซิ่งกรุ๊ปค่ะ คุณน่าจะไม่เคยได้ยินชื่อฉัน”
ผมสีดำยาวตรงลงมาถึงเอว เซิ่งโหรวยิ้มอย่างอ่อนโยน บนใบหน้ามีความภูมิใจที่เจอบ่อยๆในสังคมปัจจุบัน เธอนั่งตรงข้ามเฉินเฉียวแล้วเอ่ยพูดตรงๆ
รองผู้บริหารเซิ่งกรุ๊ป ถ้าดูจากอายุตอนนี้ ก็น่าภูมิใจจริงๆ
แต่พอได้ยินชื่อของเธอแล้ว เฉินเฉียวก็รู้เลยว่า คนตรงหน้าตอนนี้เป็นเสาหลักของตระกูลเซิ่ง
เพราะข้อมูลที่เพิ่งค้นหา เฉินเฉียวเลยรู้ว่า เดิมทีอวี๋ซู่เป็นคนดูแลบริษัท เธอก็คือภรรยาของเซิ่งเอ้าบริษัทเซิ่งกรุ๊ป แต่ว่ากี่ปีนี้ เธอได้ส่งมอบบริษัทให้ลูกสาว ดูจากตอนนี้ คงเป็นคนตรงหน้าสินะ
เฉินเฉียวประสานมือไว้แน่น เอนพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ แต่ดูจากที่เธอไม่ขยับเลย ก็ดูออกว่าเธอก็รู้สึกเกร็ง
“ค่ะ แต่ก่อนฉันอยู่ต่างประเทศตลอด เลยรู้จักลูกค้าในบริษัทไม่ครบถ้วน แต่ก็รู้ว่าบริษัทใหญ่โตอย่างเซิ่งกรุ๊ปคงไม่น่าจะมาสนใจบริษัทของเรา”
“คุณเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก” เซิ่งโหรวไม่ปฏิเสธว่าเธอมาเพราะมีจุดประสงค์
นิ้วมือที่เรียวยาวของเธอยื่นไปที่กระเป๋า จากนั้นก็สังเกตเห็นสายตาของคนตรงหน้าเลยยิ้มเอ่ยว่า “ไม่รังเกียจที่ฉันจะสูบบุหรี่ใช่ไหมคะ”
“เชิญค่ะ แต่สูบบุหรี่ไม่ดีต่อร่างกาย ลดสูบได้ก็ดีค่ะ” เฉินเฉียวไม่อยากปฏิเสธตรงๆ เลยพูดอ้อมค้อม
สุดท้ายเซิ่งโหรวก็ไม่ได้หยิบบุหรี่ออกมา
ถึงเธอจะชอบสูบบุหรี่ แต่ก็ยังรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่
ที่เซิ่งโหรวมาวันนี้ เพราะได้ยินคนรับใช้พี่ชายบอกว่า พี่ชายเพิ่งย้ายไปบ้านใหม่แล้วเอาแต่ไปกินข้าวบ้านข้างๆ
เพราะแปลกใจเลยลองสืบ เลยรู้ว่าพี่ชายไปกินข้าวกับซังหลินจวินแล้วก็ภรรยาของเขา
ซังหลินจวินเป็นใครเธอรู้อยู่แล้ว ผู้บริหารบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเป่ยเฉิง
ถ้าเรื่องนี้เกิดกับคนอื่นก็คงไม่แปลกอะไร แต่เธอรู้มาว่าพวกเขาได้บัตรสมาชิกของร้านอาหารเกล็ดหิมะ นี่เลยทำให้เธอแปลกใจ
อายุพี่ชายก็ไม่เด็กแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะสี่สิบ อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีแฟน เลยทำให้คนอื่นเป็นห่วง
ช่วงนี้ก็ทำตัวแปลกๆ คุณแม่เลยให้เธอมาสอดส่อง
“เร็วๆนี้บริษัทเราจะเปิดตัวเครื่องเพชรใหม่ที่เป่ยเฉิง ได้ข่าวว่าบริษัทของพวกคุณสามารถหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมให้เราได้ ฉันก็เลยมาที่นี่ค่ะ” เซิ่งโหรวพูดเหตุผลง่ายๆ
ปากเฉินเฉียวกระตุก ถ้าเหตุผลนี้คนอื่นพูด เธออาจจะเชื่อ
แต่เสียดาย หลังจากที่เธอรู้ธุรกิจกับความก้าวหน้าของเซิ่งกรุ๊ปแล้ว เธอไม่เชื่อข้ออ้างนี้หรอก
แต่ในเมื่อเธอบอกว่าจะร่วมงานกัน งั้นเฉินเฉียวไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
พอเลือกพาร์ทเนอร์อย่างละเอียดแล้ว กลับเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเลือกหยวนเซิ่งอย่างไม่ลังเลเลย
พอแบบนี้เลยรู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามมาเพราะใคร
ทั้งสองพูดคุยกันไปสักพัก สุดท้ายเฉินเฉียวแค่ตกลงที่จะลองดู แต่ไม่ได้ตกลงอย่างมั่นใจ
เรื่องเลยดูตึงเครียดไปนิดหน่อย
พอกลับมาถึงบ้าน เฉินเฉียวรอหลินจวินเลิกงานกลับมาแล้ว เลยลากตัวเขากลับห้อง
พอเห็นเฉินเฉียวที่ไม่ได้กระตือรือร้นนานแล้ว ซังหลินจวินคิดว่าเธออยากซะอีก
พอเข้าห้อง เลยกดเธอกับผนัง
ลมหายใจพ่นอยู่ข้างหูเฉินเฉียว ริมฝีปากที่เร่าร้อนจูบลงที่คอ พอเฉินเฉียวโดนจูบจนเกือบจะพูดอะไรไม่ออก เลยยื่นมือไปปิดปากเขาไว้ แล้วพูดไม่เป็นจังหวะ “เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”
ซังหลินจวินเลยยอมหยุด แล้วใช้มือดันกำแพงทอดมองเธอ
เฉียวเฉียวที่หน้าแดงจ้องเขาอย่างโกรธเคือง จนซังหลินจวินรู้สึกตลก
“เฉียวเฉียว เธอจะพูดอะไร”
เฉินเฉียวค่อยได้สติแล้วรีบเอ่ยว่า “วันนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
ซังหลินจวินค่อยมองออกว่าเธอไม่ได้อยากแบบนั้นเหมือนที่เขาคิด
จากนั้นเลยนึกเนกไทที่คอเสื้อออก แล้วถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางดูเจ้าเล่ห์มาก
เขาทำหน้าเหมือนกำลังตั้งใจฟัง
เฉินเฉียวเลยเล่าเรื่องทั้งหมดวันนี้ให้เขาฟัง
เขาไม่ได้ดูกังวลเหมือนเฉินเฉียว พอซังหลินจวินฟังแล้วเลยรู้ว่าติดตรงไหน
จากนั้นเลยยีหัวของเฉียวเฉียว เขารับเรื่องนี้ไว้เอง
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
สีหน้าเฉินเฉียวแอบผิดหวัง เธอยังไม่แข็งแกร่งพอ ไม่งั้น ตอนนี้ก็คงไม่ต้องให้หลินจวินช่วย
เพราะเธอไม่เหมาะที่จะดูแลบริษัทหรือเปล่า แม้แต่เรื่องแค่นี้เธอก็จัดการไม่ได้
ซังหลินจวินรู้สึกว่าเฉียวเฉียวเริ่มคิดไปไกล ในสายตาเธอมีแต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง
ถึงซังหลินจวินจะเดาได้แล้ว แต่ก็ไม่อยากเห็นเธอลำบากใจแบบนี้ เขาหักห้ามความเอ็นดู แล้วอธิบายให้เธอฟังอย่างอ่อนโยน
“เฉียวเฉียว เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าความสามารถเธอไม่พอ เธออย่าเอาทุกอย่างมาทับตัวเอง เธอรับมือกับเซิ่งโหรวแล้วไม่ให้เขาได้เปรียบก็เก่งแล้ว เธอต้องรู้นะ เซิ่งโหรวทำงานที่เซิ่งกรุ๊ปมาตั้งกี่ปี ความเจ้าเล่ห์ของเขาคนอื่นก็ปวดหัวเหมือนกัน พวกเธอไม่ได้วิ่งจากจุดเริ่มต้นพร้อมกัน เธอจะบังคับเอาตัวเองไปเทียบคนอื่นไม่ได้”
เฉินเฉียวรู้สึกว่าความเศร้าในใจถูกหลินจวินปลอบใจแล้ว ความไม่สบายใจเลยหายไปทันที
เธอจูงมือซังหลินจวินเดินออกไปชั้นล่าง
พอซังหลินจวินเห็นว่าเฉียวเฉียวสบายใจแล้ว อารมณ์เลยดีขึ้นตาม
นิสัยของเฉียวเฉียวไม่ใช่คนที่คิดมากแบบนั้น ซังหลินจวินเลยวางใจไม่น้อย
มองเห็นเฉียวเฉียวที่เดินลงไปแล้วถามป้ามั่วว่ากินข้าวได้หรือยัง เขาเลยทำได้แค่ส่ายหน้าแล้วเดินตามเธอ
แต่พอนึกถึงเซิ่งโหรวที่ไปC&J ซังหลินจวินเลยโทรหาเซิ่งยวี่
พอโทรออกแล้ว ซังหลินจวินจึงถามอีกฝ่ายว่า “คุณชายเซิ่งครับ ไม่รู้ว่าที่คุณหนูเซิ่งไปหาภรรยาผมที่บริษัทวันนี้เพื่อเรื่องอะไรครับ ถ้าอยากจะร่วมงานกับหยวนเซิ่งจริงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมขนาดนี้ก็ได้ครับ ไปหาผมที่บริษัทตรงๆดีกว่า”
เซิ่งยวี่ที่ถือโทรศัพท์ไว้ขมวดคิ้วแน่น เขามองน้องสาวสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ส่งสายตาที่แหลมคมไปหา จนเซิ่งโหรวที่เย่อหยิ่งตอนอยู่บริษัทเฉินเฉียวยิ้มแห้ง