ท่านประธานที่รัก - บทที่ 435 มีชีวิตที่ดี
มู่เก๋อไม่ได้พูดตอบเธอเหมือนปกติ แต่กลับก้าวเดินไปที่ประตูรถ
ซูเยี่ยนที่หลับตาแน่นได้ยินชื่อของมู่เก๋อ เลยรู้สึกขนลุก
เขาได้ยินชื่อนี่ เลยทำให้นึกถึงคนที่เคยรู้จัก
ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น น้อยมากที่จะไม่มีเพื่อนบุกน้ำลุยไฟด้วยกัน เคยวู่วามเกเรกันทั้งนั้น
ตอนนั้น ซูเยี่ยนผ่านความยากลำบากมามากไม่เคยเจอเรื่องดีๆเลย
เขามีแค่เพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกัน ถึงแม้หลังจากนั้นพวกเขาจะแตกหักกันเพราะแย่งภารกิจ เขาก็จะไม่ลืมคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเขา
ตอนที่กระจกรถถูกเปิด ซูเยี่ยนกลั้นหายใจ พยายามไม่ให้ลมหายใจเล็ดลอดออกมา
แต่เสียงที่ดังตามมาทำให้เขานึกย้อนถึงอดีตของเขา
“ซูเยี่ยน สุดท้ายมึงก็อยู่ในกำมือกู”
คำพูดนี้ทั้งสองคนพูดก่อนจะแยกกัน ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้จริงๆว่าเขาจะรอดหรือเปล่า
ตอนที่ซูเยี่ยนกับมู่เก๋อรู้จักกันยังเด็ก เป็นช่วงเวลาที่เขาเพิ่งออกมาจากบ้าน
ซูเยี่ยนที่เสื้อฉีกขาดกลับไปที่ใต้สะพานที่เขานอน ทีแรกเขาอยากไปล้างหน้าก่อนแล้วค่อยไปนอน
แต่ไม่คิดเลยว่าข้างทางจะมีเสียงเห่า
นั้นเป็นหมาที่เขาเก็บมาจากถังขยะ เลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าที่ให้เขา
ปกติคนที่เดินผ่าน มันก็แค่เห่าเสียงเบา
ตั้งแต่ออกมาจากตระกูลเยี่ยน เขาก็พึ่งพาตัวเองตลอด ถึงแม้แรกๆจะลำบากมาก แต่พอนานไปเขาก็ชินเอง
ตอนที่กลับไปถึงที่นอนใต้สะพาน ที่ที่เขาใส่เศษผ้าที่เก็บมาปูเป็นที่นอน ตอนนี้มีคนแปลกหน้ามายึดไป
เขาที่ยังเด็กขมวดคิ้วแน่นแล้วเดินไปตรงหน้าคนคนนั้น จากนั้นก็ใช้เท้าสะกิดเขา “นี่ ตื่น แกมานอนที่ของฉัน”
คนที่นอนอยู่แค่พึมพำแต่ไม่ตื่น ซูเยี่ยนก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ใช่คนชั่ว เห็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเขาไม่ตื่นสักที เขาอาจจะไม่สบายหรือว่าสลบก็ได้
เขาก็ไม่ใช่แม่พระที่ยอมเสียเงินที่เหลือกับคนแปลกหน้า แต่ที่นอนยืมให้คนอื่นชั่วคราวยังพอได้
เขาใช้มือจับจมูก จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในอีก นั่งกอดตัวเองไว้ ค่ำคืนนั้นจึงผ่านไปอย่างนั้น
พอตื่นมาอีกวัน เขาจึงเห็นว่าเด็กเร่ร่อนคนนั้นตื่นแล้ว
“ที่นี่ที่ไหน” ใบหน้าที่มีแต่ฝุ่น ดวงตาสีดำเข้มกวาดมองไปทั่ว
“นี่ใต้สะพาน แกแย่งที่นอนฉันไปแล้วยังหลับสบายอีก ถ้ารู้แต่แรกฉันไล่แกไปแล้ว” ซูเยี่ยนเดินไปพูดกับเขา
โดนคนอื่นเข้าใกล้เขาสะดุ้งตกใจ ตัวเขาหดแล้วออกห่างจากซูเยี่ยนค่อยสบายใจ
“นายเป็นใคร?” เขาถามด้วยแววตาสงสัย
“ฉันเป็นคนที่ไม่มีบ้าน เหมือนกับแก” ซูเยี่ยนพูดอย่างนิ่งเฉย
“ฉันจะเป็นคนที่ไม่มีบ้านได้ยังไง ฉันยังมีพี่ชายพี่สาวหลายคน ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีบ้าน” โดนว่าไม่มีบ้าน เด็กผู้ชายเลยไม่พอใจ
ในสายตาซูเยี่ยนมีความไม่แยแส
“ถ้ามีบ้านจะมาแย่งที่นอนฉันอีก แกแน่ใจเหรอว่าแกไม่ได้โดนทิ้ง” ซูเยี่ยนพูดตรงๆ นี่เป็นอาวุธของเขาตั้งแต่เด็ก
พอโดนว่าแบบนี้ เด็กผู้ชายอารมณ์เสียแล้วนึกขึ้นได้ เขาโดนคนทิ้งจริงๆ ความโมโหบนหน้าเลยเปลี่ยนไปเป็นความเศร้า
เขาที่อ่อนแอแบบนี้ทำให้ซูเยี่ยนรู้สึกไม่โอเค เลยรู้ว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรที่ไม่ดีไป
เขาเลยปลอบใจเขาอย่างทำตัวไม่ถูก “แกโดนทิ้งก็ไม่เป็นไร ต่อไปแกก็พึ่งพาตัวเองกับฉัน ถ้าฉันมี แกก็จะมี แน่นอนแกก็ต้องเรียนรู้พึ่งพาตัวเอง”
เด็กผู้ชายที่ไม่รู้ว่าอะไรคือการพึ่งพาตัวเองเห็นเด็กที่โตกว่ายอมช่วยเหลือเขา เลยรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันจะทำตามนาย”
หลังจากนั้น ข้างหลังซูเยี่ยนก็จะมีหางตัวเล็กตามตลอด
ซูเยี่ยนเรียกเขาว่าเสี่ยวเก๋อจื่อ เพราะครั้งแรกที่เขาออกไปขอแล้วได้เสื้อลายสก๊อต เขาเลยเรียกแบบนั้น
ซูเยี่ยนเดาว่านี่อาจจะเกี่ยวข้องกับชื่อเดิมของเขา แต่ไม่อยากถามเลยเก็บไว้ในใจตลอด
ทั้งสองพึ่งพากันเป็นเวลาหลายปี พอโตขึ้นแล้ว พวกเขาก็ไปทำงานที่ร้านอาหารต่างๆ เพราะอายุพวกเขายังไม่ถึง ทำงานระยะยาวไม่ได้ เพราะกฎหมายก็ไม่อนุญาตด้วย
รอทั้งสองคนออมเงินได้แล้ว เลยไปสมัครเรียนด้วยกัน
ทั้งสองคนฉลาด กระโดดข้ามชั้นตลอด พอตอนที่จะเลือกมหาวิทยาลัย พวกเขาก็เลือกสายตำรวจเหมือนกันอีก
ก่อนที่จะเป็นตำรวจ พวกเขาฝึกที่โรงเรียนตำรวจด้วยกัน แล้วการฝึกแบบนั้นพวกเขาก็ทำได้ดีเหมือนกัน ตอนที่ทุกคนเลือกว่าใครเป็นที่หนึ่งไม่ได้ ซูเยี่ยนยอมถอยให้
แต่เรื่องนี้มู่เก๋อไม่ค่อยโอเค เพราะเขาอยากให้อยู่ต่อทั้งสองคน
แต่เสียดายตอนนั้นเขาไม่รู้ ที่ซูเยี่ยนถอยให้ไม่ใช่แค่อยากให้เขาได้ที่หนึ่ง แต่เพราะเขาได้รับภารกิจสายสืบ
ไปเป็นสายสืบในตระกูลหนึ่ง ไปสืบให้รู้ว่าแอบซ่อนยาเสพติดกับอาวุธไว้หรือเปล่า
ทีแรกภารกิจนี้ไปด้วยกันสองคนได้ แต่ซูเยี่ยนรู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน เขาหวังว่า มู่เก๋อจะมีชีวิตที่ดี เพราะเขายังมีครอบครัวที่ต้องตามหา แต่เขาไม่มี
เขาตัดสินใจแบบนี้เขาไม่เคยเสียใจเลย
แต่ไม่คิดเลยว่า ไม่รู้ว่ามู่เก๋อได้ข่าวจากไหน แล้วเขาไม่เห็นด้วยกับเขา แล้วคิดว่าถ้าภารกิจนี้เขาไปด้วย ทั้งสองก็จะมีผลงาน เพราะฉะนั้นเขาเลยจะไปด้วย
ตอนนั้นซูเยี่ยนไม่ได้คิดอะไรมาก ว่าใครปล่อยข่าวให้เขา
เขาแค่คิดว่าความคิดมู่เก๋อไร้เดียงสาเกินไป แล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องที่พวกเขาจะทำกลับเป็นสิ่งที่ปิดบังอีกฝ่าย
อาจจะเพราะนึกถึงอดีต ลมหายใจของซูเยี่ยนเลยรัว แล้วมู่เก่อที่จับตาจ้องเขาอยู่ก็หัวเราะในลำคออย่างเยือกเย็น
“ไอ้ซูเยี่ยน มึงก็ยังเหมือนแต่ก่อน คิดว่ากูจะไม่รู้เหรอ”
“แต่มึงไม่เคยคิดเหรอ วิธีที่มึงเลือกเป็นวิธีที่กูใช้มาหมดแล้ว”