ท่านประธานที่รัก - บทที่ 443 รู้สึกดีด้วย
“ได้สิ” น้องสาวที่ทั้งมีมารยาททั้งรู้เรื่องแบบนี้เธอจะไม่รู้สึกดีด้วยได้ยังไง
แต่เพราะเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับซูเยี่ยนมาก เฉินเฉียวเลยไม่ได้อยู่ต่อ
เซิ่งชิงดูแลซูเยี่ยนที่โรงพยาบาล หลังจากที่พี่ชายรู้ว่าเซิ่งโหรวแอบไปหาซูเยี่ยน เลยไม่กล้ามาอีก
ไม่ว่าพี่ชายจะมีลูกน้องมากแค่ไหน ยังไงก็จับตาเธอได้ง่ายๆอยู่แล้ว
เซิ่งยวี่ให้คนไปสืบว่าซูเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง ไม่นานก็ได้ข่าวคราวแล้ว
“แกแน่ใจเหรอว่าได้พวกเขาพูดกับหูว่าจะจัดการซูเยี่ยน?” เขานั่งพิงบนเก้าอี้ มองคนที่กลัวจนตัวสั่น น้ำเสียงของเขาเข้มมากจนคนคนนั้นเงยหน้าไม่ขึ้น
คนที่อยู่ในมือลูกน้องเขาเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์
ซึ่งก็คือลูกน้องของมู่เก๋อ วันนั้นเขาเฝ้าดูอยู่ห่างๆ แต่เขาก็เป็นลูกน้องของเขาด้วย
แต่ตอนนี้ต้องดูก่อนว่าที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
ผู้ชายที่บอกว่าตัวเองเป็นคนที่ได้ยินมู่เก๋อพูดเองกับหูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ไม่กล้าขยับเพราะสายตาที่แหลมคมนั่นเลย
“ลูกพี่ ผมไม่กล้าโกหกหรอกครับ ตอนนั้นผมยืนฉี่อยู่ใกล้ๆ มู่เก๋อกับผู้หญิงอีกคนมาพร้อมกัน ตอนนั้นที่ผมได้ยิน ผมก็ตกใจเหมือนกัน”
พูดถึงเรื่องตอนนั้น ตอนนี้เขานึกถึงเหงื่อยังตกยังตกใจอยู่เลย
เห็นเขากะพริบตาอย่างหวาดกลัว เซิ่งยวี่ค่อยเชื่อที่เขาพูด
ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แกก็ยังทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกเฝ้าระวังเรื่องที่ไอ้มู่เก๋อนั้นเคยทำ ถ้ามีหลักฐานยิ่งดี เพราะแกเป็นคนของมัน ถ้าเป็นพยาน คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ”
ผู้ชายคนนั้นเข้าใจ ตอนนี้ที่เขามาหาลูกพี่ ก็แค่อยากมาขอรางวัล
กับคำสั่งของลูกพี่ เขาก็ต้องทำตามอยู่แล้ว
ปู้อี้เฉินที่ไม่ได้เจอเซิ่งโหรวนานแล้วมาหาเซิ่งยวี่อยากรู้ว่าเขามีข่าวคราวเธอหรือเปล่า ตอนที่เข้าประตู ก็เห็นเซิ่งยวี่เดินออกมาพร้อมใครอีกคน เขาเลยหลบที่มุมข้างๆ อธิบายไม่ถูกว่าเพราะอะไร อะไรที่ควรพูดเซิ่งยวี่พูดกับเขาแล้ว ถ้าเขายังโดนคนอื่นจับได้อีก เขาก็คงไปช่วยไม่ได้ แล้วเขาก้ไม่มีค่าพอที่เขาจะเปิดเผยตัวตน
เห็นคนเดินไปไกลแล้ว เซิ่งยวี่กำลังจะเข้าไป สายตาก็เหลือบมองใต้หลังคา สายตาที่แหลมคมนั่นเอาแต่จ้องมา จนปู้อี้เฉินที่หลบอยู่คิดว่าเขาเห็นแล้ว
เขาก้าวเดินไปหนึ่งก้าว กำลังจะเดินออกไป แต่เซิ่งยวี่กลับหันกลับไปแล้ว เขาเลยหยุดชะงัก คิดว่าเมื่อกี้เขาคิดไปเอง แต่ว่า ที่เขาไม่รู้คือ ตอนที่เซิ่งยวี่ยังไม่ได้เดินเข้าไป เขาก็สั่งลูกน้องไว้แล้ว
ปู้อี้เฉินเริ่มร้อนใจ ที่หลบเมื่อกี้ เขาไม่แน่ใจเลยว่าถ้าเขาเข้าไปแล้วจะร้อนตัวหรือเปล่า
คนอย่างเซิ่งยวี่ไหวพริบดีมาก บางครั้งแค่สีหน้าเล็กน้อยบางอย่าง ก็สามารถรู้อะไรหลายๆอย่างแล้ว
แต่ช่วงนี้บริษัทของปู้อี้เฉินไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเซิ่งกรุ๊ป ประสิทธิภาพลดลงไม่น้อย เขาจึงหักห้ามใจไว้แล้วเดินเข้าไป
“มาแล้วเหรอ” เซิ่งยวี่ที่กำลังให้อาหารปลากลางห้องโถง พูดออกมาโดยที่ไม่หันหน้าไปเลย
ปู้อี้เฉินสะดุ้งตกใจ เห็นว่าเขาหันหลังให้ ไม่มีทางเห็นสีหน้าเขาแน่นอน ค่อยโล่งใจ
“คุณชายเซิ่ง ผมเองครับ” ปู้อี้เฉินแกล้งทำเป็นว่าเขาจำผิด ถึงในใจเขาก็คิดอย่างนั้นก็ตาม
ตำแหน่งที่ปู้อี้เฉินมองไม่เห็น มุมปากเซิ่งยวี่เลิกขึ้น กำลังยิ้มเสียดสี
ถึงจะรู้ตั้งนานแล้วว่าคนอย่างปู้อี้เฉินเชื่อใจไม่ได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่า เขาจะแสดงตัวตนออกมาเร็วขนาดนี้
เมื่อกี้ตอนที่เห็นเขากับลูกน้อง ถ้าแสดงตัวออกมาก่อน เขาอาจจะเชื่อใจเล็กน้อย แต่เสียดายเขาไม่ได้ทำแบบนั้น
ถ้างั้นเรื่องที่เขาหวังในใจคงไม่ง่ายขนาดนั้น
แล้วเขาก็ต้องคิดไม่ดีกับเขาด้วย
ความคิดแบบนี้แค่ลอยเข้ามาในหัวเขา จากนั้นก็หันไปหาปู้อี้เฉิน สีหน้าเขาก็กลับไปเป็นปกติ
“ฉันรู้ว่าเป็นนาย ช่วงนี้น้องโหรวยุ่งเรื่องบริษัท ครั้งก่อนเธอก็บอกฉันให้บอกนาย พวกนายทะเลาะกันเหรอ? ทำไมตอนนี้ไม่คุยกันเลย”
ปู้อี้เฉินที่โดนถามทำหน้างง เขาที่ไม่รู้อะไรเลย อยู่ๆก็ขาดการติดต่อกับเซิ่งโหรว
เมื่อเทียบกับแรกที่คบกัน ปู้อี้เฉินคงคิดว่าเธอบล็อกเขาแล้ว
ตอนนี้รู้ว่าเธอยุ่ง เลยไม่ได้ติดต่อเขา ในใจเขาค่อยโล่งอกไปที
ตำแหน่งเขาในตอนนี้ เขารู้ดี เขาก็แค่พึ่งพาเซิ่งยวี่ถึงมีทุกอย่างในตอนนี้ ถ้าพวกเขาแตกหักกัน งั้นก็คงเหมือนควันที่จางหายไป
เห็นคิ้วของปู้อี้เฉินไม่ขมวดแล้ว เซิ่งยวี่เลยจงใจพูดอะไรแทนเซิ่งโหรวเพื่อความสะใจ
เซิ่งโหรวที่ยังติดใจเรื่องของซูเยี่ยน ตอนนี้เขาไม่รู้สึกแล้วว่าที่เธอยุ่งกับปู้อี้เฉินเป็นเรื่องไม่ดี
เซิ่งโหรวที่กล้าเสี่ยงกล้าลอง น้องเล็กที่อ่อนแอทำให้เขาเอ็นดูมากกว่า
ทุกคนก็ต้องลำเอียงทั้งนั้น เขาจะทำทุกอย่างให้เท่าเทียมไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เซิ่งโหรวมีอะไรที่เขาต้องเป็นห่วง
อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เรื่องที่จะโดนปู้อี้เฉินหลอกความรู้สึก แต่หลอกทรัพย์สินนี่สิเป็นไปได้มากกว่า
แต่เขาหนุนหลังอยู่ ถ้าโดนหลอกยังไง ก็คงไม่เกินขีดจำกัดในใจของเขาหรอก
ปู้อี้เฉินไม่รู้ว่าคนตรงหน้ารู้แล้ว ถ้าเขาหลอกเซิ่งโหรวได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ยังพุดอย่างจริงใจว่า “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา อยู่ๆโหรวก็หายหน้าหายตาไป หรือว่าเพราะเลขาในห้องทำงานผม?”
“เลขา” เซิ่งยวี่ยิ้มอ่อนอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็พูดปากไม่ตรงกับใจ “อาจจะเป็นไปได้ น้องสาวฉันคนนี้ไม่ชอบโดนหักหลัง ถ้านายใกล้ชิดกับเลขาเกินไป เธออาจจะไม่อยากเจอนายอีก เอาอย่างนี้ ฉันให้ที่อยู่เธอ นายไปหาเธอเองแล้วกัน”
เซิ่งยวี่หยิบกระดาษปากกามาแล้วก้มลงไปเขียน จากนั้นก็ยื่นให้เขา