ท่านประธานที่รัก - บทที่ 448 น่าหลงใหล
ปู้อี้เฉินเกือบจะแสยะยิ้มสถานการณ์ตรงหน้าเขามันชัดเจนมาก เป็นเธอคนเดียวที่จุดไฟเผาบ้าน ทุกวันนี้แม่ของเขาไม่พอใจเธอไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นมัน
แต่สถานการณ์ที่บ้านกลับกลายเป็นแบบนี้ ร้อยละ 90 เกี่ยวข้องกับครอบครัวซังความสัมพันธ์ระหว่างโหยวจิ้งหลีกับครอบครัวซังมีความเกี่ยวข้องกัน ที่แม่เขาทำแบบนี้ก็เข้าใจได้
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าแค่เรื่องเล็กๆน้อยแบบนี้ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าพ่อแม่ของเขา
เขาโกรธมาก “เพียะ” คบหน้าเธออย่างแรงด้วยฝ่ามือของเขา
ตบแรงมากเกินไปใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงและบวมมุมปากเลือดออกแดงก่ำ
“ฮ่าฮ่า ปู้อี้เฉินแกมันโง่ขนาดนี้เลยเหรอ แกไม่เข้าใจจริงๆเหรอว่า ทำไมฉันต้องทำแบบนี้? “ความเกลียดชังแวบเข้ามาในดวงตาของโหยวจิ้งหลีเธอเยาะเย้ยเธอได้เห็นสีหน้าของปู้อี้เฉินแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะเยาะเย้ยความโง่เขลาของเขาหรือจะเกลียดที่เขาตาบอดมองไม่ออก
ทำไมตอนแรกถึงไปชอบผู้ชายที่หลงตัวเองแบบนี้นะ
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเขาที่ไม่เคยดูแลลูกสาวของเธอ และถากถางเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ไม่ให้กำเนิดลูกผูู้ชาย เธอจะโกรธได้มากขนาดนี้เหรอ?
เธอมองความคิดพวกเขาไม่ออกเหรอ
ต่อหน้าไม่พูดแต่ไปพูดข้างนอก ว่าที่ให้เธอออกจากบ้านมันเป็นข่าวลือทั้งหมด
ตอนที่เธอรู้สึกหดหู่เขาอยู่ที่ไหน เขากำลังไปยุ่งกับเฉินเฉียวหรือว่ามัวแต่ไปอยู่บ้านหลังอื่น
เธอได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าเธอไม่ได้กลิ่นหรือไง
ถ้าไม่ใช่เพราะลูกเธอก็จะเลิกกับเขาตั้งนานแล้ว
แต่สุดท้ายแม้แต่ลูกก็ไม่เหลือแล้ว
หลังจากถูกผู้หญิงด่าว่าโง่ปู้อี้เฉินกำมือแน่นโกรธจัดและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้โหยวจิ้งหลีหน้าแดงก่ำ
โหยวจิ้งหลีตบมือเขาอย่างแรง จิกเล็บที่หลังมือ แต่ความแข็งแกร่งของหญิงและชายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเธอไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแต่หลังจากดิ้นรนอีกครู่หนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป
ปู้อี้เฉินตื่นตระหนกมากเมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคอตกและมือของเธอห้อยอยู่ที่หลังมือของเขา
การที่เขาเพิ่งจะบีบคอเธอความคิดที่อยากจะฆ่าเธอนั้นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ
เขาไม่อยากติดคุกเพราะผู้หญิงที่เกลียดเขาชีวิตเขายังสดใสจะถูกทำลายเพราะเธอได้อย่างไร
เขากุมขมับ ต่อยต้นไม้ข้างๆ
เขาตระหนกเกินไปไม่ได้ตรวจดูว่าโหยวจิ้งหลีหายใจหรือไม่ ตายหรือไม่ตาย
เมื่อเขาได้สติก็คิดเพียงแค่ว่าต้องรีบจัดการศพของเธอ
เขาขับรถที่เขาขับมาจากที่จอดรถซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขา จากนั้นใช้ประโยชน์จากความมืดของยามค่ำคืน เขาจึงขนโหยวจิ้งหลีไปที่เบาะหลังของรถด้วยความว่องไว
ทางด้านหน้ามีโค้งนับไม่ถ้วนและเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาขับรถไปที่ไหน
เมื่อเขาเห็นเนินเขา เขาก็หยุดรถลากร่างของโหยวจิ้งหลีแล้วโยนเธอลงไป
เมื่อมองลงมาจากด้านบนเขาแน่ใจว่าเขามองไม่เห็นเงาของบุคคลนั้น ก่อนที่เขาจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด
เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นเขาไม่กล้าที่จะกลับไปที่บ้านก็เกือบจะถูกไฟไหม้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหาที่ตั้งหลักแหล่งชั่วคราว
ตอนบริษัทล้มละลายครอบครัวได้เปิดศูนย์สุขภาพโดยพ่อของเขาใช้อุปกรณ์พวกนี้ในการบำบัดเอง
ในที่สุดมันก็กลายเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตสำหรับพวกเขาในการเลี้ยงดูครอบครัว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายในการช่วยชีวิต
อุปกรณ์พักฟื้นเหล่านั้นมีสายไฟจำนวนมากเมื่อเกิดเพลิงไหม้จะลุกไหม้เร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นพ่อแม่เขาคงจะมีโอกาสหนีออกมาแล้ว
ปู้อี้เฉินอึดอัดแต่เขารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะพักผ่อนและเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศโดยเร็วที่สุด
แต่โหยวจิ้งหลีที่ถูกโยนลงมาจากเนินเธอไม่ได้หายไปอย่างที่ปู้อี้เฉินคิด เธอถูกปู้อี้เฉินบีบคอจนหมดสติไปชั่วคราว หลังจากที่เธอตื่นขึ้นเธอก็พบว่าเธอกำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าที่ไม่รู้จัก
เสื้อผ้าบนร่างของเธอเปียกโชกเมื่อมองไปยังแม่น้ำสายเล็กๆ ตรงหน้าเธอ เธอแทบไม่ต้องคิดเลย ปู้อี้เฉินคิดว่าเธอตายไปแล้วและต้องการเอาศพของเธอไปทิ้งให้ไกลที่สุด
ลมหนาวพัดมาที่เธอและทำให้เธอตัวสั่น
เสื้อผ้าบนตัวของเธอขาดออกทั้งหมดเมื่อตกลงมา
ผิวหนังแดงก่ำ
บาดแผลเหล่านี้เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้นตอนนี้เธอทนได้
เธออยากกลับไป ถ้ากลับไปได้เธอจะไปแก้แค้นเขา
เพราะพลังนี้
เธอพยุงตัวเองจากหญ้าและคลานขึ้นไปบนถนน
ไม่รู้ว่าเพราะที่นั้นไกลเกินไปหรือเปล่านานแล้วไม่มีรถผ่านข้างทางตอนที่เธอกำลังจะหมดหวัง ในที่สุดก็มีรถสีขาวผ่านมา
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”ก่อนที่เธอจะหายใจได้เธอร้องเสียงดังไปที่รถ
เวลานี้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เธอไม่มีเวลามาคิดมาก
เธอสกปรกมอมแมมและดูเป็นคนไม่ดี
รถขับออกไปทันทีโดยไม่ได้ยิน
โหยวจิ้งหลีเซลงกับพื้น
ข้างหลังเธอมีเสียงแตรดัง เธอหันไปมองดวงตาของเธอเบิกกว้างตกใจเล็กน้อยแต่เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดก็มาแล้ว
พอขึ้นรถก็นั่งเซื่องซึมอาจเป็นไข้นอกจากนี้ร่างกายยังเปื้อนเลือดอยู่ คนขับรถบรรทุกไม่กล้าทิ้งเธอจึงรีบพาเธอไปส่งประตูหลังโรงพยาบาลแล้วรีบไป
โหยวจิ้งหลีนอนอยู่ตรงหัวมุมถนนมองผ่านแสงแดดที่พร่ามัวรู้สึกว่าแสงแดดที่โปร่งแสงค่อยๆ หายไป เช่นเดียวกับชีวิตของเธอก็หายไป
“นั่นคือ…”
ทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยเธอใช้แรงเฮือกสุดท้ายรีบเข้าไปกอดต้นขาของชายคนนั้นแล้วพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ช่วยด้วย”
“ใครหน่ะ?”ซังอวิ๋นหันไปมองคนที่จับขาของเขาขมวดคิ้วพยายามจะสะบัดเขาออกไป
แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันได้ขยับมือที่จับต้นขาของเขาก็คลายออกอย่างกะทันหัน
ขณะที่เธอนอนอยู่บนพื้นซังอวิ๋นก้มลงและค่อยๆผลักเธอไปข้างหนึ่งแล้วพบว่าคนนี้กลายเป็นโหยวจิ้งหลี
เขาให้ความสนใจกับคนที่เกี่ยวข้องกับเฉินเฉียวมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้ด้วยว่าผู้หญิงคนนี้เคยแย่งสามีเก่าของเฉินเฉียวแน่นอนว่าเขามีความสุขกับมันอย่างไรก็ตามเขาก็เกลียดผู้ชายคนนั้นด้วย
ใบหน้าของโหยวจิ้งหลีเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลเหล่านี้เกิดจากการตกลงมาจากเนินเขา มีร่องรอยฝ่ามือชัดเจนบนใบหน้าและลำคอของเธอเห็นได้ว่าเธอถูกทุบตีมาก่อน
เห็นสภาพเธอแบบนี้เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาเขย่าเธอและพูดว่า “เฮ้ ตื่นเร็ว”