ท่านประธานที่รัก - บทที่ 469 เธอเป็นคนของฉันแล้ว
ทั้งๆที่ชู่จี้เป็นของฉัน!
สายตาเธอจ้องไปที่ซังอี๋ อยากจะจ้องทะลุตัวเธออย่างนั้น
ซังอี๋รู้สึกได้ว่ามีคนมองตัวเองอย่างไม่เป็นมิตร เธอหันซ้ายหันขวา สุดท้ายเลยเห็นสายตาคู่นั้น
ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกำลังยิ้มให้ตัวเอง แต่รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
ใจเธอเต้นแรง จากนั้นก็หันกลับไปยิ้มหวาน “คุณปู่คะ ปกติคุณปู่ชอบทำอะไรคะ?”
“ปู่เหรอ ปู่แก่แล้ว รดน้ำต้นไม้บ้าง เล่นหมากรุกบ้าง ปู่อยากให้เราขยันๆแล้วรีบมีเหลนให้ปู่”
ชู่จี้กอดเอวเธอไว้ จากนั้นก็เป่าลมข้างหูเธอ “ได้ยินหรือยัง? คุณภรรยา คืนนี้เราต้องขยันแล้วล่ะ”
คุณปู่ยิ้มอย่างดีใจ “ดี ดี ดี พวกเรารู้ก็ดีแล้ว”
คุณปู่กับพ่อชู่ไม่ได้ไม่ชอบซังอี๋ แต่แม่เลี้ยงของชู่จี้ไม่ได้คิดแบบนี้ เธอเดินมาแล้วยิ้มอย่างไม่หวังดี “เด็กที่ไหนไม่รู้อยากเข้าตระกูลเรา ตระกูลชู่ของเราจะยอมง่ายๆได้ยังไงกัน?”
นี่เหมือนกำลังเสียดสีซังอี๋
“พูดอะไรกัน!” ถึงเถ้าแก่อายุจะมากแล้ว แต่ความเกรงขามยังอยู่ เป็นมาดของคนที่อยู่ตำแหน่งสูงๆ
“คุณพ่ออย่าอารมณ์เสียสิคะ” เกาเหมยเหวินยิ้มแห้ง “หนูแค่กลัวชู่จี้จะพาคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน หนูต้องช่วยเขาดู”
ถึงจะพูดแบบนี้ เกาเหมยเหวินกลับใช้สายตาเรียกหลิงเยว่มา หลิงเยว่เดินมาอย่างสง่า ยืนอยู่ตรงหน้าซังอี๋ มองเธอด้วยท่าทางสูงส่ง “ได้ข่าวว่า คุณคือคุณหนูซัง?”
“ตระกูลซังที่มีชื่อเสียงมีแค่ตระกูลเดียว คุณคงไม่ใช่ลูกสาวของซังหลินจวินหรอกมั้งคะ?” หลิงเยว่พูดอย่างเยาะเย้ย
คุณพูดถูกแล้วล่ะ ฉันเป็นลูกสาวของซังหลินจวิน ซังอี๋แอบยิ้มในใจ แต่ก็ตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “คนอย่างคุณซัง ฉันคงไม่กล้าไปยุ่งด้วยหรอกค่ะ ฉันเป็นคนครอบครัวเล็กๆค่ะ”
พอได้คำตอบจากซังอี๋ หลิงเยว่ก็ได้ใจกว่าเดิม “ฉันเป็นคนตระกูลหลิง ความจริง หนูรู้สึกว่าฐานะเท่าเทียมกันจะดีกว่านะคะคุณปู่”
พ่อชู่ที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หลิงเยว่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด แล้วทั้งสองตระกูลก็สนิทกัน ก็ถือเป็นเรื่องมงคลที่ดี
เถ้าแก่เงียบไปครู่หนึ่ง “ปู่เคารพการตัดสินใจของเรา แค่เราชอบ ไม่ว่ายังไงปู่ก็สนับสนุน”
ชู่จี้ยิ้มุมปาก “ผมจะดูแลซังอี๋ดีๆแน่นอนครับ”
“ชู่จี้!” พ่อชู่เริ่มอารมณ์เสีย เด็กคนนี้เอาแต่ใจเกินไป เรื่องใหญ่ระหว่างตระกูลจะตัดสินใจง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง!
เขาเลิกคิ้ว “ผมแค่ทำตามที่คุณปู่บอก”
“แก……!” เพราะเถ้าแก่อยู่ด้วย พ่อชู่เลยหักห้ามอารมณ์ ทำอะไรไม่ได้เลยจ้องไปที่ซังอี๋
ซังอี๋เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ใส่ร้ายกันชัดๆ เธอแค่ยักไหล่ไม่สนใจ เพราะแค่แสดงละครวันนี้กับชู่จี้จบเธอก็ไปได้แล้ว อีกหน่อย ทางใครทางมัน ไม่ต้องเจอกันอีก
“พ่อคะ พ่อก็รู้ ถึงรากฐานตระกูลเราจะมั่นคง แต่ก็ต้องดีขึ้นไปอีกไม่ใช่เหรอคะ หนูทำไปก็เพื่อตระกูลเรานะคะ” เกาเหมยเหวินพูดให้ตัวเองดูดี
ชู่จี้ไม่ชอบท่าทางแบบนี้ของเธอ เลยพูดเสียดสีว่า “ตระกูลชู่ของเราจะเป็นยังไง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
สีหน้าเกาเหมยเหวินเปลี่ยนไป “น้าก็ไม่ได้พูดเพราะเรื่องเงิน พ่อเราก็รู้ กี่ปีที่ผ่านมา น้าไม่เคยเอาเงินตระกูลชู่สักสลึงเดียว”
เกาเหมยเหวินพูดให้ตัวเองดูดีเก่งจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอแต่งเข้ามา มีชีวิตสุขสบายแบบนั้น ยังกล้าพูดว่าไม่เคยเอาเงินของตระกูลชู่?
ชู่จี้แค่หันไปพูดกับคุณปู่ “ปู่ครับ ถ้าปู่ยังอยากมีหลานสะใภ้ ตอนนี้ต้องรีบตัดสินใจนะครับ ถ้าคุณปู่ทำเฉย ผมกับเสี่ยวอี๋ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ไม่อยากยุ่งเรื่องบ้าบอในบ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้เถ้าแก่สั่ง ชู่จี้ไม่กลับมาแน่นอน
“หยุดเดี๋ยวนี้” ลูกชายตัวเองยิ่งโต ก็ยิ่งไม่เห็นหัวตัวเอง อกตัญญูจริงๆ
พ่อชู่ก้าวเดินไปหาอย่างเข้มงวด “อะไรของแก? ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่ตกลงงานแต่งนี้”
ชู่จี้จ้องมองคนที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่ไม่มีความรู้สึกต่อกัน “คุณ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อผม” ริมฝีปากเขาพูดออกมาช้าๆ
พ่อชู่โมโหมาก “อกตัญญู อกตัญญู” ท่านเกือบจะหยิบเก้าอี้ฟาดชู่จี้ แต่ยังดีที่เถ้าแก่ห้ามไว้ “อะไรกัน? ไม่อายคนอื่นเหรอ? เรื่องของเสี่ยวจี้ให้เขาตัดสินใจเอง พวกแกไม่ต้องยุ่ง”
ในตระกูล เถ้าแก่มีสิทธิ์พูดที่สุด เห็นเถ้าแก่โมโห คนอื่นๆเลยเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แผ่นหลังของเขาดูโดดเดี่ยว ซังอี๋เลยมีความเห็นใจ ถึงแม้อยู่ข้างนอกชู่จี้จะดูดีแค่ไหน แต่ในบ้าน นอกจากคุณปู่ที่ดีกับเขา ยังมีใครอีกที่เขาไว้ใจได้?
“คุณปู่คะ หนูกับชู่จี้ไปก่อนนะคะ ไว้วันหลังจะมาหาใหม่นะคะ” ซังอี๋พูดอย่างมีารยาท
เห็นคุณปู่พยักหน้าให้ เธอค่อยเดินตามชู่จี้ไป คล้องแขนเขาไว้ อยากให้ความอบอุ่นเขา
ความอบอุ่นซึมผ่านเสื้อไปที่ผิว ชู่จี้หันมองสีหน้าของผู้หญิงข้างๆ เห็นแค่เธอกะพริบตา ไม่มีสีหน้าอื่นอีก
ทั้งสองขึ้นรถไปเงียบๆ มือของชู่จี้วางอยู่ที่พวงมาลัยรถ กลับไม่ได้สตาร์ทรถ แววตามีความหม่นหมอง “ซังอี๋”
นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาเรียกชื่อเธออย่างจริงๆจังๆ
ซังอี๋ไม่ค่อยชิน แค่ตอบเสียงเบา
“ดึงเธอเข้ามาในเรื่องวุ่นวายนี้ ขอโทษนะ ไม่ได้จะหลอกใช้เธอ เพราะว่า ถ้าจะเป็นคุณหญิงตระกูลชู่ ยังไงก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว” มองสีหน้าเขาไม่ชัด แต่ความโดดเดี่ยวนี้ทำให้รู้สึกเศร้ามาก
เขากำลังอธิบายเหรอ? หรือว่าเขาจริงจัง?
ซังอี๋ยื่นมือไปจับมือเขาไว้ “ฉันอาจจะ ลองให้ความอบอุ่นนายได้”
เธออยู่ในครอบครัวที่มีความสุข ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้ กับผู้ชายตรงหน้า เธอรู้สึกเป็นห่วง แล้วมีความรู้สึกบางอย่าง
ชู่จี้เงยหน้ามองซังอี๋ มองตั้งแต่เส้นผม หน้าผาก จมูก แล้วมาริมฝีปาก “ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าคนคนนั้นจะเป็นเธอ ไม่ใช่หลิงเยว่”
ใจ เต้นแรงอีกครั้ง
นี่หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งอีก ถึงไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ แต่ว่า เธอชอบความรู้สึกแบบนี้
เธอหันหน้าไป “”กลับเถอะ พรุ่งนี้ฉันยังต้องทำการทดลอง”
ชู่จี้ยิ้มอ่อน “เธอเป็นคนของฉันแล้ว ยังจะเขินอีกทำไม?” น้ำเสียงดูเจ้าเล่ห์มาก