ท่านประธานที่รัก - บทที่392 จุดอ่อน
ในที่สุดก็เห็นประตูเหล็กโผล่มาตรงหน้า
เก๋อหลุนยืนอยู่ที่ประตูเหล็ก เขาล้วงมือเข้าไปในกางเกงสีดำ
เฉินเฉียวรู้สึกว่ามือของเขาอยู่ที่ตำแหน่งของลับ เลยไม่ได้มองไปแต่ตอนนี้หูเธอจู่ๆก็ได้ยินเสียงคลิก
เมื่อมองไปด้านข้างเฉินเฉียวก็เห็นว่าประตูเหล็กที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก
เธอมองไปรอบๆโดยไม่รู้ตัว หลังจากพบว่าไม่มีใครสังเกตก็ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในประตูเหล็ก
ตอนที่เดินเข้าไปข้างใน เฉินเฉียวรู้สึกว่าคนข้างในจ้องมองเธออยู่
“ หลินจวิน?”เมื่อเห็นสายตาหลินจวินมองเธอด้วยสายตาอันตราย เฉินเฉียวไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย เพราะพอได้เจอเขาหัวใจที่หนักอึ้งอยู่ตลอดของเธอในที่สุดก็คลายลง
หลินจวินไม่มีทางรู้เลย ตลอดทางที่เธอเดินมา ในใจเธอคิดอยู่หลายรอบเธอคิดว่าถ้าเจอหลินจวินแล้ว เห็นภาพที่เธอไม่อยากเห็น งั้นเธอก็จะอยู่ที่นี้กับเขาตลอดไป
อย่างไรก็ตามไม่ว่าในอนาคตจะเจอวิวทิวทัศน์ที่งดงามแค่ไหน รู้จักคนที่ดีกว่านี้แต่ถ้าขาดเขาไป สีสันบนโลกใบนี้ก็จะกระดำกระด่าง จริงๆแล้วหลินจวินกลายเป็นสีสันที่ขาดไม่ได้ในโลกของเธอตั้งนานแล้ว เพียงแค่ตอนที่อยู่ด้วยกันไม่รู้สึก แต่ตอนห่างกันถึงเข้าใจว่ามันมีค่าแค่ไหน
ชีวิตบนโลกใบนี้จะมีกี่คนที่สามารถรักคุณได้อย่างสุดหัวใจ เธอมีคนคนนั้นแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคืออยู่กับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากเสียเขาไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
มีเสียงเคลื่อนไหวมาที่ประตู ซังหลินจวินที่หลับอยู่ ถึงแม้เสียงจะไม่ดังแต่ซังหลินจวินได้ยินเสียงนั้น
หลังจากพลิกตัวและลุกขึ้นนั่งเขาก็พิงกำแพง
หลังจากเห็นประตูถูกเปิดจากด้านนอก เขาก็ยกหมัดขึ้นเหมือนกับว่าจะต่อยคน
จมูกเขาได้กลิ่นที่คุ้นเคยมานาน ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาหยุดนิ่ง
เมื่อเขามองไปร่างผอมและสง่า ทำให้เกิดความซับซ้อนในใจยากที่จะพูดออกมา
เขาอยากจะถามกับเธอว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำเหล่านั้นเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้
ดวงตาที่สวยงามของเธออธิบายทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ แล้วเขาจะดุเธอลงได้ยังไง
หลังจากที่ได้เห็นเฉียวเฉียวเขาก็ไม่สามารถพูดถึงความคิดถึงในใจออกมาได้ เพียงแค่ยื่นมือไปกอดเธอไว้แน่น แขนโอบรัดที่เอวเธอไว้นานก่อนจะพูดว่า “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฉินเฉียวไม่สามารถทนความเศร้าในใจได้อีกต่อไปดวงตาของเธอแดงก่ำน้ำตาไหลหยดลงบนเสื้อเขา
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หยดลงข้างในเสื้อ ซังหลินจวินรู้สึกว่าน้ำตาหยดนั้นทะลุเสื้อลงไปในหัวใจเขา
เขาคลายอ้อมกอดจากเธอเบาๆ มีรอยยิ้มบนหน้าเขา เขาใช้มือหนาๆค่อยๆลูบหน้าเธอพลางพูดว่า “ทำไมร้องไห้อีกแล้ว เฉียวเฉียว เวลาคุณร้องไห้แล้วไม่น่ารักเลย วันหลังอย่าร้องไห้อีกนะ”
เฉินเฉียวที่อยากจะร้องไห้น้ำตาแตกเมื่อได้ยินคำพูดของเขาน้ำตาของเธอก็หยุดลงทันที
ไม่แปลกที่มีคนพูดว่าผู้หญิงสร้างมาจากน้ำและน้ำตาของพวกเธอก็เหมือนกับก๊อกน้ำ พออยากจะไหลก็ไหล อยากจะหยุดก็หยุด
มือกำปั้นเล็ก ๆ ตีไปที่หน้าอกของเขาเบา ๆ และพูดว่า: “คุณก็เอาแต่ว่าฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแอบไปอิตาลีโดยไม่บอกฉัน แล้วยังหายตัวที่อิตาลีอีก จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงได้อย่างไร ซังหลินจวินคุณละอายใจบ้างไหม ”
เก๋อหลุนที่ยืนอยู่ที่ประตูซึ่งเดิมทีกำลังรอให้พวกเขาพูดให้เสร็จ แต่เห็นพวกเขาสองคนยิ่งพูดกันนานขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ไม่สนว่าตอนนี้จะเหมาะสมหรือไม่ เขาพูดขัดทันที: “คุณซังหลินจวิน สถานการณ์พวกเราตอนนี้รีบๆออกจากที่นี้ดีกว่านะ ถึงแม้ว่าพวกคนข้างล่างยังไม่รู้ว่าคนในนี้ถูกพบแล้ว แต่เดี๋ยวพวกเขาก็ขึ้นมาที่นี้ ”
ซังหลินจวินพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา แต่ก่อนออกไปเขาเหลือบมองไปที่ประตูฝั่งตรงข้ามจากนั้นถามเก๋อหลุนที่มือถือตะขออยู่: “เปิดประตูถัดไปที่อยู่ตรงนั้นด้วยได้ไหม?”
ถึงแม้เก๋อหลุนจะสงสัยว่าทำไมต้องให้เขาทำอะไรแบบนี้ แต่เขารับปากเพื่อนสนิทไว้แล้ว ไม่ว่าซังหลินจวินต้องการอะไรให้ช่วยเขา
เขาก้าวไปข้างหน้าและก้มลงปลดล็อก
เฉินเฉียวถามคำถามที่เก๋อหลุนไม่ได้ถาม
“ หลินจวิน ทำไมคุณให้คุณเก๋อหลุนเปิดประตูฝั่งตรงข้ามล่ะ หรือว่า? อาอวิ๋นอยู่ข้างในหรอ? “เฉินเฉียวนึกถึงจุดประสงค์ที่ซังหลินจวินมาที่นี้ เธอนึกขึ้นได้ว่า ในภาพความทรงจำที่เธอเคยเห็น อาอวิ๋นก็เคยนอนตรงที่ที่เธอยืนอยู่ ห้องมันคล้ายกันมาก
ซังหลินจวินลูบศีรษะของเฉียวเฉียวเบา ๆ และพูดว่า “ใช่แล้ว เขาอยู่ฝั่งตรงข้าม”
่ความสามารถในการปลดล็อกของเก๋อหลุนนั้นยอดเยี่ยมมาก หลังจากออกแรงไม่นาน ประตูฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก
เขาผลักประตูเปิดออกพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ มีเงามืดพุ่งตรงมาข้างหลังเขาและใช้มือบีบคอเขาไว้
เฉินเฉียวกับซังหลินจวินเดินไปเห็นซังอวิ๋นบีบคอเก๋อหลุนจนหน้าแดง
เฉินเฉียวรีบวิ่งไปตบมือเขาแล้วพูดว่า “อาอวิ๋นปล่อยคุณเก๋อหลุน เขาเป็นคนพาฉันมาช่วยคุณออกไป”
“ เฉียวเฉียว!หลังจากนั้นซังอวิ๋นก็สังเกตเห็นว่าเฉียวเฉียวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แววตาอันเย็นชานานๆทีจะเป็นเปลี่ยนแววตาที่อ่อนโอน
มือที่บีบคอของคนนั้นก็คลายออกโดยไม่รู้ตัว เขาตื้นตันมากตอนที่อยากจะเข้าไปกอดเธอ สายตาเขาก็เห็นซังหลินจวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น ความคิดของเขาก็ดับวูบลงทันที
เขาปล่อยมือจากเก๋อหลุนและเมื่อเห็นว่าพวกเขาปลอดภัยแล้วซังอวิ๋นจึงพูดว่า: “ผมรู้ว่าที่นี้มีทางลับ พวกคุณตามผมมา”
อีกสามคนไม่ได้ถามเขาว่ารู้ได้ยังไง เขาหายไปตั้งนาน ยังจะมีเวลาไปสำรวจรอบๆอีกนับว่าเก่งจริงๆ
ทางเดินลับของอาคารนี้อยู่ในห้องด้านในของห้องของซังอวิ๋นเมื่อเทียบกับห้องที่ไม่มีหน้าต่างของซังหลินจวิน ห้องของซังอวิ๋นเหมือนโรงแรมมันดีกว่ามาก เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆมีครบครัน
ทั้งสามห้องเชื่อมต่อกันมีห้องนอน 1 ห้อง มีห้องน้ำและห้องสุขาส่วนอีกห้องเป็นห้องด้านในจะปิดตายตลอดเวลายกเว้นช่องระบายอากาศในห้องน้ำจะมีลมเย็นๆพัดมา ทำให้ซังอวิ๋นรู้สึกว่าข้างในน่าจะมีทางลับ
ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านการปลดล็อก รอจนห้องด้านในถูกเปิดออก ข้างในก็มีบันไดคดเคี้ยวลงไป
ทั้งสี่คนเดินลงบันไดและสามารถมองเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ด้านล่าง
เฉินเฉียวเกาะมือของหลินจวินไว้แน่น เธอเดินลงบันไดจนหมดแรง
เมื่อเห็นท่าทางเฉียวเฉียวหมดเรี้ยวแรงซังหลินจวินถามด้วยความวิตกกังวล “เฉียวเฉียวคุณต้องการหยุดพักก่อนไหม?”