ท่านประธานที่รัก - บทที่412 ศาลเตี้ย
ฝูงชนที่ส่งเสียงดังเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าก็มีเสียงดังกว่าเดิม
เพราะเมื่อเรื่องราวเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกคนที่เพิ่งมาถึงได้ฟังสิ่งที่ลู่ลี่ลี่พูดครึ่งหนึ่ง เดิมทีอยากจะเข้าข้างเธอเพราะสงสาร
ตอนที่พวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราว ผู้คนจำนวนมากจะเห็นอกเห็นใจคนที่ดูเหมือนจะถูกรังแก แต่บ่อยครั้งที่สิ่งที่พวกเขารับรู้ถูกพลิกกลับก็จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้น
หลังจากรู้ว่าพวกเขาถูกหลอกคนที่เคยพูดเข้าข้างลู่ลี่ลี่ในตอนแรกก็ถากถางเธอและสิ่งที่พวกเขาพูดก็ยิ่งเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ
“ ที่แท้ก็เป็นพวกต้มตุ๋น เสียแรงที่ไปเชื่อเธอ ตาบอดจริงๆเลยฉัน แค่ชาร้อยกว่าหยวน ยังจะแถไปเรื่อย สมน้ำหน้าจริงๆ ”
“ใช่แล้วๆ ถ้ารู้ว่าไปพูดเข้าข้างคนประเภทนี้นะ ฉันยอมหุบปากดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วยเธออีกต่อไปลู่ลี่ลี่ก็ลุกลี้ลุกลน
ในเวลานี้หลินหย่วนเจ้าของร้านเดินเข้ามา
เมื่อมองไปที่หญิงวัยกลางคนที่ตื่นตระหนกหลินหย่วนมองไปที่เธอและรู้สึกว่าคุ้นหน้า แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
อย่างไรก็ตามเพื่อที่ปิดชื่อเสียงที่ไม่ดีของโรงน้ำชาหลินหย่วนในฐานะเจ้าของไม่ได้จงใจทำให้เธออับอาย แต่พูดอย่างใจเย็นว่า “คุณผู้หญิงตราบเท่าที่คุณชำระค่าใช้จ่ายในวันนี้โรงน้ำชาของเราจะไม่เอาเรื่องคุณ”
ลู่ลี่ลี่มองไปที่ท่าทางที่อ่อนโยนของชายตรงหน้าเธอและเห็นว่าเขาเป็นคนดี แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงิน
พูดเป็นเล่น ถึงแม้จะราคา150หยวน แต่ก่อนหน้านี้ในสายตาเธอขนหน้าแข้งไม่ล่วงหรอก แต่ตอนนี้คนในครอบครัวทั้งสองไม่มีงานทำ ลูกก็ยังเล็ก ยังเรียนอยู่ คลาสเรียนพิเศษก็ต้องการเงิน เธอเลยไม่อยากจ่ายค่าน้ำชานี้
ลู่ลี่ลี่ยังคงเสียใจวันนี้เธอมาดื่มชากับเพื่อนเก่าของเธอ เธอต้องการยืมเงินจากเพื่อนคนนั้น คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันพูดจบเพื่อนคนนั้นก็ไปเสียแล้ว
เมื่อถึงเวลาที่จะไป พอจะให้อีกฝ่ายจ่ายเงินให้ เธอก็ไม่อยู่แล้ว
คราวนี้เธอเห็นได้ชัดว่าเธอถูกทิ้งแล้ว
ตอนกำลังโกรธพนักงานก็เข้ามาคิดเงินพอดี
เมื่อเห็นชาราคา150หยวนเธอก็ระเบิดด้วยความโกรธทันที
เมื่อเห็นว่าหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตั้งใจจะโกง หลินหย่วนไม่อยากจะต่อปากต่อคำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
ลู่ลี่ลี่รู้สึกไม่ดีในใจเธอถาม “คุณกำลังโทรหาใคร”
หลินหย่วนที่ท่าทางสบายๆ แต่คำพูดของเขาทำให้ลู่ลี่ลี่เหมือนตกนรก
“เนื่องจากคุณผู้หญิงไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินร้านของผมเป็นเพียงธุรกิจเล็ก ๆ ถ้าทุกคนทำตามคุณ ไม่ยอมจ่ายเงินแบบนี้ ร้านของผมจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ผมเลยจะหาคนมาช่วย”
สิ่งแรกที่ลู่ลี่ลี่คิดว่าใครจะมาช่วย เป็นตำรวจหรือเป็นพวกนังเลงไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครเธอก็กลัว
เพื่อที่จะไม่โดนจับเธอรีบยัดแบงค์สีแดงและสีเขียวใส่มือเขา และรีบเดินออกไป
หลินหย่วนมองไปที่ 150 หยวนในมือของเขาและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ในโลกปัจจุบันพวกเขา ต้องใช้วิธีข่มขู่จริงๆ ไม่อย่างนั้นจะเป็นเขาที่โดนรังแก
เฉินเฉียวยืนอยู่ข้างๆดู “แม่เลี้ยง” จากไปด้วยความลำบากใจและไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอย่างไร
เธอจำอดีตไม่ได้เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ “แม่เลี้ยง” นั้นดีหรือไม่ แต่หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากแม่แท้ๆของเธอ เธอก็มีความแค้นที่ไม่อาจบรรยายได้ในใจ
ความแค้นที่ไม่เพียงแต่กับแม่ผู้ให้กำเนิดที่ทอดทิ้งเธอ แต่ยังรวมถึงพ่อที่ทรยศต่อแม่ของเธอและเมียน้อยคนนั้นด้วย
คราวนี้เฉินเฉียวต้องยอมรับว่า ตอนที่ใช้วิธีเมื่อสักครู่นี้จริงๆแล้วในใจเธออยากจะให้ลู่ลี่ลี่ลองลิ้มรสการตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายดูบ้าง
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าความรู้สึกสนุกสนานนั้นมีอยู่ แต่เธอไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ครั้งหน้าถ้าเจอเธออีกก็จะทำเป็นไม่รู้จัก ไม่จำเป็นต้องทำแบบวันนี้
เฉินเฉียวถอนหายใจเบา ๆ และต้องการที่จะเดินเข้าไปในห้อง เพราะเธอออกมานานแล้ว
แม่เธอยังนั่งรอเธอในห้องส่วนตัวอยู่คนเดียว
เมื่อเห็นเฉินเฉียวหันไปหลินหย่วนก็ก้าวไปขวางเธอไว้
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่งงงวยของเฉินเฉียว หลินหย่วนกล่าวอย่างซาบซึ้ง:“ ผมอยากจะขอบคุณพี่สะใภ้สำหรับการช่วยเหลือในวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ร้านผมอย่างจะเสียชื่อเสียงไปแล้วก็ได้ มันพูดยากจริงๆ”
คนทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านน้ำชาทนต่อคำด่าที่ออกมาจากปากคนอื่นไม่ได้ เพราะเมื่อเรื่องแย่ๆแพร่ออกไป ในไม่ช้าก็เสียลูกค้าไป
สิ่งนี้หลีกเลี่ยงยังไงก็ทำไม่ได้
ในโรงน้ำชาของเขา ต้องหาคนที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยมาดูแล ไม่อย่างนั้นเวลาโดนลูกค้าโวยจะเถียงไม่ทันแบบนี้
เฉินเฉียวไม่ได้เอาคำของหลินหย่วนมาใส่ใจ เรื่องวันนี้เธอก็เจอโดยบังเอิญ
และถ้าเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นกับลู่ลี่ลี่ บางทีเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้
ยังไงซะวันนี้เธอก็อยากเป็นสะใภ้ที่อ่อนโยนและมีคุณธรรม
ดังนั้นเฉินเฉียวจึงโบกมือและพูดว่า “ไหนๆคุณก็เรียกฉันว่าพี่สะใภ้แล้ว ฉันก็ต้องช่วยคุณสิ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
หลินหย่วนตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินเฉินเฉียวพูดว่า ครอบครัว จู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
เห็นได้ชัดว่าบุคคลนั้นเป็นแม่เลี้ยงของคนตรงหน้าเขา แต่หลินหย่วนก็รู้เรื่องความจำเสื่อมของเฉินเฉียวด้วยดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังต้องพูดอะไรบางอย่าง
“ คนเมื่อสักครู่นี้เหมือนว่าจะเป็นแม่เลี้ยงของพี่สะใภ้ คุณหักหน้าเธอแบบนั้นจะไม่เป็นอะไรหรอ?”
เฉินเฉียวส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไรฉันไม่สนิทกับพวกเขาอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียวไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้หลินหย่วนก็วางใจ
“ไหนๆพี่สะใภ้ก็มาเป็นลูกค้าร้านผมแล้ว งั้นวันนี้ผมเลี้ยงนะครับ คนกันเองไม่คิดเงิน”หลินหย่วนยิ้มและให้เฉินเฉียวดื่มชาฟรีๆอย่างง่ายดาย
เฉินเฉียวกล่าวอย่างรีบร้อน: “วันนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเลี้ยงค่ะ คุณหลินหย่วนถ้าคุณจะให้ฉันทานฟรีจริงๆ เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”
หลินหย่วนอยากรู้ว่าเฉินเฉียวมากับใครและเมื่อเขาได้ยินคำเชิญของเธอเขาก็เดินตามเธอไป
หลังจากเห็นว่าคนที่กำลังดื่มชาอยู่ข้างในคือคุณหญิงแห่งตระกูลซัง หลินหย่วนก็ทักทายเขาอย่างสุภาพอ่อนโยน