ท่านประธานที่รัก - บทที่440 ตื้นตันใจ
หลังจากขึ้นรถ เชินชิงในชุดสีขาวกล่าวขอบคุณพวกเขา
“คุณซัง คุณเฉิน ขอบคุณมากๆนะคะดึกขนาดนี้แล้วยังส่งฉันไปโรงพยาบาล”
ตอนนี้ไฟในรถสว่างขึ้นเพราะเฉินเฉียวจงใจเปิด
เฉินเฉียวเลยเห็นว่าตาของเชินชิงแดงมาก
เปลือกตาบวมมากดูแล้วน่ากลัว
มองออกได้ว่าน่าจะเป็นเพราะเธอไม่ได้พักผ่อน สภาพของหญิงสาวที่อ่อนปวกเปียกทำให้รู้สึกปวดใจจริงๆ
“ไม่เป็นไร จำสิ่งที่ฉันพูดครั้งที่แล้วได้ไหม? ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณ เพื่อนควรจะช่วยเพื่อนในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือไม่ใช่หรอ? เสี่ยวชิง อย่าเศร้าไปเลยนะถึงแม้ซู้เหยี้ยนจะยังไม่ฟื้น แต่หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว ใช่ไหมหลินจวิน”
เฉินเฉียวปลอบเธออย่างระวัง พลางหันไปถามหาคำตอบกับซังหลินจวินที่กำลังขับรถอยู่
ซังหลินจวินจับพวงมาลัยไว้แน่น นิ้วขาวๆเรียวยาวตัดกับพวงมาลัยสีดำ
แต่ผู้หญิงสองคนข้างหลังไม่สนใจมือของเขา
เมื่อเผชิญกับสายตาที่จ้องมองของเฉินเฉียว ซังหลินจวินทำได้แค่พยักหน้าเพราะแรงกดดันจากเธอ
อาจจะเป็นเพราะคำพูดปลอบใจของคนข้างๆ เชินชิงจิตใจสงบลงจริงๆ
“ขอบคุณนะ เฉียวเฉียว”
นี่เป็นครั้งแรกที่คนนอกเรียกเธอแบบสนิทชิดเชื้ออย่างนี้
แน่นอนถ้าว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย เธอจะไม่มีวันพูดแบบนี้
หลังจากที่ทั้งสามมาถึงโรงพยาบาลยังไม่ทันเข้าไปในห้องผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องผู้ป่วย
ซังหลินจวินขมวดคิ้วแน่น เขาไม่เข้าใจว่าซู้เหยียนต้องการพักผ่อนที่สภาพแวดล้อมที่เงียบๆแต่ทำไมกลายเป็นแบบนี้
เขาเอื้อมมือบิดประตูเปิดเข้าไป
จากนั้นเมื่อมองด้วยตาเปล่า ทุกคนในห้องก็หันมามองเขาเงียบๆ
“พวกคุณเป็นใคร ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล? คุณไม่รู้เหรอว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนที่ผู้ป่วยต้องการพักฟื้น? “ซังหลินจวินพูดกับคนที่ยืนอยู่สองสามคน
ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะนิ่งไปนาน ก่อนจะมีผู้ายหน้าจิ้มลิ้มตอบว่า: “ขอโทษนะ แต่นี้คือห้องเจ้าหน้าที่ซู้ของพวกเรา พวกคุณเป็นใคร?”
คนที่เรียกซู้เหยี้ยนว่าเจ้าหน้าที่ซู้ ซังหลินจวินไม่ต้องคิดอะไรมากก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ตำรวจพวกนี้ตาไม่ถึงเอาซะเลย
ซู้เหยี้ยนนอนสลบอยู่แบบนี้ยังจะกล้าโวกเวกโวยวายเสียงดัง
พวกคุณเป็นตำรวจเหรอน้ำเสียงตั้งคำถามของซังหลินจวินไม่มีความลังเลใจ
ผู้ชายคนหนึ่งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ พวกเราทั้งหมดเป็นลูกน้องของเจ้าหน้าที่ซู้”
ซังหลินจวินเข้าใจทันที
คนที่มีนิสัยเย็นชาอย่างซู้เหยี้ยนจะคบกับคนนิสัยแบบไหนได้อีกล่ะ
มันต้องเป็นคนที่นิสัยแปลก ๆ อย่างเขาแน่ๆ
คนสองสามคนที่อยู่ตรงหน้ามองจากภายนอกก็มองไม่ออกว่านิสัยเป็นอย่างไร แต่พูดถึงอีกคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อีกคนที่ดูแล้วเป็นคนตรงๆ และมีอีกสองสามคนถึงแม้จะไม่รู้นิสัยแต่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ค่อนข้าง “ซื่อ”
เหมือนกับตอนที่ไม่ได้เห็นว่าซู้เหยี้ยนกับเชินชิงคบกัน เขาคิดว่าเขาตายด้านชีวิตนี้อยากจะอยู่คนเดียว
แต่หลังจากที่ได้เห็นด้วยตาของเขาเอง เขาก็สามารถมองเห็นสายตาของซู้เหยี้ยนที่มีความต้องการจากเชินชิง
พวกเขาทั้งสองดูจากภายนอกแล้วไม่เข้ากันเลย ผู้ชายที่มีลักษณะเย็นชากับผู้หญิงที่เหมือนบาร์บี้
แต่ความรู้สึกของพวกเขานั้นลึกซึ้งอย่างไม่คาดคิด
ถึงขนาดที่ ตอนเชินชิงเดินมาจากข้างหลังซังหลินจวิน ตอนแรกพวกตำรวจกำลังคุยกันอยู่จู่ๆก็มีมารยาทโค้งแล้วกล่าว “สวัสดีพี่สะใภ้
เชินชิงตกตะลึง เธอไม่เคยเห็นตำรวจพวกนี้มาก่อน
ถ้าเป็นตอนปกติ เธอคงจะพยักหน้าอย่างเขินๆ แต่เมื้อกี้หลังจากเห็นว่าพวกเขาส่งเสียงดัง เธอพยักหน้าและพูดเรียบๆว่า “พวกคุณช่วยเงียบกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ” อาซู้เขาต้องพักผ่อนในฐานะเพื่อนร่วมงานคุณไม่อยากรบกวนเขาหรอกใช่ไหม ”
“ไม่ๆ พวกผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”ชายหน้าตาโหดๆคนหนึ่งผลักพรรคพวกสองสามคนและเดินนำออกไป
เชินเชิงคิดไม่ถึงว่าคำพูดของเธอจะได้ผล เธอไม่ได้คิดอะไรมากก็ตรงมาที่เตียงมองดูคนที่นอนอยู่
เฉินเฉียวมองไปที่เชินชิงซึ่งดูเหมือนจะใจสลายเธอถอนหายใจด้วยความสงสาร จากนั้นดึงหลินจวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกระซิบด้วยเสียงเบาๆ “พวกเราไปกันเถอะ ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง”
ซังหลินจวินพยักหน้า ยังไงซะเขามาที่นี้เพื่อมาส่งเธอไม่ได้อยากจะมาฟังว่าพวกเขาจะพูดอะไร
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย เฉินเฉียวนั่งบนเก้าอี้เหล็กบนทางเดินเขย่าขาไปมาใช้มือเท้าคางโดยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“เป็นอะไรไป เห็นซู้เหยี้ยนแบบนี้กังวลว่าเขาจะไม่ฟื้นเหรอ?”เมื่อเห็นเฉียวเฉียวไม่มีความสุขซังหลินจวินถามอย่างกังวล
เฉินเฉียวส่ายหัวเบา ๆและพูดว่า “เปล่า ฉันว่าเขาต้องฟื้นขึ้นมาแน่ๆแต่ฉันรู้สึกตื้นตันใจ”
“ตื้นตันใจ?”ซังหลินจวินไม่เข้าใจทำไมจู่ๆเฉินเฉียวรู้สึกตื้นตันใจ
เฉินเฉียวดึงเขาให้นั่งลงและพูดว่า: “บางเรื่อง ถึงแม้ฉันจะไม่อยากจะเอ่ยถึงแต่ความทรงจำมันบอกฉัน หลินจวิน ฉันนึกถึงเรื่องอดีตที่ฉันรักคุณทีละนิดๆ ฉันมีคำพูดที่ตลอดมาไม่เคยบอก ”
สำหรับเรื่องความรักในอดีต เธอไม่ได้พูดถึง
ซังหลินจวินคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะกล่าวถึงเรื่องในอดีต ตอนที่เธอบอกว่าเธอมีอะไรอยากจะพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสองสามปีก่อน
เธอบอกว่าเธอจะบอกเขาทุกอย่าง
ครั้งหนึ่งเคยลังเลความกังวลใจเกี่ยวกับความเจ็บปวดของการพลัดพราก ท้ายที่สุดเรื่องนั้นหายวับไปกับตา
ซังหลินจวินไม่แน่ใจว่าเธอจะพูดอะไรแต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไรเขาก็ยอมรับ
เพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เฉียวเฉียวไม่เคยเปิดเผยว่าเธอความทรงจำกลับมาบางทีเธออาจจะเหมือนกับเขาที่ไม่อยากละทิ้งความสัมพันธ์นี้
ถึงแม้จะได้รับคำตอบที่ไม่ดี แต่ก็จะไม่กระทบพวกเขาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเมื่อเขาได้สติ ดวงตาที่สดใสและมีเสน่ห์ของเขาก็มองมาที่เธอโดยไม่กะพริบตาซังหลินจวินลูบหัวเธอแล้วพูดว่า “อยากรู้จริงๆ คุณอยากพูดอะไรกับผม จะตั้งใจฟังเลย”
เฉินเฉียวที่เห็นเขาตะลึงอยู่นาน กำลังคิดจะพูดว่างั้นไม่พูดแล้ว เขาก็พูดตอบแล้ว
เรื่องมันพัวพันกันแบบนี้ เฉินเฉียวคิดไม่ถึงพบว่าความตึงเครียดของเธอหายไปแล้ว