ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1026 ทำให้เขาตื่นตระหนก
“ค่ายกล!” เมื่อได้ยินสองคำนี้ สีหน้าของชายชราสองคนนั้นก็ซีดเผือดลง
“แต่ว่า…”
เฮยเฉียกล่าว “ไม่มีอันใดต้องแต่ ต่อให้พวกเจ้าตาย ลากเขาให้ตายไปด้วยก็นับว่าพวกเจ้าได้ทำความดีความชอบใหญ่อันหลวงแล้ว แล้วข้าจะไม่ปฏิบัติต่อคนรุ่นหลังของเจ้าอย่างเลวร้าย”
“ไม่! ไม่!” จู่ ๆ เจ้าสำนักขวางโซ่วที่เดิมทีก็มีอยู่ชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นานก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
ชายชราสองคนนั้นตกตะลึงไปชั่วขณะ ตอนนี้ก็คงต้องทำเช่นนี้แล้ว
ร่างสองร่างพรวดออกไป มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ขวางพวกมันเอาไว้ เร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าค่ายกลที่พวกเขาว่านั้นเป็นสิ่งใด แต่ต้องส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การต่อสู้ในตอนนี้มากเป็นแน่
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงไปขวางชายชราสองคนนั้นไม่ทัน มู่เฉียนซีก็ถูกแมงป่องพัวพันจนไม่มีเวลาแบ่งความสนใจไป
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น และประตูใหญ่ของตำหนักใต้ดินนี้ก็ถูกปิดลง
“ท่านผู้นำตระกูล!”
มู่อีและพวกที่เฝ้าอยู่ด้านนอกในตอนนี้มีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เขาอยากจะขัดคำสั่งของท่านผู้นำตระกูลและพังประตูบานนี้เข้าไปจริง ๆ
มู่ซานกดไหล่ของเขาเอาไว้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านต้องเชื่อในตัวของท่านผู้นำตระกูล หากท่านขัดคำสั่งท่านผู้นำตระกูล เมื่อถึงตอนนั้นท่านผู้นำลงโทษขึ้นมา อย่าหาว่าข้าใจร้ายไม่เก็บศพท่าน”
เมื่อพวกเขานึกถึงอุบายของท่านผู้นำตระกูลก็อดหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้
“พวกเราต้องเชื่อในตัวท่านผู้นำตระกูล!”
ทันที่ประตูวังใต้ดินปิดลง พิษอันชั่วร้ายชนิดหนึ่งก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งวังใต้ดิน
ศพเหล่านั้นที่อยู่ในวังใต้ดิน ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สัตว์วิญญาณล้วนแต่ถูกกัดกร่อนไปในชั่วพริบตาเดียว แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ
อ๊า! ร่างของชายชราสองคนนั้นที่พรวดออกไปเปิดค่ายกลก็ได้สาบสูญไปทันที พวกเขาจากไปด้วยความรู้สึกที่หวาดกลัว และไม่เต็มใจที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง
พิษร้ายนี้ทรงพลังมากจริง ๆ มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง กลับเข้ามิติพันธสัญญาเดี๋ยวนี้”
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงไม่วางใจที่จะเข้าไป แต่พวกมันรู้สึกทรมานไปทั่วทั้งร่างกาย หากฝืนอยู่ต่อไปก็มีแต่จะถ่วงเวลาของนายท่านเสียเปล่า
หลังจากที่พิษร้ายเหล่านี้ได้กลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในที่แห่งนี้ไป มันก็พลันเปลี่ยนเป็นพลังพลังหนึ่ง และไหลเข้าสู่ร่างของเฮยเฉียกับร่างของสัตว์พันธสัญญาของเขา
ชั่วครู่หนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขากับสัตว์พันธสัญญาของเขาก็พุ่งสูงขึ้น
ในขณะที่ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง นึกไม่ถึงเลยว่าพลังของเฮยเฉียจะเทียบเท่ากับพลังของกู้ไป๋อีที่ฟื้นฟูกลับมาได้
และสิ่งที่ยิ่งจัดการได้ยากยิ่งไปกว่านั้นก็คือแมงป่องตัวนี้ นึกไม่ถึงว่าพลังของมันจะพุ่งถึงระดับเจ็ด
ระดับเจ็ด! ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
ในตอนนี้ วังใต้ดินที่ถูกปิดแห่งนี้ เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่เพียงแค่สี่ชีวิตเท่านั้น
บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยพิษร้าย แต่ดูเหมือนว่ากู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีนั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย
เฮยเฉียกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะไม่เป็นอะไร!”
มู่เฉียนซีรู้สึกโชคดีมากที่ในตอนนั้นนางได้หลอมยาให้กับเสี่ยวไป๋ พิษทุกชนิดไม่สามารถทำอันใดเขาได้ แม้แต่พิษร้ายนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน มิเช่นนั้นวันนี้ต้องแย่เป็นแน่
เฮยเฉียกล่าว “ท่านกู้ สมกับเป็นท่านกู้ผู้แข็งแกร่งจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่พิษร้ายนี่ก็ทำอันใดท่านไม่ได้ แต่อย่างไรเสีย ที่แห่งนี้ก็เป็นอาณาเขตของข้า ท่านกู้หนีไม่รอดแน่!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เฮยเฉียผู้ที่เพิ่มพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าด้วยวิธีการผิด ๆ ผู้นี้ก็ยังไม่อาจต้านทานการโจมตีของกู้ไป๋อีได้อยู่ดี
สิ่งนี้ทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ชั่วครู่หนึ่งสัตว์พันธสัญญาของเขาก็พุ่งเข้าไปพัวพันกับมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเชียวนะ!
ถึงแม้ว่านางจะมีทักษะวิญญาณมากมายในการโจมตี แต่มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถรับมือได้ไหว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของแมงป่องตัวนี้ สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ซีดเผือดลงแล้ว
ปัง ปัง ปัง!
กู้ไป๋อีเองก็สังเกตเห็นสถานการณ์ของมู่เฉียนซีแล้ว สีหน้าของเขายิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ เขาจึงรับมือกับเฮยเฉียผู้นี้ด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย
เขาต้องการไปช่วยมู่เฉียนซี แต่เขาไม่สามารถแยกร่างได้
ที่ผ่านมากู้ไป๋อีต่อสู้ด้วยความใจจดใจจ่อมาโดยตลอด ทำให้ศัตรูหวั่นกลัว เขาไม่เคยตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน
ทว่า ในตอนนี้เขากลับตื่นตระหนกขึ้นแล้ว
เฮยเฉียหัวเราะขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ท่านกำลังเป็นห่วงสาวน้อยผู้นั้นแล้ว”
ในที่สุดเขาก็หาจุดอ่อนของกู้ไป๋อีเจอ เขาจึงสั่งสัตว์พันธสัญญาของเขาอยู่ตลอดเวลาว่าจับมู่เฉียนซีให้ได้ จะทรมานนางเช่นไรก็ย่อมได้ ขอเพียงแค่อย่าให้นางตายเท่านั้น
เขายิ้มอย่างแปลกประหลาด และแมงป่องตัวนั้นก็โจมตีมู่เฉียนซีจนนางไม่อาจรับมือไหวแล้ว
ชั่วพริบตาหนึ่ง พลังอันน่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกมาที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหลบหลีกไม่ได้ ร่างของนางจึงกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง
ปัง! มู่เฉียนซีกระแทกจนกำแพงนั้นพังทลายลง
พรวด! นางกระอักเลือดคำโตออกมา และได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
กลิ่นคาวเลือดนั้นทำให้ใบหน้าอันเย็นยะเยือกของกู้ไป๋อีตึงเครียดขึ้น เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันเช่นนี้ ข้อบกพร่องของเขาก็เผยออกมามากมาย
เขาเพิ่งจะฟื้นฟูพลังกลับมาและมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังระดับเดียวกันเช่นนี้อีก ประหม่าเพียงเล็กน้อยก็เผยข้อบกพร่องออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งมันอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้
ปัง!
เฮยเฉียฉวยโอกาสยื่นมืออันเหี่ยวย่นข้างหนึ่งจับกู้ไป๋อี!
แกร่ก! เสื้อของกู้ไป๋อีฉีกขาด บนแขนปรากฏรอยเลือดขึ้น
มือของเฮยเฉียมีพิษรุนแรงอยู่ด้วย
เขาคิดว่าต่อให้กู้ไป๋อีไม่ตายเพราะโดนพิษ ความแข็งแกร่งก็ต้องได้รับความเสียหาย แต่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่เกิดรอยแผลเพิ่มขึ้นบนร่างกายเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งเช่นเขา มีบาดแผลเพิ่มขึ้นบนร่างกายนั้นนับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
เช่นนี้แล้วยังไม่โดนพิษอีก นี่กู้ไป๋อียังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่
หรือว่าเขาจะกินยาวิเศษใดเข้าไป!
ไม่เป็นไร ตราบใดที่สาวน้อยผู้นั้นยังอยู่ เขาย่อมมีวิธีแน่
กู้ไป๋อีได้รับบาดเจ็บสาหัส เฮยเฉียได้ทีขี่แพะไล่ เขากระโดดขึ้นกลางอากาศ และกระบี่ก็ยิ่งรวดเร็วขึ้น
นางอดทนได้อีกไม่นานแล้ว กู้ไป๋อีจำเป็นต้องรีบจัดการเฮยเฉียให้เร็วที่สุด
ท่าทางของกู้ไป๋อีดูกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด เว้นเสียจากว่าเฮยเฉียจะตาบอดเท่านั้นถึงจะมองไม่เห็นความกระวนกระวายนี้ของเขา
เขาหัวเราะชอบใจขึ้น ตัดสินใจไม่ต่อสู้ แต่กลับถ่วงเวลาเอาไว้
ขอเพียงแค่สัตว์พันสัญญาของเขาจับสาวน้อยผู้นั้นได้ เช่นนั้นกู้ไป๋อีก็ไม่มีอะไรน่ากลัว
ปัง ปัง ปัง! แมงป่องตัวนี้ไล่ล่าอย่างไม่เลิกรา ลมพัดกระโชกกระทบร่างมู่เฉียนซีอีกครั้ง ทำให้ร่างของนางปรากฏรอยเลือดนับไม่ถ้วน
และกรงเล็บที่แหลมคมนั้นก็พุ่งมาที่นาง
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
กำแพงน้ำแข็งไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมันได้ กรงเล็บอันแหลมคมนั้นข่วนเข้าบริเวณเอวของนาง
หากนางหลบหลีกไม่เร็วพอคงถูกแมงป่องพิษตัวนี้ทำร้ายจนเอวขาดสะบั้นเป็นสองท่อนแล้วเป็นแน่
ปัง ปัง ปัง!
“บัวแดงพิฆาต!”
“ทักษะโยวหลัว!”
มู่เฉียนซีพยายามรับมือกับแมงป่องตรงหน้าอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ เกราะป้องกันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั้นยากมากที่จะทำลายได้
และสิ่งที่ทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งเครียดยิ่งกว่านั้นก็คือฤทธิ์ยาโชคลาภตี้หลินกำลังจะหมดลง
ตอนนี้ นางเหลือยาเม็ดสุดท้ายแล้ว ต่อให้นางใช้ยาโชคลาภตี้หลินเพื่อมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งต่อไป นางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้านี่อยู่ดี
กู้ไป๋อีเป็นห่วงมู่เฉียนซีมาก แม้ว่าเขาจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่เพราะไม่สามารถรวบรวมพลังจิตได้จึงทำให้เฮยเฉียเจอข้อบกพร่องของเขามากมาย
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่า สถานการณ์ของกู้ไป๋อีและมู่เฉียนซีในตอนนี้นั้นแย่มาก
เมื่อเห็นว่าแมงป่องตัวนั้นกำลังจะจับมู่เฉียนซีได้ กู้ไป๋อีที่อยู่ในการต่อสู้นั้นก็ทำได้เพียงแค่เสี่ยง
“เงาจันทราสะท้าน!” เขารวบรวมพลังอันแข็งแกร่งเข้าในกระบี่ แต่ไม่ได้ลงมือโจมตีคู่ต่อสู้ตัวเอง แต่ลงมือกับแมงป่องที่โจมตีมู่เฉียนซีตัวนั้น