ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1033 ข้าเป็นของซี
ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็วางแผนเอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซีลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และก้มมองจิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของข้า มีผู้รูปงามมาเสนอให้ถึงที่ อีกทั้งยังสร้างความประหลาดใจให้ข้าประทับใจเช่นนี้อีก ข้าไม่มีทางเกรงใจซะหรอก”
ภายใต้เสน่ห์ของแสงไฟ รอยยิ้มอันสวยวิจิตรของสตรีที่อยู่ตรงหน้าทำให้ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นของผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้านางอย่างจิ่วเยี่ยยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
นางดึงดูดเขามาก ต่อให้เป็นแหวนหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถยับยั้งพลังนั้นได้
เขาโคจรพลังวิญญาณขึ้นเพื่อยับยั้งคำสาป
ส่วนตัวของเขานั้นถูกมู่เฉียนซีจับไปแล้ว
จื่อโยวกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “เป็นไปไม่ได้! นึกไม่ถึงว่าเย่จะถูกคนงามจับเข้าห้องไปแล้ว”
ซิงเฉินก็กล่าวอย่างนับถือว่า “สมกับเป็นนายหญิงจริง ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถจับฝ่าบาทเข้าห้องได้เช่นนี้…”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าจิ่วเยี่ยนั้นสงบมาก ถูกนางพาเข้าห้องเช่นนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย มู่เฉียนซีกล่าวถาม “จิ่วเยี่ย เจ้าเป็นอะไรไป?”
“วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า ข้าจะยับยั้งพลังเอาไว้ ให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการได้ตามใจ เป็นเช่นไร?” ดวงตาของจิ่วเยี่ยเปล่งประกายขึ้น
“เจ้าพูดจริงเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“คำไหนคำนั้น!”
มู่เฉียนซียิ้มอย่างชั่วร้าย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
นางรู้ดี คาดว่าหนึ่งปีมีเพียงแค่วันเกิดนางวันเดียวเท่านั้นที่จิ่วเยี่ยจะยอมให้นางเช่นนี้
หลังจากวันนี้คงจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกเป็นแน่ ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่เอาเปรียบนางไว้มาก นางจะต้องเอาคืนกลับมาให้สาแก่ใจ
ที่ผ่านมามู่เฉียนซีไม่ใช่ผู้ที่จะเสียเปรียบให้ผู้ใดง่าย ๆ เรื่องราวที่ผ่านมานางล้วนแต่จดจำได้ทุกอย่าง
ฉวยโอกาสในตอนที่จิ่วเยี่ยยับยั้งพลังทั้งหมดนี้เอาไว้ทำให้จิ่วเยี่ยไม่สามารถหนีรอดไปจากกรงเล็บของนางได้ มู่เฉียนซีเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวและแน่วแน่มาโดยตลอด ครั้นแล้วนางจึงลงมืออย่างไม่เกรงใจ
จิ่วเยี่ยอดทนกับความรู้สึกนั้นจนเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมาแววาวดุจดั่งหยก ใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่ตินั้นแดงระเรื่อขึ้นอย่างชัดเจนราวกับภูตกำลังถลำลึกอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็มิปาน
มู่เฉียนซีรู้สึกเหมือนว่าจิ่วเยี่ยกำลังตัวสั่น และเมื่อถึงขีดจำกัดแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืน
ดูท่า เจ้าของวันเกิดนั้นยิ่งใหญ่ที่สุดจริง ๆ!
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงว่านางจะถูกคนใจร้ายหลอกเข้าแล้ว ที่เรียกว่า ‘เจ้าของวันเกิดนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด’ มันก็เป็นเพียงแค่คำพูดที่พูดให้ฟังดูดีก็เท่านั้นเอง
ความเป็นจริงนั้นก็คือจิ่วเยี่ยได้จมอยู่กับความรู้สึกรักลึกลงไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถยับยั้งคำสาปได้
เขาจำต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อยับยั้งคำสาป และสิ่งนี้ก็ไม่ให้มู่เฉียนซีได้มีโอกาสถือไพ่ที่เหนือกว่าได้เลย
มีมู่เฉียนซีเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามาใกล้ชิดบรรเทาคำสาป มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวของจิ่วเยี่ยยับยั้งคำสาป และยังมีพลังของแหวนหยกเย็นศักดิ์สิทธิ์คอยยับยั้งอีกชั้น ชั่วครู่หนึ่งจิ่วเยี่ยก็ยับยั้งพลังคำสาปทั้งหมดเอาไว้ได้
ไม่นานนัก ร่างของจิ่วเยี่ยก็เคลื่อนไหวขึ้นและเป็นฝ่ายจูบมู่เฉียนซีเอง
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงพลังที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่จิ่วเยี่ยได้จูบลิ้มรสริมฝีปากนางไปครั้งหนึ่ง จากนั้นมู่เฉียนซีก็ออกแรงผลักเขาออก
“องค์ชายจิ่วเยี่ย นี่เจ้าจะผิดคำพูดไม่ได้นะ”
“ฟ้าสางแล้ว” จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ หลังจากที่ดูดอกไม้ไฟเสร็จ ดูสีสันอันวิจิตรตระการตาเสร็จฟ้าก็สางแล้ว
นะ นาง…นางเพิ่งจะแก้แค้นได้ไม่นานเลยนะ!
“ต่อให้ฟ้าสาง แต่วันเกิดข้ายังฉลองไม่จบ เจ้า! เจ้าต้องรักษาคำพูด”
“ความหมายของข้าก็คือ กลางคืนข้าเป็นของเจ้า ส่วนกลางวัน เจ้าเป็นของข้า…”
นางไม่รู้ว่าในตอนที่นางได้ลงมือกับเขานั้นมันช่างมีเสน่ห์และน่าหลงใหลเพียงใด จิ่วเยี่ยจะทนได้เช่นไรกันเล่า
“เจ้าคนหลอกลวง ข้าจะฆ่าเจ้า!”
มู่เฉียนซีตะโกนเสียงดังลั่น
แต่สุดท้ายเขาก็เอาเปรียบนางได้อย่างสาแก่ใจ!
ต่อให้นางเป็นเจ้าของวันเกิด แต่จิ่วเยี่ยผู้ใจดำผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมให้นางเอาเปรียบเขาได้
“วันนี้เป็นวันที่ซีอายุครบสิบเจ็ดปี ซีต้องอยู่กับข้า…ทั้งวัน”
“ไสหัวไป! นี่ยังมืดอยู่!” มู่เฉียนซีกล่าวพลางถีบเขาอย่างไม่เกรงใจ
“ฟ้ามืด เจ้าต้องเป็นของข้า และจะต้องเชื่อฟังข้า หากไม่เชื่อฟังแล้วละก็ ต่อให้เจ้าจัดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองวันเกิดให้ข้า ข้าก็จะให้สุ่ยจิงอิ๋งส่งเจ้ากลับไปโดยไม่ใยดีเจ้าเลย!”
เนื่องจากนางมีอายุเพิ่มขึ้นมาหนึ่งปี เจ้าสัตว์ร้ายผู้นี้จึงได้ปฏิบัติต่อนางรุนแรงเกินไปกว่าปกติ ในตอนนี้มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว
จิ่วเยี่ยเองก็รู้ดีว่ามู่เฉียนซีนั้นโกรธจริง ๆ เขาจึงกล่าวว่า “อืม! ฟ้ามืด ข้าจะเป็นของซี!”
“ซี มาเถอะ!”
มู่เฉียนซีกรอกตามองบนพลางกล่าว “นี่เจ้าคิดว่าเจ้าหน้าตาดีดุจดั่งเทพแล้วข้าจะละโมบในความหน้าตาดีของเจ้าเหรอ ขยับออกไป ตอนนี้ข้าไม่สนใจในตัวเจ้าแล้ว”
มู่เฉียนซีผลักประตูเดินออกไป และตะวันก็ได้ลับขอบฟ้าลงแล้ว
หลังจากที่ได้ดูแสงไฟในเมื่อคืนเสร็จ มู่เฉียนซีก็อันตรธานหายไป เย่เฉินไม่กล้ามารบกวน จนกระทั่งตอนนี้เขาได้เห็นมู่เฉียนซีเดินออกมาแล้ว เขายิ้มพลางกล่าวว่า “นายท่าน นายท่านเฉลิมฉลองวันเกิดข้าไม่เห็นรู้เลย ข้าบกพร่องในหน้าที่เกินไปแล้ว วันนี้ข้าได้เชิญพ่อครัวที่ฝีมือดีที่สุดในทุ่งรกร้างมาเพื่อที่จะเตรียมจัดงานฉลองวันเกิดให้นายท่านในคืนนี้ นายท่านมีความเห็นเช่นไรบ้าง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้วก็จัดงานฉลองเถอะ!”
“ขอรับ!”
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะดูแลเรื่องราวในเมืองเย่เซี่ยน้อยมาก แต่ในสนามรบครั้งใหญ่ เงาร่างของนางก็ได้ปรากฏขึ้นทั่วทั้งสนามรบ
ดังนั้นชื่อเสียงของนางในเมืองนี้ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าท่านเจ้าเมืองเย่ผู้นี้เลย
เมื่อได้ข่าวว่าจะมีงานเฉลิมฉลองวันเกิดของนาง ทุกคนต่างก็มาเข้าร่วม
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อยากจะดื่มเหล้าอวยพรกับท่านมู่!
แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายจิตสังหารอันเย็นยะเยือกนั้นแล้ว จะมีผู้ใดกล้าเข้าไปยกจอกต่อหน้านางตัวต่อตัวได้เล่า ครั้นแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เข้าไปหาเย่เฉินกับเซียวโม่ผู้ที่อยู่ข้างกายเท่านั้น
ในตอนนี้เอง จื่อโยวก็มาร่วมงานพร้อมกับซิงเฉิน จื่อโยวยิ้มพลางกล่าวว่า “เด็ก ๆ ยกของขวัญวันเกิดเข้ามา”
ของขวัญวันเกิดในครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งที่แล้ว ส่วนมากก็จะเป็นสมุนไพรวิญญาณและผลึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
สมุนไพรวิญญาณคือสิ่งที่นางชื่นชอบมากที่สุด ส่วนผนึกวิญญาณสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถช่วยเพิ่มพลังให้อู๋ตี้ได้ เพื่อปกป้องนางต่อไป
สำหรับของอย่างอื่น คนงามไม่ได้ขาดแคลนเลยแม้แต่น้อย หากมอบให้ไปก็เป็นการทิ้งเสียเปล่า
แขกเหรื่อในงานทุกคนหันไปมอง สองท่านเป็นแขกที่มีน้ำจิตน้ำใจเป็นเลิศ พลังความแข็งแกร่งก็ยากที่จะหยั่งรู้ได้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนในทุ่งรกร้างของพวกเขา!
จื่อโยวมามอบของขวัญให้ และยังมีแผนการอื่นด้วย
เขายิ้มและมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “คนงาม นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกข้าหอปี้ลั่วเตรียมไว้ให้เจ้า เจ้าอย่าได้รังเกียจมันเชียวล่ะ!”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น เขาว่ายังไงนะ? หอปี้ลั่วอย่างนั้นเหรอ!
หอปี้ลั่ว กองกำลังระดับสองครึ่งแห่งแดนตะวันออก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาทุ่งรกร้างแห่งนี้เพื่อมามอบของขวัญ
อย่าว่าแต่กองกำลังระดับสองครึ่งเลย แม้แต่กองกำลังระดับสองก็ไม่เห็นทุ่งรกร้างแห่งนี้อยู่ในสายตา
หลอกลวงหรือไม่!
ทว่า เมื่อได้เห็นสมุนไพรวิญญาณที่บรรจุอยู่ในหีบและของมีค่านับไม่ถ้วนเหล่านั้นแล้ว หากไม่ใช่กองกำลังระดับสองครึ่งแล้วจะเอาของเช่นนี้ออกมาได้เช่นไร
ถึงแม้ว่าเมืองเย่เซี่ยจะมีพลังแข็งแกร่งจนเอาชนะเมืองใหญ่อย่างเมืองแห่งความโกลาหลได้ แต่รากฐานของเย่เฉินนั้นไม่ได้หยั่งลึกเลย
จื่อโยวเอาของมีค่าเหล่านี้ออกมา ทำให้ผู้คนยอมสยบจริง ๆ
พวกเขารู้ว่าเมืองเย่เซี่ยกับหอปี้ลั่วนั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทกัน ต่อไปคงไม่มีผู้ใดกล้าคิดไม่ซื่ออีกแล้ว
จื่อโยวที่อยู่ภายใต้สายตาที่เมินเฉยของฝ่าบาทตนเองในตอนนี้ มอบของขวัญเสร็จก็จากไปทันที จิ่วเยี่ยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “จื่อโยวบอกเอาไว้ว่า เมื่อถึงเวลาที่เฉลิมฉลองวันเกิด ก็ต้องลงมือทำบะหมี่ฉางโซ่ว (บะหมี่อายุยืน) ให้คนที่เรารักที่สุดด้วยตัวเอง เพราะจะเป็นการแสดงน้ำใจของข้าได้ดีกว่า”
.
.