ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1102 การลอบโจมตีถูกขวาง
สายตาราวกับงูพิษคู่นั้นของหมิงจีจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
ถึงอย่างไรนางก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าในมือของมู่เฉียนซีนั้นถือไพ่ตายอยู่กี่ใบ และแน่นอนว่านางต้องหาโอกาสที่เหมาะสมที่สุดในการลงมือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด
เวลาของการประลองได้ผ่านไปแล้วครึ่งหนึ่ง บางคนก็หลอมยาล้มเหลวและกำลังจะเริ่มหลอมใหม่อีกครั้ง บางคนก็อยู่ในขั้นตอนการหลอมให้เป็นเม็ดยาลูกกลอนแล้ว
มู่เฉียนซีหลอมยาอย่างมีระเบียบเป็นขั้นตอนเรียบร้อย พลังวิญญาณของตนเองนั้นมีไม่เพียงพอ และเวลาที่ต้องการนั้นก็ไม่น้อยเลย
จากนั้น เวลาหกชั่วยามก็ได้ผ่านไปแล้วห้าชั่วยาม!
ทันใดนั้นเอง บนท้องนภาก็เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้น
เมฆขาวพลันดำมืด ราวกับคลื่นมหาสมุทรกำลังสาดซัดอยู่ในพายุก็มิปาน
“เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้นแล้ว มีคนหลอมยาขั้นสวรรค์ได้สำเร็จ”
“อายุไม่เกินร้อยปีก็สามารถหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ออกมาได้ ช่างเป็นหนุ่มสาวที่ควรค่าแก่การยกย่องยิ่งนัก!”
“……”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเหลืองผู้หนึ่งเดินออกมา และยาลูกกลอนก็ถูกเขาบรรจุใส่ขวดผลึกใสเรียบร้อยแล้ว
เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าทำสำเร็จแล้ว”
เป็นคนแรกที่หลอมยาออกมาได้สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นยาลูกกลอนขั้นสวรรค์อีกด้วย
“เป็นศิษย์พี่หวงฝู่ อายุเพียงแค่เจ็ดสิบปีก็สามารถหลอมยาขั้นสวรรค์ได้สำเร็จ ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
“ดูจากความมั่นใจของศิษย์พี่หวงฝู่แล้ว เกรงว่าอันดับหนึ่งคงได้มาไม่ยาก”
“……”
ปรมาจารย์จางกล่าว “เจ้าทำได้ไม่เลวเลย ไปพักผ่อนเถอะ!”
ถึงแม้ว่าจะมีคนหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาได้แล้ว แต่คนอื่น ๆ ก็ยังคงหลอมยาต่อไป
เมื่อเวลาเดินมาเหลือเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ก็มีคนทยอยหลอมยาออกมาได้สำเร็จ เพียงแต่ว่าล้วนแต่เป็นยาขั้นปฐพีเท่านั้น
ไม่นานนัก บนท้องนภาก็เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดขึ้นอีกครั้ง
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าของศิษย์พี่หวงฝู่ผู้นั้นมาก เพราะครั้งนี้มีผู้ร่วมประลองสามคนหลอมยาขั้นสวรรค์ออกมาได้สำเร็จในเวลาเดียวกัน
“ยาขั้นสวรรค์ทั้งสามคนเลย ดูท่าสามอันดับแรกข้าคงจะหมดหวังแล้วล่ะ” ผู้ร่วมประลองที่หลอมยาขั้นปฐพีผู้หนึ่งบ่นพึมพำ
“ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์! เป็นยาลูกกลอนขั้นสวรรค์อีกแล้ว!”
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นบนท้องนภากับการปรากฏของยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ทำให้ทุกคนตื่นเต้นขึ้น
ในตอนนี้ผู้ร่วมประลองที่อยู่บนแท่นปรุงยายังคงเหลืออีกครึ่งหนึ่ง
มู่เฉียนซีประสบกับทางตันแล้ว พลังวิญญาณไม่พอ พลังวิญญาณไม่แข็งแกร่ง ทำให้ก้าวต่อไปได้ยากมาก
ในตอนนี้เหลือเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป และนิรันดร์ยังไม่ลงมือก่อนแน่นอน เขาก็อยากจะรอดูว่าเจ้านายผู้เป็นยอดดวงใจของเขาจะยืนหยัดไปได้ถึงขั้นใด
ใบหน้าของหมิงจีเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว “พลังวิญญาณต้านทานเอาไว้ไม่ไหวแล้ว พลังจิตก็เกรงว่าจะไม่พอแล้วล่ะ เช่นนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าจะลงมือแล้วน่ะสิ”
“ต่อให้ข้าไม่ต้องลงมือ เจ้าก็ต้องพ่ายแพ้ไปอยู่ดี เพียงแต่ว่า เจ้าควรจะพ่ายแพ้ไปอย่างอนาถสักหน่อยนะ”
ทันใดนั้นเอง พลังสีดำอันมืดครึ้มและหนาวเย็นก็ได้ปรากฏขึ้นข้างกายมู่เฉียนซีอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
อาถิงจะลงมือ แต่เห็นได้ชัดว่าความเร็วของนิรันดร์นั้นเร็วกว่าเขามาก
พลังอันชั่วร้ายนั้นของหมิงจีถูกนิรันดร์ทำลายจนหมดสิ้นไป
ไม่เพียงแต่จะทำลายไปเท่านั้น พลังจิตอันแข็งแกร่งของนิรันดร์ก็ได้โจมตีกลับไปอีกด้วย!
ไม่นานนัก สีหน้าของหมิงจีก็ซืดเผือดลง!
นางถลึงตากว้างด้วยความตกใจ
นี่หวงจิ่วเยี่ยมอบของศักดิ์สิทธิ์ใดปกป้องนางกันแน่ นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะสามารถกลืนกินพลังจิตของข้าไปได้ด้วย!
ทว่า นางนึกไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าในตอนนี้มู่เฉียนซีจะมีหม้อยาวิเศษอยู่ และหม้อยานั้นก็ยังเป็นหม้อเทพนิรันดร์อีกด้วย
ถึงแม้ว่าตอนนี้นิรันดร์จะไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ อีกทั้งยังเป็นจ้าวแห่งนักปรุงยา พลังจิตของเขานั้นแข็งแกร่งจนไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการได้แน่นอน
หมิงจีกล้าโจมตีพลังจิตของมู่เฉียนซีต่อหน้าเขาเช่นนี้ ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก!
กว่าจะฟื้นฟูพลังจิตกลับมาได้เพียงเล็กน้อยนั้นมันไม่ง่ายเลย ในตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้อีก
หมิงจีมองไปที่ไป๋อู๋ห่ายและกล่าวว่า “ข้าจะหลับใหลไปช่วงหนึ่ง เจ้าจะต้องปกป้องร่างกายนี้ให้ข้าให้ดี มิเช่นนั้นข้าไม่มีทางอภัยให้เจ้าเป็นอันขาด”
ไป๋อู๋ห่ายก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย “ท่านหมิงจีวางใจได้ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่มีทางให้บุตรสาวของข้าเป็นอันใดเด็ดขาด”
หมิงจีกล่าว “มู่เฉียนซีผู้นั้น เจ้าก็อย่าได้ไปล่วงเกินเชียวล่ะ ในระหว่างที่พลังของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมา เกรงว่าถึงเป็นเจ้าก็รับมือกับมันไม่ได้”
ยิ่งหวงจิ่วเยี่ยใส่ใจหญิงสาวผู้นั้นมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น
รอหลังจากที่พลังของนางฟื้นฟูกลับมาแล้ว นางจะทำลายหญิงสาวผู้นี้ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหวงจิ่วเยี่ยจะทำหน้าเช่นไร
หมิงจีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา และวิญญาณของหมิงจีก็หลับใหลไปในร่างของไป๋เหยียนเอ๋อร์
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง และนางก็กลัดกลุ้มใจมาก!
นี่ท่านหมิงจียังไม่ได้ลงมือเหรอ เหตุใดมู่เฉียนซีถึงยังไม่เป็นอันใด
ไม่ใช่ไม่เป็นอันใด แต่นางกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว!
ไป๋เหยียนเอ๋อร์เห็นเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้ามู่เฉียนซีเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น
มู่เฉียนซีใจจดใจจ่ออยู่กับการหลอมยา แน่นอนว่านางไม่ได้สังเกตเห็นว่าหมิงจีแอบลอบทำร้ายนาง
พลังวิญญาณไม่เพียงพอ ยังต้องการพลังวิญญาณมากกว่านี้
ภายใต้การห่อหุ้มด้วยกลิ่นหอมของยา ภายใต้ความตั้งใจแน่วแน่อันแข็งแกร่งของมู่เฉียนซี เคล็ดเทพต้านสวรรค์ก็เริ่มโคจรขึ้น และได้ดูดพลังวิญญาณฟ้าดินนี้มา
พลังวิญญาณเหล่านี้ได้ไหลเข้าสู่ร่างของมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง และสีหน้าของมู่เฉียนซีก็เผยความดีใจออกมา
ทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน ควบคุมการหลอมยาไปด้วย และดูดซับพลังวิญญาณเหล่านี้ไปด้วย
ต่อมานางก็ปล่อยให้พลังนั้นทะลวงข้ามผ่านกำแพงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก และนางก็ทะลวงพลังวิญญาณมาถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดได้สำเร็จ
ทะลวงพลังวิญญาณแล้ว!
หลังจากที่มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณระดับเจ็ดได้ นางก็ไม่ดูดซับพลังวิญญาณโดยรอบแล้ว ชั่วครู่หนึ่งพลังก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง!
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
“มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณแล้ว!”
“นางกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการหลอมยาไม่ใช่หรอกเหรอ เหตุใดถึงทะลวงพลังวิญญาณได้ล่ะ?”
“หลอมยาไปด้วย ทะลวงพลังวิญญาณไปด้วย นี่นางยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่!”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด ตอนนี้นางก็นับว่าเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงผู้หนึ่งแล้ว
ถึงแม้ว่านางจะอยู่ระดับล่างสุดของคำว่าระดับสูง แต่นางก็มีความมั่นใจขึ้นมาแล้วว่าจะหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ครั้งนี้ออกมาได้!
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กำหมัดแน่นจบเล็บจิกเข้าเนื้อ
มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านางจะทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดได้
เช่นนั้น นางก็หลอมยาขั้นสวรรค์ได้สำเร็จน่ะสิ…
ไป๋เหยียนเอ๋อร์ส่ายหน้าไปมา ไม่! เป็นไปไม่ได้! สถานการณ์เช่นนี้มู่เฉียนซีต้องหลอมยาขั้นสวรรค์แน่
ถึงแม้ว่าพลังของนางจะเพิ่มขึ้นถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดแล้ว แต่ก็ยังห่างกับขั้นมหาจักรพรรดิอยู่มาก
นางไม่มีทางทำสำเร็จ ไม่มีทาง…
เมื่อทะลวงระดับเจ็ดได้แล้ว ทุกอย่างก็ราบรื่นขึ้น
นางหลอมยาอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับมัจฉาเวียนว่ายอยู่ในนที
นิรันดร์ก็ยิ้มขึ้นแล้ว เจ้านายผู้ที่เป็นยอดดวงใจของเขาทะลวงพลังวิญญาณในเวลานี้ เช่นนั้นต่อไปก็ไม่มีเรื่องที่เขาต้องลงมือแล้ว
นางสามารถหลอมยาออกมาได้สำเร็จแน่นอน!
ฝึกบำเพ็ญถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงได้ หลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ก็ต้องทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีก็เหมือนกันกับนิรันดร์ มีความมั่นใจในตัวเอง
ทว่า เวลาได้ผ่านไปอย่างไร้ความเมตตาปรานี เวลาของการประลองกำลังจะสิ้นสุดลง
ในตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวกำหมัดแน่นด้วยความตึงเครียด ผู้เข้าประลองคนอื่นหลอมยากันเสร็จหมดแล้ว
บนแท่นปรุงยาในตอนนี้เหลือเพียงแค่มู่เฉียนซีคนเดียวเท่านั้นแล้ว
ระดับที่มู่เฉียนซีจะก้าวข้ามนั้นมากเกินไป ในตอนนี้อาถิงก็ไม่มั่นใจนักว่านางจะหลอมยาออกมาสำเร็จได้ภายในเวลาที่กำหนดหรือไม่
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ หากเจ้าจะเลยเวลา ข้าก็จะยืดเวลาออกไปให้นานกว่านี้โดยไม่สนใจอันใดแล้วนะ”
ศาลานิรันดร์ ศาลาเรือนรางเก้าชั้นเป็นถึงจ้าวแห่งการควบคุมกาลเวลา คิดจะทำเรื่องเช่นนี้ มันก็ไม่ได้ยาก