ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1129 เพียงกระบวนท่าเดียวก็ตกใจเผ่นหนีไปแล้ว
- Home
- ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
- ตอนที่ 1129 เพียงกระบวนท่าเดียวก็ตกใจเผ่นหนีไปแล้ว
บนร่างของจิ่วเยี่ยมีพลังกดขี่ข่มเหงที่สามารถทำให้คนไม่สามารถปฏิเสธได้
ต่อให้เป็นเผ่ามังกรที่เย่อหยิ่งก็ต้องก้มหัวให้
ในใจของพวกเขาตกตะลึงพรึงเพริดเป็นอย่างยิ่ง บุรุษชุดดำผู้นี้เป็นมังกรเผ่าใดกัน
ช่างมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย เราไปดูสถานการณ์กันเถอะ!”
“อืม!”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีและอันตรธานหายไปต่อหน้าพวกเขาภายในชั่วพริบตาเดียว คนเหล่านี้กล่าวว่า “บุรุษข้างกายท่านมังกรวารีแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พวกเราคงไม่จำเป็นต้องปกป้องนางแล้วล่ะ รีบไปสนับสนุนกองกำลังของท่านเจ้าเมืองกันเถอะ!”
จิ่วเยี่ยกับมู่เฉียนซีอยู่ไม่ไกลจากสนามรบมากนัก พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังการต่อสู้นั้นอย่างชัดเจน
มู่เฉียนซีกล่าว “สถานการณ์เช่นนี้เหมาะแก่การวิเคราะห์กำลังในการต่อสู้ของเผ่ามังกรจริง ๆ เลย!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเผ่ามังกรจะอ่อนแอได้ถึงขั้นนี้”
หนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองฝ่ายก็คือท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเทียนจ้าน พลังของเขาอย่างมากก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าเท่านั้น
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า นั่นก็เท่ากับมหาจักรพรรดิมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับกลาง ถึงแม้ว่าดินแดนสี่ทิศจะเป็นดินแดนเล็ก ๆ เช่นนั้น แต่ความแข็งแกร่งระดับนี้ก็ไม่ใช่พลังที่สูงสุด
ตกลงพลังวิญญาณของเผ่ามังกรมันอ่อนแอถึงขั้นใดกันนะ
ดูเหมือนว่าปราการป้องกันของเมืองหมอกเมฆาจะยอดเยี่ยมมาก เผ่ามังกรเหล่านั้นที่เผ่าเทพส่งมาโจมตีอย่างรุนแรงก็ยังทำลายปราการเข้ามาไม่ได้
และในตอนนี้เอง มังกรสีเทาตัวหนึ่งในเมืองหมอกเมฆาได้พุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ ขาที่แหลมคมของมันนั้นได้จับมังกรน้อยสีดำขลับตัวหนึ่งเอาไว้ด้วย
“ข้าจับมังกรดำตัวหนึ่งได้แล้ว ข้าจับมังกรดำได้แล้ว!”
เผ่ามังกรอื่น ๆ ต่างก็เคียดแค้นชิงชังเผ่ามังกรดำมากอยู่แล้ว และเผ่ามังกรที่เผ่าเทพส่งมานี้ก็ยิ่งชิงชังเผ่ามังกรดำมากขึ้นไปอีก
พวกเขากล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “อวิ๋นเทียนจ้าน เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเมืองหมอกเมฆาของเจ้าจะแอบซ่อนมังกรดำเอาไว้”
อวิ๋นเทียนจ้านกล่าว “ไม่ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะกระทำความผิดร้ายแรงใดขึ้น มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา แต่เจ้าคิดฆ่าทำลายเผ่าเดียวกัน พวกเจ้าไม่กลัวบาปกรรมชั่วร้ายแรงหรืออย่างไร?”
“เหอะ ๆ ๆ บาปกรรมชั่วอย่างนั้นเหรอ! มังกรดำของพวกมันต่างหากล่ะที่เป็นต้นตอของบาปกรรมชั่วอย่างแท้จริง” ผู้นำของอีกฝ่ายกล่าวเย้ยหยัน
“จับมังกรดำตัวนี้ฉีกเนื้อต่อหน้าอวิ๋นเทียนจ้านเดี๋ยวนี้ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะแสร้งใจดีไปถึงไหน”
มังกรเทาที่อยู่กลางอากาศตัวนั้นได้รับคำสั่งก็น้อมรับทันที “ขอรับ!”
มู่เฉียนซีมองไปที่เด็กน้อยกลางอากาศผู้นั้น เนื่องจากบรรพบุรุษของเผ่ามังกรดำได้กระทำความผิดร้ายแรง ในตอนนี้ในแดนมังกรมีมังกรดำเหลืออยู่น้อยเต็มทีแล้ว แน่นอนว่าจะไม่เจอเด็กน้อยเผ่ามังกรดำคนที่สองในเมืองหมอกเมฆาเมืองเล็ก ๆ นี้แน่นอน
นี่เป็นเด็กผู้นั้น!
และในขณะที่กรงเล็บอันแหลมคมของมังกรเทากำลังจะฉีกร่างมังกรดำน้อยผู้นั้น มู่เฉียนซีก็ลงมือแล้ว!
“ผนึกมังกรวารี!”
มังกรวารีสีฟ้าอ่อนอันเย็นยะเยือกตัวหนึ่งพุ่งทะยานสู่กลางอากาศ มังกรเทาตัวนั้นรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง!
พลังอันแข็งแกร่งได้กระแทกกับมันจนร่างของมันกระเด็นลอยออกไป เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ร่างมันกระแทกกับพื้นดินจนเกิดหลุดขนาดใหญ่
มังกรดำน้อยตัวนั้นก็ร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ มู่เฉียนซีจะเข้าไปรับเขาเอาไว้ แต่จิ่วเยี่ยไม่มีทางให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นแน่นอน
พลังที่มองไม่เห็นได้ลากมังกรดำน้อยตัวนั้นตกลงมาสู่พื้นอย่างเชื่องช้า
“นั่นมันพลังธาตุวารี!”
“มังกรวารี!”
“นึกไม่ถึงเลยว่ามังกรวารีจะปรากฏตัวอยู่ในเมืองหมอกเมฆา ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย!”
กระบวนท่าที่มู่เฉียนซีลงมือนี้ทำให้ฝ่ายศัตรูเหล่านั้นเกิดความโกลาหลขึ้น พวกเขามองดูทุกสิ่งตรงหน้านี้อย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ถอย! ถอยก่อน!”
“เมืองหมอกเมฆามีมังกรวารี หยุดการโจมตีลงก่อน”
“ถอย!”
พวกเขาก็รู้ว่าพลังที่มู่เฉียนซีโจมตีออกมานั้นเป็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเท่านั้น ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก!
หากเป็นมังกรเผ่าอื่น พวกเขาไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องหวาดกลัว
ทว่า เบื้องหลังของมังกรวารีนั่นก็คือเผ่ามังกรวารี มันไม่ธรรมดา!
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีเพียงแค่โจมตีออกไปในกระบวนท่าเดียว ศัตรูเหล่านี้ต่างก็เผ่นหนีไปหมดแล้ว
สายเลือดของสัตว์เทพนั้นถูกแบ่งระดับสูงต่ำอย่างชัดเจน มีความเข้มงวดมากกว่ามนุษย์มาก มู่เฉียนซีไม่ใช่คนของเผ่ามังกร ไม่ว่าจะได้ยินคำพูดที่น่าเคารพยำเกรงมากเพียงใดก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ!
ครั้งนี้จำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและตายมีไม่มากนัก แต่ก็สามารถทำให้ศัตรูล่าถอยไปได้แล้ว อวิ๋นเทียนจ้านรู้ว่าไม่ใช่เพราะพวกเขา แต่เป็น…
“ขอบคุณท่านมังกรวารีมาก!”
“ขอบคุณท่านมังกรวารีที่ลงมือช่วยเหลือ!”
“……”
น้ำเสียงอันซาบซึ้งในบุญคุณดังขึ้นทีละคน ๆ มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าไม่เป็นต้องทำเช่นนี้หรอกนะ ข้าก็ไม่ได้ออกแรงอะไรสักหน่อย”
ก็แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้นเอง ไม่ใช่กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดอันใด!
มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยจรดตัวลงมาจากกลางอากาศ นางมองไปที่มังกรดำน้อยและกล่าวว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”
เรื่องเช่นนี้ได้ประสบขึ้นแล้วจะไม่สนใจไปไม่ได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
อีกอย่าง หากไม่มีท่านมังกรดำผู้อาวุโสท่านนั้น พวกเขาก็คงจะเอากุญแจเทพเผ่ามังกรมาไม่ได้ เกือบจะเข้าใกล้คัมภีร์หมื่นคำสาปแล้ว ช่วยเหลือทายาทของเขาสักหน่อย นับเป็นเรื่องที่สมควรทำ
เขาได้รับการช่วยเหลือถึงสองครั้งแล้ว!
เขาก้มหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “ขอบคุณขอรับ”
ท่านมังกรวารีผู้สูงศักดิ์เข้าใกล้มังกรดำน้อย สิ่งนี้ทำให้มังกรตัวอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจมาก
พวกเขาคิดในใจว่า ‘มังกรวารีสมกับที่เป็นเผ่าที่ได้ชื่อว่าอ่อนโยนและใจดีที่สุดจริง ๆ แม้แต่กับมังกรดำเผ่าที่ได้ชื่อว่ากระทำบาปชั่ว นางก็ยังอ่อนโยนเช่นนี้ จิตใจช่างดีงามเสียจริง’
มู่เฉียนซีก็ไม่รู้ว่าภาพลักษณ์ของนางในใจของมังกรเหล่านี้จะสูงส่งถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมืองอวิ๋น หาคนมาดูแลมังกรน้อยตัวนี้แล้วจัดหายาให้เขาหน่อยได้หรือไม่ เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย”
มังกรเทาตัวนั้นจับเขาด้วยกรงเล็บอันแหลมคมอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด บนร่างของมังกรดำน้อยตัวนี้จึงเกิดรอยแผลลึกจนเห็นกระดูกหลายแผล
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเผ่ามังกรดำที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำบาปชั่ว แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของท่านมังกรวารี พวกเขาก็ต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควร
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าว “ขอรับ!”
เมืองหมอกเมฆากลับมาสงบอีกครั้ง หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นได้มอบหมายภารกิจให้คนอื่นเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็มาที่พักของมู่เฉียนซีทันที “ท่านมังกรวารี พวกที่เผ่าเทพส่งมาสังเกตเห็นท่านแล้ว ถึงแม้ว่าฐานะของท่านจะสูงส่ง แต่ข้าก็เกรงว่าพวกมันจะทำเลวโดยไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด กระทำความผิดอย่างกำเริบเสิบสานเกินไป ใช้ประโยชน์จากท่านมังกรวารีเพื่อให้สำเร็จเป้าหมายของพวกมัน ดังนั้นท่านมังกรวารีรีบกลับไปยังเผ่ามังกรวารีจะดีกว่าขอรับ”
เผ่ามังกรมีพรสวรรค์ที่ดี เกิดมาก็มีพลังความแข็งแกร่งถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งแล้ว และก่อนจะเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ (หมายถึงอายุครบสิบหกปีบริบูรณ์) พลังก็ไม่ได้ก้าวหน้ามากนัก
ทว่า ท่านมังกรวารีที่ดูเหมือนเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะได้ไม่นานนี้กลับมีพลังถึงขั้นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม และด้วยฐานะที่เป็นถึงเผ่ามังกรวารีนั้นไม่ธรรมดาเลย!
หากคนของเผ่าเทพมาจับท่านมังกรวารีไปข่มขู่เผ่ามังกรวารี นั่นก็จะยิ่งทำให้เผ่ามังกรของพวกเขาย่ำแย่ลงไปอีก
กลับไปยังเผ่ามังกรวารี นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผ่ามังกรวารีอยู่ที่ใด!
มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ข้าออกมาก็เพื่อที่จะท่องแดนมังกร แต่เนื่องจากข้าไม่รู้จักเส้นทาง ข้าก็เลยท่องมาถึงเกาะลอยฟ้า กว่าจะออกมาได้สักครั้งมันไม่ง่ายเลย ข้าไม่อยากรีบกลับเช่นนั้น”
“วันนี้ได้เกิดสงครามใหญ่ขึ้น มีมังกรจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ยาลูกกลอนเหล่านี้พวกเจ้าเอาไปรักษาให้กับพวกเขาเถอะ!”
สิ่งที่พกติดตัวมา แน่นอนว่าต้องเป็นยาลูกกลอน และมีจำนวนที่เยอะมาก
ยาลูกกลอนนั้นจะทำให้พวกเขายิ่งเชื่อใจมากขึ้น นางหวังว่าจะได้รับข่าวของเกาะราชามังกร
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นถลึงตาจ้องมองยาลูกกลอนด้วยความตกใจ “นี่มัน นี่มันยาลูกกลอน…”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะมากมายเพียงนี้!”
“สิ่งนี้ข้าไม่อาจรับไว้ได้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นก็รู้ดีนี่ว่าเผ่ามังกรวารีเชี่ยวชาญในสิ่งใด ยาลูกกลอนเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ไม่นับว่ามากมายหรอก รับไปเถอะ!”
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นมองยาลูกกลอนจำนวนหลายขวดนั้น จากนั้นมุมปากก็กระตุกขึ้น เผ่ามังกรวารีช่างสมกับที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญเรื่องยาลูกกลอนจริง ๆ!
ในตอนนี้ สำหรับท่านเจ้าเมืองอวิ๋นแล้ว มู่เฉียนซีนั้นเป็นคนรุ่นหลังที่สำคัญของเผ่ามังกรวารีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
และในตอนนี้เอง สาวใช้นางหนึ่งได้เดินเข้ามาและกล่าวว่า “ท่านเจ้าเมือง ท่านมังกรวารี ข้าน้อยได้พามังกรดำน้อยผู้นั้นมาแล้วเจ้าค่ะ”