ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1137 เผ่ามังกรไม้
ในขณะที่เกาะราชามังกรถูกปิดผนึกอยู่นั้น จู่ ๆ พลังของเผ่าราชาก็โผล่ออกมาเช่นนี้ สิ่งนี้เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งแดนมังกรเกิดความปั่นป่วนขึ้น
มู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยกลับไม่กลัวพวกเขา เพียงแค่มีปัญหาน้อยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อย่างไรเสียในแดนมังกรก็มีคัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่ หากไม่ระวังและคำสาปได้กำเริบขึ้นมา สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย
มู่เฉียนซีกล่าวกับเฮยเย้าว่า “เฮยเย้า ต่อจากนี้เราต้องหนีความตายแล้ว เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดีล่ะ”
“หากไม่ได้เจอกับท่านมู่ ข้าก็คงไม่มีแม้กระทั่งโอกาสหนี”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางทิ้งเจ้าแน่นอน”
ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงเขตแดนของเกาะลอยฟ้าแล้ว พวกที่ไล่ล่าก็ตามกันมาแล้ว
พวกเขาพุ่งเขามาทั่วทั้งสี่ทิศ อีกทั้งยังเห็นเฮยเย้าที่อยู่ข้างกายมู่เฉียนซีอีกด้วย
“ดวงตาสีทอง เป็นสายเลือดเผ่าราชาจริง ๆ ด้วย”
“เผ่ามังกรดำ นึกไม่ถึงเลยว่ะจะมีสายเลือดเผ่าราชาอยู่ด้วย ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก”
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องจับตัวเด็กนั่นมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
คนเหล่านี้มารวมตัวกันที่แห่งนี้มากมาย มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้”
แสงสีขาวแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น และอู๋ตี้ก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า นึกไม่ถึงเลยว่ามดปลวดอย่างพวกเจ้าจะกล้ามาขวางทางนายท่านของข้า”
มดปลวกอย่างนั้นเหรอ!
มังกรเหล่านี้ได้ยินเช่นนี้เข้าก็โกรธแค้นใจ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้จะกล้าว่าพวกเขาว่าเป็นมดปลวก พวกเขาเป็นถึงมังกรผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ
เสี่ยวหงกล่าวด้วยความรำคาญใจว่า “เจ้าแมวโง่ จะพูดจาไร้สาระกับพวกมันทำไมเล่า ลงมือเถอะ!”
อู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่แล้ว และพวกมันก็ได้เผชิญหน้ากับเผ่ามังกรเทพสายเลือดอันแข็งแกร่งแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะไม่รับรู้ถึงพลังการกดขี่ข่มเหงใด ๆ เลย และกำลังการต่อสู้ก็เหลือเฟือ
มังกรเหล่านี้ก็ตกตะลึงขึ้นแล้ว “นี่มันสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชนิดใดกัน?”
“สายเลือดเผ่ามังกรของพวกเรายับยั้งพวกมันไม่ได้เลย”
เผ่าสัตว์เทพทั้งสามเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณเผ่าอื่น ๆ มีความได้เปรียบทางสายเลือดตั้งแต่กำเนิด ทว่า ตอนนี้เผชิญหน้าหมูและแมวตัวนี้ความได้เปรียบทางสายเลือดของพวกเขากลับใช้ไม่ได้ผลเลย
นี่มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือสายเลือดของพวกมันนั้นแข็งแกร่งกว่าเผ่ามังกรของพวกเขา
แต่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีสายเลือดหมูและสายเลือดแมวใดที่จะแข็งแกร่งไปกว่าสายเลือดมังกรของพวกเขา!
เฮยเย้ารู้สึกว่าการมีอยู่ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!
แน่นอนว่าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงนั้นไม่อาจขวางศัตรูมากมายเหล่านี้ได้ และจิ่วเยี่ยก็ลงมือแล้ว โครงกระดูกมังกรของท่านเจ้าเมืองฝูอวิ๋นนั้นถูกปล่อยออกมา และมันได้พัวพันกับศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีและจูงเฮยเย้าพลางกล่าวว่า “เราไปกันเถอะ!”
เฮยเย้าขัดขืนและกล่าวว่า “ปล่อยข้า ขะ ข้า ข้าแปลงร่างเป็นมังกรพาท่านมู่หนีไปได้!”
ไม่นานนักเฮยเย้าก็ได้แปลงร่างเป็นมังกรสีดำ แต่ดวงตาของมังกรดำตัวนี้กลับเป็นสีทองอร่ามที่สุกสกาวยิ่งกว่าดวงสุริยาเสียอีก
เฮยเย้าพาพวกเขาออกไปจากเกาะลอยฟ้า และในขณะที่พวกเขาได้ออกไปนั้น โครงกระดูกมังกรนั้นก็ได้ทำลายตัวเอง แม้แต่มังกรที่ไล่ล่าตามมาเหล่านั้นก็ได้สาบสูญไปโดยสมบูรณ์ด้วย
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นทำให้ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นต่างก็พากันมาที่นี่
หลังจากที่มาถึงพวกเขาก็ไม่เห็นแม้กระทั่งศพของคนเหล่านั้น คนอื่นต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และกล่าวด้วยความไม่น่าเชื่อว่า “นะ นี่ นี่มัน…”
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าวว่า “ท่านมู่กับท่านจิ่วเยี่ยคงจะออกไปได้อย่างปลอดภัยแล้วล่ะ เรื่องต่อไปที่พวกเราต้องทำก็คือคอยดูแลความสงบของเกาะลอยฟ้า!”
เขามักจะรู้สึกว่าสองคนนั้นแตกต่างกันมาก แต่เขาก็รู้สึกว่าทั้งสองไม่ใช่ศัตรูอย่างแน่นอน
มังกรดำน้อยได้พามู่เฉียนซีทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ถึงแม้ว่าเฮยเย้าจะยังเด็ก แต่ความรวดเร็วของเขานั้นรวดเร็วยิ่งกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาระดับสูงสุดในดินแดนสี่ทิศเหล่านั้นมาก
ไม่นานนักพวกเขาก็ได้มาใกล้เกาะมังกรอีกเกาะหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยมากนัก แต่อย่างไรเสียความแข็งแกร่งทางกายของเฮยเย้านั้นก็มีขีดจำกัด มู่เฉียนซีเองก็ไม่สามารถใช้แรงงานเด็กจนเกินไปได้ ดังนั้นจึงให้เขาลงพักที่นี่ก่อน
หลังจากที่ลงมาเฮยเย้าก็ได้แปลงร่างเป็นเด็กหนุ่มผมดำขลับดวงตาสีทอง ดวงตาสีทองคู่นี้ช่างอร่ามเกินไปจริง ๆ เผ่ามังกรทุกเผ่าล้วนแต่รู้ถึงฐานะของเขาได้เลย
โชคดีที่มู่เฉียนซียังมีโอสถที่สามารถเปลี่ยนสีดวงตาได้ ทำให้ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาล
เฮยเย้าก็เข้าใจในการซ่อนกลิ่นอาย มู่เฉียนซีกล่าว “เราพักกันที่เมืองนี้ก่อนเถอะ แล้วค่อยสืบหาข่าว”
เกาะมังกรนี้เรียกว่าเกาะอานซี และเมืองหลักของเกาะนี้ก็คือเมืองอานซี
ดูจากพื้นผิวแล้วก็ยังนับว่าเป็นเมืองที่สงบเมืองหนึ่ง
มู่เฉียนซีได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่สุดในเมืองฝูอวิ๋น และนางยังมีเหรียญมังกรอยู่ในมือไม่น้อย แน่นอนว่ามันสามารถทำให้พวกเขามีที่พักที่สะดวกสบายในสถานที่แห่งนี้
หลังจากที่สถานการณ์สงบลงแล้ว มู่เฉียนซีก็คิดหาวิธีที่จะสืบหาข่าว
ที่อยู่ของเผ่ามังกรอันสูงศักดิ์เหล่านั้นไม่ได้หายากเหมือนกับคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรและเกาะราชามังกร
เมืองอานซียังนับว่าเป็นเมืองที่ไม่เลวเลย การเผยแพร่ข้อมูลค่อนข้างดีมาก
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ตบรางวัลด้วยยาลูกกลอนไปจำนวนไม่น้อย ในที่สุดก็ได้รู้ที่อยู่ของเผ่ามังกรไม้
“เผ่ามังกรไม้อาศัยอยู่ที่เกาะว่านเซินฉง เกาะว่านเซินฉงถูกห้อมล้อมไปด้วยเถาวัลย์นภานับไม่ถ้วน หากไม่ใช่คนของเผ่ามังกรไม้ ไม่สามารถเข้าออกได้ ข้าว่าพวกเจ้าถอดใจซะเถอะนะ!” ชายชราผู้ที่ขายข่าวให้พวกเขากล่าว
ใครจะรู้เล่าว่ามู่เฉียนซีและพวกจะไม่กลัวคำพูดนี้ของเขา มู่เฉียนซีกล่าว “แผนที่!”
ต่อให้ยากลำบากเพียงใดก็ต้องไปสักตั้ง
“เอาไป! นี่ข้าเสี่ยงชีวิตเอามันมาได้เมื่อตอนข้ายังเป็นหนุ่ม วัยหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้ากลับอาศัยความร่ำรวยของตระกูลแล้วได้มันไปอย่างง่ายดาย เฮ้อ!” ชายชรากล่าวอย่างทอดถอนใจ
มีแผนที่เช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีและพวกก็เริ่มออกเดินทางเลย
พวกเขาใช้ความเร็วอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อมาถึงเกาะว่านเซินฉงแห่งนี้
และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เกาะแห่งนี้ถูกเถาวัลย์นภาอันเขียวชอุ่ม ไม่มีช่องโพรงโผล่ใด ๆ เลย
มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วจะเข้าไปอย่างไรล่ะ?”
“ทำให้เถาวัลย์เหล่านี้หายไปทั้งหมดก็สิ้นเรื่องแล้ว” จิ่วเยี่ยเดินมาตรงหน้ามู่เฉียนซีพลางกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนักว่า “ทำให้เถาวัลย์ที่เฝ้าปกปักษ์รักษาเหล่านี้หายไปทั้งหมดเนี่ยนะ ข้าว่าเผ่ามังกรไม้ก็คงจะสู้จนตัวตายกับพวกเราเป็นแน่! เรามาขอความช่วยเหลือจากพวกเขานะ ไม่ใช่มายั่วยุพวกเขา!”
“ข้าจะลองดู หากไม่สำเร็จแล้วละก็ จะให้สุ่ยจิงอิ๋งพาเข้าไป”
แม้แต่ปราการสุ่ยจิงอิ๋งก็สามารถเปิดทางให้ได้ นับประสาอะไรกับเถาวัลย์ที่ห้อมล้อมเหล่านี้ล่ะ
วิธีที่มู่เฉียนซีจะลองนั้นก็คือ นางเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา
พลังความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเทียบกับหนึ่งในหมื่น แต่อย่างไรเสียเปลวไฟก็คือดาวมฤตยูของไม้
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงมันไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา!
มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมาแล้ว และเริ่มลงมือฟันทันที “มังกรเพลิงสังหาร!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เปลวไฟอันแดงฉานพุ่งไปที่เถาวัลย์อันเขียวชอุ่มนั้น
พรึ่บ! สำเร็จแล้ว เพียงแต่ว่านางเผาได้เพียงแค่รูเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่นานนักก็ถูกเถาวัลย์ปกคลุมอีกครั้ง
มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา “ดูท่าต้องเปลี่ยนกระบวนท่าแล้ว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีอันทำลายล้างอันแดงฉานนั้นได้พุ่งไปที่กระทบการป้องกันของเถาวัลย์นั้น พลังวิญญาณพลังธาตุอัคคีแผ่ซ่านออกมาและได้แผดเผาเถาวัลย์จนเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น
สิ่งนี้ทำให้มังกรที่เฝ้าพิทักษ์อาณาเขตของเผ่ามังกรไม้เหล่านั้นตื่นตัวขึ้นแล้ว “เป็นพลังธาตุอัคคีที่เข้มข้นมาก!”
“ไอ้พวกเผ่ามังกรอัคคีมาท้าทายอีกแล้ว!”
“ไอ้มังกรพวกนี้มันไม่ยอมจบจริง ๆ!”