ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1178 ทำให้นางร้องไห้เสียแล้ว
“เห้อ!” สุ่ยจิงอิ๋งถอนหายใจออกมาเบา ๆ คราหนึ่ง
นางตระหนักดีถึงผู้ทำพันธสัญญาของนาง ไม่ว่าจะกล่าวอะไรไปนางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
“ซีเอ๋อร์ เจ้าอยากจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ! แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายแน่”
ก่อนที่อาถิงจะหลับใหลไปได้ฝากซีเอ๋อร์ให้แก่นาง ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับซีเอ๋อร์คาดว่าอาถิงคงจะเป็นบ้าแน่
ปัก ปัก ปัก! คนของเผ่าเทพถูกฆ่าไปอย่างหมดสิ้นไม่เหลือสักคน ตายกันไปเสียจนเกลี้ยง
เมื่อกลิ่นคาวเลือดทั้งตัวนั้นยิ่งเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ จิ่วเยี่ยก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมตน
เสียงหัวเราะอันมีสุขของคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นลอยออกมาไม่ขาดสาย ในตอนนี้ช่างดียิ่งนักจริง ๆ
จากนั้นจิ่วเยี่ยก็ได้วางเป้าหมายไปที่ตัวของผู้อื่น
พวกเขาเคยได้พบเห็นวิธีการสังหารหมู่ที่น่าหวั่นพรึงของจิ่วเยี่ยมาแล้ว ในใจนั้นก็เกิดความหวาดกลัวแต่ก็จนปัญญา
พวกเขาหนีไปไม่ได้ จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ทำได้แต่เพียงรอคอยความตายเท่านั้น
ในตอนนี้เองเงาร่างสีม่วงก็ได้พุ่งผ่านไปยังเงาร่างสีดำนั้น
สายตาอันน่าสะพรึงนั้นของจิ่วเยี่ยมิได้สนใจผู้ใดอีกต่อไป ในนัยน์ตาของเขานั้นมีแค่เพียงนาง
ความเร่าร้อนภายในดวงตาคู่นั้นราวกับมันจะเผาไหม้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าไปเสียจนมอดสิ้นก็มิปาน
ในตอนที่มู่เฉียนซีเข้ามาใกล้ จิ่วเยี่ยก็ได้ยื่นมือออกไปแล้วบีบคออันเรียวบางของมู่เฉียนซีเอาไว้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใช้พละกำลังที่มากพอ มิเช่นนั้นคงได้ทำให้มู่เฉียนซีสิ้นลมไปในทันที
ทันทีที่มือเขาเริ่มขยับก็ได้ดึงมู่เฉียนซีเข้ามาขังเอาไว้ในอ้อมอกอย่างรุนแรง มู่เฉียนซีอยากที่จะขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ยังลำบากอย่างที่สุด
คัมภีร์หมื่นคำสาปยิ้มแล้วกล่าว “สาวน้อยผู้โง่เขลาเอ๋ย! มีผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่แต่ไม่รีบหนีไป กลับยังเข้ามาหาถึงที่อีก”
“จิ่วเยี่ย เจ้าเบา ๆ หน่อย!” เมื่อเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ยที่ทั้งมือนั้นย้อมไปด้วยโลหิต สีหน้าของมู่เฉียนซีกลับมิได้นิ่งเฉย
นางไม่สามารถที่จะทำให้จิ่วเยี่ยฟื้นคืนสภาพขึ้นได้เหมือนกับตอนที่มันระเบิดออกมาครั้งแรก วิธีการอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ไร้ประโยชน์
นางแค่เพียงอยากจะอยู่กับเขาให้มากเข้าไว้ในช่วงสุดท้าย อยู่ในอ้อมอกของเขาให้นานสักหน่อยก็เท่านั้นเอง
แต่ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไรก็ยิ่งผละไปไม่ได้มากเท่านั้น ถึงแม้ว่าเบื้องหน้าของนางจะเป็นหน้าผา แต่ในตอนนี้นางก็ไม่อยากที่จะหันหลังกลับไป
ปรากฏว่ากำลังของจิ่วเยี่ยนั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ดวงตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดคู่นั้นมองไปที่นาง มู่เฉียนซีฝืนยิ้มแล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าคงไม่มีโรคใดที่ข้าหมอปีศาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายมันจะมาพังทลายลงในมือของเจ้า”
“จิ่วเยี่ย ข้ารักษาเจ้าไม่หาย ข้าขอ…อื้อ…”
ข้าขอโทษ คำสามคำนี้ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยออกมา นางก็ได้ถูกเขาจุมพิตเข้าเสียแล้ว
ทันทีที่ริมฝีปากเข้ามาใกล้ มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น
มันไม่ใช่การจูบหากแต่เป็นการฆ่าฟันโรมรัน!
คาวเลือดในการเข่นฆ่า มู่เฉียนซีได้ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างและต่อสู้กับเขา
“หึ หึ หึ!” คัมภีร์หมื่นคำสาปหัวเราะอย่างเยือกเย็นและคอยชมละครอยู่ด้านข้าง
ในช่วงเวลาแห่งการโรมรันต่อสู้ แควก! เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น จิ่วเยี่ยได้ฉีกเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีขาดออก
“เดิมทีการฆ่าฟันนั้นเป็นสิ่งที่มีอำนาจเหนือกว่า แต่สาวน้อยเจ้ากลับปลุกให้ความหมกหมุ่นอีกชนิดหนึ่งของเขานั้นตื่นขึ้นมา! เช่นนั้นก็จงเสพสุขกับมันเสียให้ดีเถิด!”
“ผู้เป็นเจ้านายของศาลานิรันดร์ ผู้เป็นนายของผู้พิทักษ์นิรันดร์ ภายใต้ร่างกายของหุ่นเชิดของข้า เจ้าจะ…”
เมื่อคิด ๆ ดูแล้วในใจของคัมภีร์หมื่นคำสาปก็มีความรู้สึกหนึ่งที่ไม่อาจจะกล่าวอธิบายออกมาได้
“ท่านมู่!” จิ่วเยี่ยบ้าคลั่งยิ่งนัก สุ่ยอู๋ซินกังวลอย่างที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่าสนข้า พวกเจ้าออกไปให้ห่างหน่อย!”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ได้!”
ทุกคนต่างห่างออกไปไกลแล้ว เหลือไว้แค่เพียงหวงจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีและคัมภีร์หมื่นคำสาป
บางทีหลังจากนั้นแล้วทั้งสองอาจจะจากกันไปชั่วนิรันดร์ ก็ปล่อยให้ทำตามใจไปสักคราหนึ่งเถิด!
สุ่ยจิงอิ๋งร้อนรนใจ นางกล่าว “ซี! ไม่ได้ เช่นนี้เจ้าจะถูกผลกระทบจากคำสาป ร่างกายและพลังชีวิตของเจ้าจะถูกขโมยเอาไป ผลลัพธ์ของมันนั้นไม่อาจที่จะคาดคิดได้”
สุ่ยจิงอิ๋งมิใช่นักปรุงยาก็เลยไม่รู้แน่ชัดถึงความเลวร้ายของมัน แต่ที่รู้แน่ชัดคือมู่เฉียนซีไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอแค่เพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ นิรันดร์จะต้องมีหนทางเป็นแน่ ข้าอยากที่จะทำตามใจสักครั้งหนึ่ง เพราะข้าไม่อยากที่จะปล่อยจิ่วเยี่ยแล้วจากเขาไป ข้าจะไม่ได้พบเจอเขาอีกแล้ว…”
ดูเหมือนว่าจะมีความเย็นยะเยือกหล่นร่วงลงมาจากมุมดวงตาของมู่เฉียนซี จิ่วเยี่ยได้ปล่อยมู่เฉียนซีจากริมฝีปากที่อาบโลหิต และจูบลงไปที่บนหยดน้ำนั้น
รสชาตินี้พิเศษเป็นอย่างมาก!
จูบนั้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาอย่างช้า ๆ เขาจูบเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้างของมู่เฉียนซี
เขาทำให้นางร้องไห้เสียแล้ว!
นางร้องไห้เพราะเขา
ดวงตาอันลึกซึ้งและมืดมิดนั้นสาดแสงออกมา เขากล่าวด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า “อย่าร้องไห้”
“เจ้ารีบไป”
“ข้าจะไม่เป็นไรหรอก รอให้จัดการเสร็จสิ้นแล้วก็จะไปหาเจ้า!”
แม้ว่าชะตากรรมจะบีบบังคับเขามาถึงยังจุดนี้ แต่เขาก็จะยังไม่ยอมแพ้ด้วยเพราะไม่อาจที่จะจากผู้ที่อยู่ในอ้อมอกไปได้ลง
มู่เฉียนซีก็กล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งเช่นกัน “เจ้าหลอกข้า ข้าไม่เชื่อ!”
ดูเหมือนว่าสติของจิ่วเยี่ยจะฟื้นฟูขึ้นมาชั่วพริบตา และจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นโหดร้ายเสียยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา
กึก! มู่เฉียนซีเจ็บเสียจนอดไม่ได้ที่จะกัดก้อนเนื้อบนร่างของเขาสักสองสามรอย
แต่ทว่าการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก นางไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้เลย!
ทั่วทั้งร่างนั้นล้วนแต่เป็นรอยแผลที่อาบโลหิต ผิวหนังถลอกเปิดออกก็ยังไม่เท่าไร
“ซีเอ๋อร์…” แม้เป็นเช่นนี้แล้วมู่เฉียนซีก็ยังคงยืนหยัดอยู่
สุ่ยจิงอิ๋งที่อ่อนโยนนั้นร้อนรนเสียจนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้าไม่เป็นไร”
“หึ หึ หึ! ยังไม่ไปอีก ความรักของมนุษย์นี่มันช่างน่าเบื่อจริงเชียว!” คัมภีร์หมื่นคำสาปหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าว
“ในไม่ช้าความรักของพวกเจ้าก็จะถูกทำลายไปจนสิ้นไม่เหลือไว้แม้แต่น้อย” คัมภีร์หมื่นคำสาปเฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความสุข
ในตอนที่จิ่วเยี่ยกำลังจะครอบครองมู่เฉียนซีอย่างสมบูรณ์นี่เอง ทันใดนั้นแหวนที่สัมผัสได้ถึงการบาดเจ็บของนางก็พลันระเบิดพลังธาตุน้ำอันแข็งแกร่งอย่างที่มิอาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ออกมา
มังกรวารีสีฟ้าอ่อนตัวหนึ่งได้พวยพุ่งออกมา มันพุ่งไปทางจิ่วเยี่ยที่เป็นประหนึ่งสัตว์ป่าและแช่แข็งเขาเอาไว้
มังกรวารีทำตัวโค้งงอกลางอากาศแล้วพุ่งไปทางคัมภีร์หมื่นคำสาป
กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกนั้นทำให้สีหน้าของคัมภีร์หมื่นคำสาปเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “มังกรวารี! มังกรวารี เจ้า…”
ในตอนนี้คัมภีร์หมื่นคำสาปก็ไม่มีใจที่จะชมละครแล้ว มันได้รีบวิ่งหนีไปโดยเร็ว
มันนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ามู่เฉียนซีมิเพียงแต่ทำพันธสัญญากับศาลานิรันดร์และผู้พิทักษ์นิรันดร์ หากแต่ยังทำพันธสัญญากับแหวนมังกรเทพวารีอีก
คัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นวิ่งหนีได้รวดเร็วนัก แต่ทว่าความรวดเร็วของมังกรวารีนั้นเร็วเสียยิ่งกว่า และแล้วคัมภีร์หมื่นคำสาปก็ได้ถูกมังกรวารีพันธนาการ ก่อนจะกลายเป็นม้วนหนังสือแช่แข็งไปเช่นนี้
สุ่ยอู๋ซินที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุน้ำอันแข็งแกร่งอย่างที่สุด สายเลือดทั้งตัวของเขานั้นกำลังเรียกร้อง
“พลังนี้…พลังนี้คือ…ท่านมังกรวารี!”
“ท่านมังกรวารีปรากฏตัวขึ้นแล้ว ท่านมู่จะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีตะลึงงัน “มังกรวารี พวกเจ้ามิใช่มังกรวารีหรือ? ท่านมังกรวารีคือใคร รึว่า…”
มังกรวารีได้แช่แข็งเจ้าสองคนนั้นที่ก่อความวุ่นวายไว้แล้ว แต่แน่นอนว่ามันยังไม่จบ มังกรวารีสีฟ้าอ่อนที่สูงส่งตัวนั้นได้เพิ่มการผนึกพันธนาการกับคัมภีร์หมื่นคำสาปเข้าไปอีก
แสงสีฟ้าอ่อน ๆ ได้ห่อหุ้มตัวของมู่เฉียนซีเอาไว้ สุ่ยจิงอิ๋งได้เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ขึ้นมาและได้นำเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาสวมให้มู่เฉียนซี
ใบหน้าอันอ่อนโยนของนางเผยสีหน้าของความไม่พอใจออกมา “ซีเอ๋อร์ เจ้าจิ่วเยี่ยนี่ช่างไม่อ่อนโยนยิ่งนัก ต่อจากนี้ไปเจ้าอย่าได้ให้เขาทำได้สำเร็จ แขวนเขาเอาไว้ให้ห่างเสียหน่อย อย่าได้ให้เขามาปีนขึ้นเตียงอีก”
“พลังความสามารถยังไม่ล้ำหน้าเขาก็ปล่อยให้เขาเป็นพระไปเถอะ! มิเช่นนั้นแล้วเมื่อถึงเวลานั้นผู้ที่เสียเปรียบก็จะเป็นเจ้า”
มู่เฉียนซีถูกสุ่ยจิงอิ๋งกล่าวเสียจนใบหน้ามีอาการร้อนผ่าวอยู่บ้าง แต่จิ่วเยี่ยนั้นก็มากเกินไปจริง ๆ นางผงกหัวกล่าวรับ “ได้ ฟังตามสุ่ยจิงอิ๋งว่า”
หลังจากที่มังกรวารีผนึกคัมภีร์หมื่นคำสาปเสร็จสิ้นแล้ว หางอันใหญ่โตหางหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านบนของมู่เฉียนซี
เสียงที่ประหนึ่งดังหยดน้ำน้อยใหญ่ที่ร่วงหล่นกระทบลงบนถาดหยกก็ได้ลอยเข้ามา “มังกรวารี ขอแสดงความเคารพนายท่าน”