ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1208 เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก
แสงกระบี่พลันเปลี่ยนเป็นเงาจันทราอันเย็นยะเยือกโจมตีลงไปจากหน้าผา
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เงากระบี่ตกลงไปที่ร่างของงูอัคคีใหญ่ตัวนั้น กรีดร่างของมันจนเกิดรอยเลือด
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! หินกรวดแตกหักไถลลงไป
ร่างของงูอัคคีใหญ่ปานนั้น รอยเลือดเพียงแค่นี้ไม่ได้นับว่าบาดเจ็บอะไรสำหรับมัน แต่กลับทำให้มันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว
มันต้องการจะฆ่าเจ้ามนุษย์ผู้นี้!
มันทะยานขึ้นมาพุ่งไปที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีก็ไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย โคจรพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างกายพุ่งไปที่เจ้างูอัคคีตัวนั้น
“ทักษะโยวหลัว!”
อย่างไรเสียมันก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก เท่ากับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า ถึงแม้ว่าทักษะวิญญาณของมู่เฉียนซีจะสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ แต่สุดท้ายก็รับมือกับงูอัคคีตัวใหญ่นี้ไม่ได้
ทันทีที่งูอัคคีเคลื่อนไหว มันก็สะบัดมู่เฉียนซีออกไปทันที
ตุบ! ร่างของมู่เฉียนซีตกลงบนพื้นดิน เศษหินดินทรายบริเวณรอบเด็นกระจุยกระจายออกไป
และงูอัคคีในตอนนี้ก็อ้าปากพุ่งตัวไปที่มู่เฉียนซีแล้ว
เข็มยาในมือมู่เฉียนซียังไม่ทันพุ่งออกไป จู่ ๆ ก็มีไฟปรากฏขึ้นที่หน้าท้องของงูอัคคีตัวนั้น จากนั้นแสงไฟก็แผ่ขยายจนกระทั่งห่อหุ้มงูอัคคีตัวนั้นไว้
งูอัคคีในตอนนี้ได้กลายเป็นงูอัคคีแล้วจริง ๆ
มู่เฉียนซีรีบถอยห่างจากมันในทันที พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงดิ้นรนอย่างเจ็บปวดทรมานของเจ้างูอัคคีที่กำลังร้องขอชีวิตอยู่ในขณะนี้ และตอนนี้มันก็ไม่ได้น่าเกรงขามเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว
มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไป นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ ๆ ถึงถูกเผาเช่นนี้ไปได้
เงาสีแดงเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากในเปลวไฟนั้นมาอยู่ที่มือของมู่เฉียนซี มันเลียฝ่ามือมู่เฉียนซีด้วยลิ้นที่เย็นฉ่ำนั้น
“เจ้างูน้อย นี่เจ้าไม่เป็นอะไรเหรอ?”
เจ้างูน้อยที่ไม่ได้เป็นแม้แต่สัตว์วิญญาณระดับหนึ่งถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกกลืนลงไปเช่นนั้น นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะรอดปลอดภัยมาได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“เมื่อครู่ เจ้าเป็นคนเผาเจ้านั่นเหรอ?”
แววตาของเจ้างูน้อยนี้เผยความภาคภูมิใจออกมา ราวกับกำลังพูดว่า แน่นอนว่าเป็นฝีมือข้า!
มู่เฉียนซียื่นมือไปลูบหัวมันเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชื่นชมว่ามันเก่งกาจ ไม่ใช่สวะไร้ประโยชน์ ครั้นแล้วเจ้างูน้อยก็หน้าแดงขึ้น
แต่ร่างแท้ของมันเป็นสีแดง แน่นอนว่าไม่มีใครดูออกว่าหน้ามันแดง
มู่เฉียนซีกล่าว “สมุนไพรวิญญาณข้างล่างนั้นเจ้าก็เก็บมาให้ข้าเยอะมากแล้ว เจ้าไม่ต้องเก็บแล้วล่ะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์ใหญ่ที่รับมือยากโผล่ออกมาอีก ถึงแม้ว่าเจ้าจะพิเศษ แต่หากต่อไปไม่ได้หนีรอดมาอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วจะทำยังไงล่ะ”
เจ้างูน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กัดแขนเสื้อของมู่เฉียนซีดึงมู่เฉียนซีกลับไป
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปเล็กน้อย “ข้าเพิ่งจะมาตรงนี้เองนะ ไม่อยากกลับไป”
แต่เจ้างูน้อยร้อนอกร้อนใจขึ้นแล้ว ดึงแขนเสื้อมู่เฉียนซี จนกระทั่งกัดจนแขนเสื้อนางเป็นรู
ก็มันอยากให้นางกลับไป!
มู่เฉียนซีตกตะลึงเล็กน้อย ถึงแม้ว่ามันจะพูดไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะรับรู้ได้ถึงความคิดของมัน
“เจ้าต้องการให้ข้ากลับไป ต้องการให้ข้าออกไปจากตรงนี้เหรอ”
เจ้างูน้อยพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
เจ้างูน้อยมองมู่เฉียนซีด้วยน้ำตาคลอเบ้า เผยท่าทางหวาดกลัวออกมา
แววตาเช่นนี้ ต่อให้มันเผชิญหน้ากับเจ้างูอัคคีเมื่อครู่ก็ไม่เป็นเช่นนี้
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะเข้าใจแล้ว นางกล่าว “เจ้าหมายความว่า ที่นี่มีสิ่งที่น่ากลัวมาก ๆ อยู่อย่างนั้นเหรอ”
เมื่อนึกถึงเจ้าหมอนั่น เจ้างูน้อยก็รีบม้วนตัวหดอยู่ในฝ่ามือมู่เฉียนซีทันที แสดงให้เห็นว่ามันกลัวมากเพียงใด
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกมันไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับกลัวได้ถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีนึกออกเพียงอย่างเดียวที่สามารถน่ากลัวกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเป็นร้อยเท่าพันเท่านั้น คาดว่าคงจะมีเพียงแค่เจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นแล้ว
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันปรากฏตัวขึ้นแล้ว
นางก็อดใจรอที่จะหนีไปไม่ไหว ตรงนี้ไม่อาจอยู่ได้นาน แต่นางเป็นห่วงอารองจริง ๆ
มู่เฉียนซีลูบมันเบา ๆ พลางกล่าวว่า “เจ้างูน้อย ไม่ได้หรอกนะ! ข้ายังต้องตามหาคน ต่อให้ที่นี่จะอันตรายมากเพียงใด และต่อให้ข้าออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย แต่ข้าก็ไม่สบายใจอยู่ดี”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามันไม่ธรรมดา เจ้าสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องสนใจข้า”
เจ้างูน้อยมองมู่เฉียนซีด้วยความกระวนกระวายใจราวดวงไฟสุมอก เหตุใดถึงไม่หนีไป เหตุใดถึงไม่หนีไป อยู่ที่นี่อาจจะตายได้นะ
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเพิ่งจะพบเจอกันไม่นาน แต่มันกลับห่วงใยนางด้วยความจริงใจถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามีญาติสนิทกับมิตรสหายข้าอยู่ที่นี่ ข้าหนีไปไม่ได้”
ญาติสนิทมิตรสหายคือสิ่งใด เจ้างูน้อยไม่เข้าใจ แต่มันกลับเข้าใจดีว่านางไม่อยากไป เช่นนั้นมัน…
เจ้างูน้อยกลิ้งไปกลิ้งมาบนฝ่ามือของมู่เฉียนซี ในเมื่อนางไม่ออกไปจากที่นี่ มันก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน
มันต้องการจะอยู่กับนาง ถึงแม้ว่าจะ…
“เจ้าก็ไม่ไปอย่างนั้นเหรอ เจ้ากลัวไม่ใช่เหรอ อย่าฝืนตัวเองเลยนะ เจ้าไปรอข้าข้างนอกก็ได้ หากข้ามีชีวิตรอดออกไปเราอาจจะได้เจอกันอีกครั้ง” มู่เฉียนซีกล่าว
แต่เจ้างูน้อยไม่อยากจากไปจริง ๆ มันมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่น่าสงสาร ไม่อยากให้มู่เฉียนซีทิ้งมัน
มู่เฉียนซีก็จนปัญญาแล้วจริง ๆ “หากเจ้าอยากอยู่กับข้าก็แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน! แต่ข้าบอกเอาไว้ก่อนนะว่าข้าไม่ได้แข็งแกร่ง หากพบเจอกับอันตรายเข้าแล้วละก็ เจ้าต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด ทักษะการหลบหนีและการซ่อนตัวของเจ้านั้นไม่เลวเลย”
เจ้างูน้อยพยักหน้าด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ดีใจไม่ออกเลย ราวกับว่ากำลังจะไปลานประหารก็มิปาน
มู่เฉียนซีเดินวนอยู่บริเวณนี้มานานมากแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่เจอ ในที่สุดนางก็พบสถานที่ที่สูงสุด ยืนมองดูทุ่งรกร้างสีแดงฉานแห่งนี้
นางได้เห็นทุ่งรกร้างแห่งนี้ทั้งหมด และดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น
ลวดลายภาพวาดที่อยู่ในแผ่นเหล็กสามแผ่นนั้นได้ปรากฏขึ้นในหัวของนาง จากนั้นนางก็เริ่มวิเคราะห์
ที่แท้ประโยชน์ของแผนที่นั้นไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่กลับอยู่ในที่แห่งนี้ต่างหาก
เบาะแสที่ปรมาจารย์เหยียนได้ทิ้งเอาไว้ก็เพื่อให้ตามหาตำแหน่งที่แท้จริงของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จากตรงนี้นี่เอง
หลังจากที่ผ่านการวิเคราะห์มาหลายครั้ง มู่เฉียนซีก็หาเส้นทางที่แน่นอนเจอแล้ว
หากเป็นคนอื่นแล้วละก็ คงจะวิ่งพรวดพราดไปด้วยความตื่นเต้นไปแล้ว อย่างไรเสียเส้นชัยของเส้นทางนี้ก็คือมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์
มู่เฉียนซีกำลังฉงนสงสัยว่าจุดหมายปลายทางนั้น เป็นเทพแห่งการสังหารที่อยู่ ณ ที่นั่น
อวิ๋นซิวก็ได้แผนที่เหมือนกัน เมื่อมาถึงตรงนี้คาดว่าเขาก็จะดูออก
ส่วนอารองนางไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เป้าหมายก็คือที่นี่ บางทีเขาอาจจะมาเส้นทางนี้ด้วย ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่เดินไปบนเส้นทางนี้แล้ว
เดิมทีการมาที่นี่มันเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่เทหมดหน้าตักแล้ว
นางไม่แย่งชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ นางไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของพิฆาตวิญญาณ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะล่าถอยไปได้
มู่เฉียนซีเดินไปตามเส้นทางที่นางมั่นใจนั้น และจู่ ๆ เจ้างูน้อยก็ร้อนอกร้อนใจขึ้นแล้ว
ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ! ไม่ ทางนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ได้…
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้างูน้อย ที่แท้เจ้าก็รู้ทางอยู่แล้ว!”
ร่างของมันหลบซ่อนอยู่ในแขนเสื้อมู่เฉียนซี เสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่เขลาไม่รู้เรื่อง ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น
“หากเจ้ากลัว เจ้าก็หนีไปเองก่อนเเถอะ!”
มันม้วนตัวรัดข้อมือมู่เฉียนซี ราวกับจะบอกนางว่ามันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะกลัวก็ตาม!
มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่ามันกำลังตัวสั่น แต่มันกลับฝืน นางเองก็หมดหนทางแล้วจริง ๆ จะให้เจ้างูน้อยนี่เป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด เจ้าพิฆาตวิญญาณช่างน่ากลัวจริง ๆ ที่อาถิงพูดมาทั้งหมดไม่ใช่เพื่อที่จะขู่ให้นางกลัวแต่อย่างใดเลย