ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1223 ทาสกระบี่กระหายเลือด
“เฉียนซี การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าแพ้แล้ว! เจ้าระวังตัวด้วย!”
ตุบ! ทันทีที่เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวคำนี้จบ เขาก็หมดสติล้มลงไปทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “หมื่นกระบี่ ส่งเจ้าหมอนี่ออกไป…”
“หมื่นกระบี่…”
ในตอนนี้เองมู่เฉียนซีก็พบว่าตนเองนั้นสื่อสารกับกลไกวิญญาณหมื่นกระบี่ไม่ได้แล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ!” เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังก้องขึ้น
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นของข้า ข้าต่างหากเป็นคนที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลือกให้เป็นเจ้านาย”
ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีม่วงผู้หนึ่งชูกระบี่สีแดงฉานเล่มหนึ่งขึ้น พลางหัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาคู่นั้นของเขาในตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นสีเลือดขึ้นแล้ว
ไป๋อู๋ห่ายเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไป “บัดซบ! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ถูกมันแย่งชิงไปแล้ว”
“ขอให้ท่านเจ้าสำนักอายุยืนหมื่นหมื่นปี!” คนผู้นี้เป็นเจ้าสำนักของสำนักจื่อเหลย เป็นกองกำลังระดับสองครึ่งแห่งแดนตะวันออก เขาฉวยโอกาสในขณะที่ผู้แข็งแกร่งต่อสู้กันแย่งชิงกระบี่ปลอมเล่มนี้ไปได้
สื่อสารกับหมื่นกระบี่ไม่ได้เช่นนี้ ต่อให้มู่เฉียนซีทำให้เขาหมดสติไปแล้วก็ไม่สามารถออกไปได้แล้ว
และในตอนนี้เอง เจ้าสำนักจื่อเหลยได้กวัดแกว่งกระบี่ในมือไปมา เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “วันนี้ ข้าจะใช้เลือดของพวกเจ้าสังเวยให้แก่กระบี่เล่มนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องตายอยู่ที่นี่”
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังธาตุอัคคีที่โคจรอยู่บริเวณรอบ ๆ แล้ว สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปทันใด นางตะโกนขึ้นว่า “รีบถอยเร็วเข้า!”
“เร็ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กู้ไป๋อีก็รีบถอยกลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีทันที และรีบพามู่เฉียนซีออกไป
น้ำเสียงอันโหดเหี้ยมดังก้องขึ้น “บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีดอกหนึ่งปรากฏขึ้นอากาศ พลังธาตุอัคคีได้ก่อตัวควบแน่นขึ้น เบ่งบานออกต่อหน้าพวกเขาราวกับจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นราวกับว่าจะทำลายเมืองด้านล่างของเมืองเหยียนให้พังทลายลงทั้งเมืองก็มิปาน
การตอบสนองของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วมาก เพราะนางคุ้นเคยกับกระบวนท่าของกระบี่มังกรเพลิงเป็นอย่างดี
นางรู้ว่าคนผู้นั้นจะใช้กระบวนท่าบัวแดงพิฆาต แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าบัวแดงพิฆาตของคนอื่นจะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้
แต่มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว อย่างไรเสียทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจ้าพิฆาตวิญญาณที่เป็นคนควบคุม
แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการระเบิดนี้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยังมีคนไม่น้อยที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและรอดไปได้ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ต้องกลายเป็นวิญญาณไป
ร่างกายกลายเป็นหมอกเลือดแผ่คลุมอย่างหนาทึบบริเวณรอบ ๆ ดวงจิตกลายเป็นเครื่องสังเวยของกระบี่เล่มนั้น
สนามรบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้น ทำให้ยอดฝีมือที่ได้เห็นอะไรมามากมายบนโลกใบนี้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล สะท้อนให้พวกเขาได้เห็นในระยะใกล้
ทว่า กระบี่ที่ดุร้ายเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถควบคุมมันได้จริงเหรอ
พวกเขามองไปที่เจ้าสำนักจื่อเหลยที่ถือกระบี่ยาวสีแดงฉานผู้นั้นที่เผยสีหน้าบ้าคลั่งออกมา นี่ไม่ใช่เจ้าของกระบี่ แต่เขาได้กลายเป็นทาสของกระบี่เล่มนี้ไปแล้วต่างหาก
แววตาของพวกเขาเผยความหวาดกลัวออกมา เมื่อครู่เพิ่งจะผ่านพ้นจากเงื้อมมือของเทพแห่งความตายมาได้ ทำให้พวกเขาได้สติกลับมา
กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถควบคุมได้
ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มาจากขั้นสูงเหล่านั้นในตอนนี้ก็ล้วนแต่หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง “ต้องมีกองกำลังเสริมถึงจะได้ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน รีบถอย!”
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ นั่นมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่าเทพ
ถึงแม้ว่าจะหายเงียบไปนานกว่าหมื่นพันปี ถึงแม้ว่าพลังจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเมื่อก่อน แต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถพิชิตได้ โดยเฉพาะกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณที่ดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบเล่มนี้!
“ถอย!”
พวกเขาต้องการล่าถอย แต่ทั่วทั้งมิติล้วนแต่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือด และพวกเขาก็ไม่สามารถออกไปได้!
“มังกรเพลิงสังหาร!” มังกรเพลิงสีแดงฉานตัวหนึ่งพุ่งเข้าร่างของคนคนหนึ่ง ร่างนั้นได้กลายเป็นหมอกเลือด ทำให้หมอกเลือดบริเวณโดยรอบยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไป๋อู๋ห่ายมองดูกระบวนท่าที่เจ้าสำนักจื่อเหลยใช้ เมื่อก่อนเจ้าสำนักจื่อเหลยไม่มีทางใช้กระบวนท่าเช่นนี้ได้ กระบวนท่าของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้ เหตุใดมันถึงได้คุ้นเคยยิ่งนักนะ!
เขามองไปที่มู่เฉียนซีที่อยู่ข้าง ๆ ใช่แล้วกระบวนท่าของสาวน้อยผู้นี้กับที่เจ้าสำนักจื่อเหลยใช้ มันเหมือนกันมาก!
แล้วก็กระบี่เล่มนั้นของนาง!
การต่อสู้เมื่อครู่มันโกลาหลมาก เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่อย่างใด!
ตอนนี้เมื่อมามองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงได้พบว่ากระบี่ที่สาวน้อยเคยใช้ในเมื่อก่อนเล่มนั้นมันเหมือนกับที่เจ้าสำนักจื่อเหลยถืออยู่ไม่มีผิด!
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะมีสองเล่มไปได้อย่างไร
“คนงาม…” จื่อโยวอยากจะฉีกมิติพามู่เฉียนซีออกไป แต่กลับพบว่าทั่วทั้งมิตินี้ถูกพิฆาตวิญญาณควบคุมเอาไว้แล้ว
จื่อโยวสบถด่า “กระบี่เล่มนี้มันช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว! ซิงเฉิน เราลงมือเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการมันไม่ได้”
พวกเขาย่อมรู้ดีว่าหากต้องการออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ก็จำเป็นต้องจัดการกับกระบี่เล่มนี้ให้ได้
กู้ไป๋อีไม่ได้ลงมือ แต่คอยคุ้มครองความปลอดภัยอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี และตอนนี้เขาก็สังเกตเห็นแววตาของไป๋อู๋ห่ายที่มองมู่เฉียนซีด้วยความผิดปกติ
กระบี่ชั่วที่คนผู้นั้นถืออยู่มันไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มันคือเล่มที่อยู่กับซีเอ๋อร์เล่มนั้น
ซีเอ๋อร์พูดคุยกับมังกรเพลิงโดยที่ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือปิดบังเขาเลย ตอนนี้เขาเห็นกระบี่ปลอมที่เหมือนกันกับกระบี่มังกรเพลิงของซีเอ๋อร์ เขาคิดเช่นไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี!
นี่เป็นครั้งแรกที่จื่อโยวกับซิงเฉินมาเสียหน้าในดินแดนสี่ทิศเช่นนี้
กระบี่กระหายเลือดนั้นกรีดบนร่างของพวกเขาจนปรากฏรอยเลือดออกมาหลายแผล
ยิ่งมันสังหารผู้คนได้มากเท่าไหร่ กลิ่นคาวเลือดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น วิญญาณที่ถูกกลืนกินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กำลังในการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้น
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องร่วมมือกันแล้ว มิเช่นนั้นทุกคนต้องตายกันหมดแน่!”
ไป๋อู๋ห่ายจึงทำได้เพียงแค่ยับยั้งความฉงนสงสัยนั้นเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ตอนนี้เอาชีวิตรอดสำคัญกว่าสิ่งใด!
เมื่อถูกเจ้าสำนักจื่อเหลยผู้นี้บีบบังคับจนถึงจุดสูงสุด เดิมทีคนเหล่านี้ที่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในตอนนี้ก็เริ่มร่วมมือกันรับมือกับเขาแล้ว
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
การร่วมมือกันโจมตี ถึงแม้ว่าจะทำให้เจ้าสำนักจื่อเหลยบาดเจ็บแล้ว แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาใดเลย เขาถูกกระบี่เล่มนี้ควบคุมไปโดยสมบูรณ์แล้ว เขารู้จักเพียงแค่การเข่นฆ่าสังหารเท่านั้น!
ร่างนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปโจมตีเขา และคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต้องกลายเป็นวิญญาณภายใต้กระบี่เล่มนั้น การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ มันช่างน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากการต่อสู้อันบ้าคลั่งนั้นจบลง หมอกเลือดบริเวณโดยรอบพลันหนาแน่นขึ้นมา ดูเหมือนว่ากระบี่ในมือเจ้าสำนักจื่อเหลยเล่มนั้นจะกลืนกินวิญญาณอิ่มแล้ว จากนั้นร่างของเจ้าสำนักจื่อเหลยก็พุ่งไปที่มู่เฉียนซีราวกับลมพัดกระโชก
“คนงาม!”
“นายหญิง!”
“ซีเอ๋อร์!”
การโจมตีของเขา แม้แต่ผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงก็ถูกฆ่าตายไปภายในชั่วพริบตาเดียว ยอดฝีมือระดับเก้าก็ถูกเขาฆ่าตายไปได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดผู้หนึ่ง!
พวกเขารีบพุ่งไปอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะขวางเจ้าหมอนี่ไว้!
กระบี่สีแดงฉานเล่มนั้นพลันเปลี่ยนเป็นเงากระบี่นับไม่ถ้วนโจมตีไปที่พวกเขาสามคน!
“กล้ามาขวางข้า มันต้องตาย!”
พรวด พรวด พรวด! เงากระบี่สีเลือดเหล่านั้นแทงทะลุร่างของพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ถึงแม้ว่าพวกเขายังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็ไม่มีแรงที่จะลงมือได้แล้ว
เจ้าสำนักจื่อเหลยเข้าใกล้มู่เฉียนซีแล้ว
ดวงตาอันดุร้ายกระหายเลือดคู่นั้นจ้องมองมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เอาออกมา แล้วข้าจะทำให้เจ้าเป็นศพที่ยังคงสวยงามอยู่!”
คนที่อยู่ตรงหน้าโหดร้ายและกระหายเลือดมาก ผู้ใดเห็นเข้าก็ล้วนแต่ต้องหวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหาย แต่ในตอนนี้มู่เฉียนซีกลับยิ้ม
บนใบหน้าของหญิงสาวแปดเปื้อนไปด้วยเลือดและฝุ่นจากการสู้รบ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดร้ายและไร้เทียมทานเช่นนี้ รอยยิ้มนั้นกลับงดงามเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
กู้ไป๋อีและพวกล้วนแต่ตกตะลึงขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาก็คือความตึงเครียดอย่างมหาศาล มู่เฉียนซีค่อย ๆ เอ่ยปากกล่าวขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้?”
.