ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1231 คนที่ตายคือเจ้า
หรงเหรินกล่าวเสียงขรึม “เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าบอก!”
ผงพิษเหล่านี้ อันที่จริงแล้วมันก็แค่อาหารเรียกน้ำย่อยก็เท่านั้น
ตูม ปัง ปัง! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น คนของหอหมอปีศาจเริ่มวางระเบิดพิษแล้ว
เสียงระเบิดนี้ดังสนั่นจนทำให้คนทั้งเมืองตงจี๋หันมองไปทางตำหนักตงจี๋กันเป็นจุดเดียว
ตำหนักตงจี๋อันยิ่งใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ ตอนนี้ราวกับว่าที่แห่งนี้ได้กลายเป็นป่าควันพิษไปแล้วก็มิปาน!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตำหนักตงจี๋?”
“หรือว่าจะเป็นฝีมือของหอหมอปีศาจ?”
“……”
ในตอนนี้เอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือข้า พวกเจ้าคิดจะแย่งชิงก็ตามมาแย่งได้เลย! แต่หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องคนของหอหมอปีศาจแล้วละก็ ผงพิษฝังพวกเจ้าไม่ได้ แต่ยาพิษของข้าก็สามารถกลบฝังพวกเจ้าให้ตายได้!”
“อย่างไรเสีย ต่อให้หอหมอปีศาจของข้าจะขาดสิ่งใด แต่พิษ ยาแล้วก็เงินทอง หอหมอปีศาจของข้าไม่มีทางขาดแน่นอน! พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นะ!”
สิ่งที่เกิดในตำหนักตงจี๋ตอนนี้ ถึงแม้ว่ากองกำลังอื่นจะไม่กล้าเข้ามาสอดแทรก แต่ก็ได้ส่งคนไปสืบข่าวมาอย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีตะโกนเสียงดังมาก และแน่นอนว่าพวกเขาได้ยินแล้ว จึงอดที่จะตกใจไม่ได้
บ้าคลั่ง!
บ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าสังเวชของตำหนักตงจี๋แล้ว พวกเขากลับต้องยอมรับจริง ๆ ว่าท่านผู้นำตระกูลมู่ท่านนี้เป็นคนที่พูดจริงทำจริง ไม่ใช่คนที่ทำอะไรอย่างลวก ๆ แน่นอน!
ใช้พิษมากมายเหล่านี้อย่างไม่เสียดาย ตำหนักตงจี๋ถูกโจมตีเสียจนยับเยิน ยิ่งพวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เรื่องนี้จะต้องรายงานให้เจ้าสำนักและหัวหน้าของพวกเขารู้
หอหมอปีศาจไม่อาจยั่วยุได้!
นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะกล้ากำเริบเสิบสานได้ถึงเพียงนี้ หรงเหรินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้วจริง ๆ “จับหญิงสาวผู้นั้นมาให้ได้ แล้วก็ตัวประกัน…ตัวประกันล่ะ!”
ในขณะที่พวกเขาจะไปจับตัวประกันนั้น จื่อโยวกับซิงเฉินและพวกก็ช่วยโม่จิ่นกับจวินโม่ซีเอาไว้ได้แล้ว
มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางควันพิษนั้น ขณะที่การมองเห็นของพวกเขานั้นถูกรบกวน อีกทั้งพลังของมู่เฉียนซีตอนนี้ก็แข็งแกร่งมาก การที่พวกเขาจะจับตัวมู่เฉียนซีได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย!
“ทักษะโยวหลัว!”
พลังธาตุวารีได้หลอมรวมกับพิษอันรุนแรงบริเวณรอบ การโจมตีด้วยทักษะวิญญาณนี้พุ่งมาที่คนชุดขาวผู้นี้!
จากนั้น แสงกระบี่อันแดงฉานได้พร่างพราวขึ้น บัวอัคคีที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างดอกหนึ่งโจมตีลงไปจากกลางอากาศ
กระบี่เล่มนี้ได้รับการปลุกเสกจากมังกรเพลิงแล้ว!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น ตำหนักใหญ่ของหัวหน้าตำหนักที่เป็นสัญลักษณ์ของตำหนักตงจี๋ในตอนนี้ถูกบัวอัคคีดอกนี้ทำลายแล้ว!
“มู่เฉียนซี!” ไป๋อู๋ห่ายโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียวพลางพุ่งไปที่มู่เฉียนซี
“เฮือก! พลังของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้มันช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” สายลับที่แอบซ่อนตัวเหล่านั้นต่างสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีของไป๋อู๋ห่ายได้ นางกล่าว “ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว”
กล่าวจบ นางก็เคลื่อนไหวออกไปจากตำหนักตงจี๋
วันนี้ก็แค่มาช่วยตัวประกันไปเท่านั้น นางไม่อยากจะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับตำหนักตงจี๋ อย่างไรเสีย พลังของนางในตอนนี้มันก็อ่อนแอเกินไปที่จะเสี่ยง
“อย่าคิดที่จะหนีนะ!” หรงเหรินตะโกนขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด
ปัง ปัง ปัง! หุ่นเชิดพลังขั้นสูงสุดหลายร่างเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้
มู่อีกล่าวเสียงขรึมว่า “ท่านผู้นำตระกูล เราไปกันเถอะขอรับ!”
และเมื่อไป๋อู๋ห่าย หรงเหรินและพวกตามไป พวกเขาก็ได้พบกับการโจมตีของอาวุธแปลกประหลาดมากมายหลายชนิด
สีหน้าของหรงเหรินดำเสียยิ่งกว่าก้นหม้ออีก “คนพวกนี้มันใช้อุบายที่ไม่ถูกต้อง!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีช่วยพวกเขามาได้ ก็ออกจากเมืองทันที!
เมืองตงจี๋เป็นฐานที่มั่นของตำหนักตงจี๋ จะอยู่นานไม่ได้แน่นอน แต่นางได้เตรียมฐานที่มั่นเอาไว้ในแดนตะวันออกพร้อมแล้ว นั่นก็คือทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่
แต่พวกคนที่มาจากแดนซวนเทียนเหล่านั้นรับมือได้ยากมาก เมื่อพวกเขาออกจากเมือง คนเหล่านั้นก็ไล่ล่าอย่างไม่ยอมเลิกรา!
ที่หนักกว่านั้นคือ หญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งมาขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้ รอยยิ้มอันโหดร้ายเผยออกมาจากใบหน้าที่งดงามนั้นของนาง “ซีเอ๋อร์ เจ้าจะหนีไปไหนล่ะ!”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี “ไป๋เหยียนเอ๋อร์!”
“ท่านผู้นำตระกูล!”
“คนงาม!”
“นายท่าน!”
“……”
ผ้าแพรไหมสีขาวฟาดไปที่แก้มของมู่เฉียนซีราวกับมีดอันแหลมคม
มีหมิงจีคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง พลังของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็วิปริตมากขึ้นแล้ว
“มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า!” เกือบจะเทียบเท่าท่านพ่อผู้นั้นของนางแล้ว สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ซีเอ๋อร์ อีกประเดี๋ยวท่านพ่อของข้าก็จะมาถึงแล้ว เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่มู่อีและกล่าวว่า “มู่อี จื่อโยว ซิงเฉิน พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยส่งคนของหอหมอปีศาจออกไปจากที่นี่ เตรียมป้องกันให้ดี”
มู่อีกล่าว “ท่านผู้นำตระกูล ไม่มีท่านผู้นำคอยสั่งการ พวกเรา…”
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทำได้!”
“คนงาม ข้าจะอยู่ปกป้องเจ้าเอง!” จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว
“ตราบใดที่ข้าไม่มีเรื่องต้องพะวงหน้าพะวงหลัง เจ้าคิดว่าพวกมันจะทำอะไรข้าได้เหรอ นี่เป็นคำสั่ง!”
“เยี่ยต้องฆ่าข้าตายแน่!” จื่อโยวกล่าวด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า
เขารู้ดีว่าคนงามถือไพ่อยู่ไม่น้อย แต่ปล่อยให้นางต้องรับมือกับไป๋อู๋ห่ายและหมิงจีอยู่คนเดียว ไหนยังมีคนเหล่านั้นจากแดนซวนเทียนอีก จะให้เขาวางใจได้อย่างไรกันล่ะ
“หากยังไม่รับคำสั่ง ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่ตอนนี้!” มู่เฉียนซีกล่าวข่มขู่อย่างดุร้าย
ซิงเฉิน “นายหญิง ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งขอรับ!”
ครั้นแล้ว ซิงเฉินและพวกจึงล่าถอยไป ส่วนกระบี่ของมู่เฉียนซีในตอนนี้พร้อมแล้วที่จะรับมือกับไป๋เหยียนเอ๋อร์อย่างไร้ซึ่งความปรานี
“ฉวยโอกาสในตอนที่พวกนั้นยังตามมาไม่ถึงกำจัดเจ้าก่อน เจ้าว่าเช่นไร!”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวเย้ยหยัน “กำจัดข้าอย่างนั้นเหรอ เจ้าฝันไปเถอะ!”
ผ้าแพรไหมสีขาวตัดผ่านอากาศ และพลันเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาขึ้นชั่วครู่หนึ่ง
สีหน้าของมู่เฉียนซียังคงเรียบนิ่ง ดูเหมือนว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์จะเรียนรู้กระบวนท่าใหม่แล้ว
ผ้าแพรไหมสีขาวนั้นถูกซ่อนไว้ ดูเหมือนว่าจะไร้ซึ่งอันตรายใด ๆ แต่อันตรายนี้กลับแอบซ่อนอยู่และมันอันตรายมาก
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ทว่า การฝึกฝนของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก การแอบซ่อนนี้นางสามารถรับรู้ได้ภายใต้พลังจิตอันแข็งแกร่ง!
กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งขึ้น มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชา “มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพัวพันกับผ้าแพรไหมสีขาวของไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่ลอบโจมตีอย่างกะทันหันนั้น ไม่ว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์จะโคจรพลังวิญญาณเช่นไรก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีของเปลวไฟนี้
หลังจากที่มีวิญญาณกระบี่ เปลวไฟที่ระเบิดออกมาของกระบี่มังกรเพลิงก็ยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์จะเลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้า แต่ก็ยังคงยากที่จะต้านทานได้!
พรวด! พลังวิญญาณอันยอดเยี่ยมของไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้กลายเป็นความว่างเปล่าในเปลวไฟนี้
กระบี่ยาวคำรามออกไปพร้อมพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งหัวใจของไป๋เหยียนเอ๋อร์ มู่เฉียนซีกล่าว “ครั้งนี้ คนที่ตายก็คือเจ้า!”
สีหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์ซีดเผือด และจู่ ๆ ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งกระโจนมาอย่างรวดเร็ว “มู่เฉียนซี อย่าคิดที่จะฆ่าลูกสาวของข้าเชียว!”
หมัดสายฟ้าของขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าพุ่งโจมตีไปที่มู่เฉียนซี พลังการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวนั้นราวกับจะฉีกมิติให้ขาดสะบั้นก็มิปาน
มู่เฉียนซีรีบโคจรพลังวิญญาณหลบหลีก พลังธาตุวารีโคจรขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ฉ่า ฉ่า!
เมื่อกำแพงน้ำแข็งแตกสลายลง ร่างของมู่เฉียนซีก็ถอยหลังไปหลายสิบเมตร เลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางเล็กน้อย
ไป๋เหยียนเอ๋อร์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่านางเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แทงหัวใจของนางจริง ๆ แต่กลับทำให้ชีพจรหัวใจของนางเสียหาย
พรวด! ไป๋เหยียนเอ๋อร์กระอักเลือดคำโตออกมาอย่างน่าเวทนา
นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านพ่อ ฆ่านางซะ ท่านพ่อต้องฆ่านางแก้แค้นให้ข้านะ”
มู่เฉียนซีเช็ดเลือดข้างมุมปาก และยิ้มพลางกล่าวว่า “หัวหน้าตำหนักไป๋ มาได้เร็วเหมือนกันนี่”