ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1293 นักพิษทำลายตัวเอง
กู้ไป๋อีเป็นห่วงความปลอดภัยของมู่เฉียนซีจึงแอบซ่อนตัวอยู่ สุดท้ายกลับเห็นเจ้านี่ทำท่าทางยั่วยวนมู่เฉียนซี
กู้ไป๋อีผู้ที่มีความอดทนยอดเยี่ยมมาโดยตลอดตอนนี้ไม่อาจบดบังจิตสังหารของตัวเองเอาไว้ได้แล้ว จิตสังหารแผ่ซ่านออกไป กลิ่นอายกระบี่ก็เช่นกัน
อุณหภูมิในตำหนักพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีห้ามกู้ไป๋อีไม่ทัน กลิ่นอายกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งไปที่แม่นางเซียวที่อยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว
แม่นางเซียวโดนพิษของมู่เฉียนซีไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถหลบหลีกกลิ่นอายกระบี่นี้ได้
ชั่วพริบตาเดียว เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งเตียง ผิวขาวผ่องดั่งหยกนั้นปรากฏรอยเลือดนับไม่ถ้วน
และแน่นอนว่ากู้ไป๋อีไม่ได้ลงมือถึงตาย เพราะเขารู้ว่ามู่เฉียนซีไม่ต้องการฆ่าเจ้าหมอนี่ นางน่าจะมีเหตุผลของนาง
เฮือก! แผลนับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้นบนร่างกายทำให้แม่นางเซียวสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ
เขาน้ำตาคลอเบ้าพลางมองไปที่มู่เฉียนซี “ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ข้าน้อยเจ็บปวดมาก นี่ข้าน้อยกำลังจะตายแล้วใช่หรือไม่?”
ท่าทางเช่นนี้ทำให้กู้ไป๋อีอยากจะลงมือกับเขาอีกหลายแผล
ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวไป กู้ไป๋อียืนขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
เมื่อแม่นางเซียวเห็นชายหนุ่มรูปงามหน้าตาหล่อเหลาอย่างไร้ที่ติและเย็นยะเยือกตรงหน้าผู้นี้เข้า รูม่านตาเขาก็หดลงไปในทันที
ท่าทางอ่อนโยน ยั่วยวนในเมื่อครู่ได้หายไปภายในชั่วพริบตาเดียว นัยน์ตาอันมีเสน่ห์คู่นั้นราวกับว่ามีพายุก่อตัวขึ้นก็มิปาน
“หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน ได้ยินชื่อเสียงมานานมากแล้ว!” น้ำเสียงอันมีเสน่ห์พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันทีราวกับผีปีศาจที่คืบคลานมาจากนรก
กู้ไป๋อีมองแม่นางเซียวด้วยความเฉยชา “หากเจ้ายังไม่อยากตาย ก็ช่วยควบคุมสติให้ดี!”
ดวงตาของแม่นางเซียวยิ่งดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ จู่ ๆ หมอกควันสีเขียวเข้มก็แผ่ซ่านออกมาอยู่รอบกายเขา และหมอกควันนี้ก็ได้ปกคลุมไปทั่วทุกอณูของห้อง
“ฮ่า ๆ ๆ! ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ข้าน้อยควรต้องขอบคุณเจ้าถึงจะถูก หากไม่มีเจ้า ข้าคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาในตำหนักเป่ยหาน วันนี้ข้าจะทำให้ทุกคนในตำหนักเป่ยหานตายให้หมด!”
พลังที่ถูกพิษของมู่เฉียนซียับยั้งเอาไว้ ในตอนนี้มันก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง!
ไม่!
การปะทุครั้งนี้มันน่ากลัวมากกว่าเดิม พลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางแพ้ให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดแน่นอน
แผลบนร่างกายเขาที่เดิมทีเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ตอนนี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นพิษร้ายสีเขียวเข้มไปแล้ว
สีหน้าของกู้ไป๋อีพลันเปลี่ยนไปในทันที “ซีเอ๋อร์ เขาจะทำลายตัวเอง! ต้องฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ พิษของเขาทำอะไรเจ้าไม่ได้ เจ้ายับยั้งเขาเอาไว้ ข้าจะคิดหาวิธี อย่าฆ่าเขาเด็ดขาด!”
กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”
ร่างชุดขาวเคลื่อนไหวพุ่งไปที่ร่างพิษนั่น
แววตาของแม่นางเซียวเผยความประหลาดใจออกมา “ข้าคิดผิดไปแล้วจริง ๆ พวกเจ้าคนของตำหนักเป่ยหานต้านทานต่อพิษได้ดีมากจริง ๆ แม้แต่พิษของข้าก็ทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
“แต่เจ้าไม่มีทางขวางข้าได้หรอก”
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งตำหนักของหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน
พิษอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนในตำหนักเป่ยหานต่างก็ตกตะลึงขึ้น
ขวับ ขวับ ขวับ! ผู้อาวุโสสูงสุดพาเหล่าบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายมาเป็นกำลังหนุน แต่นึกไม่ถึงเลยว่า…
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ที่นี่มีพิษร้ายแรง หากเราเข้าไปใกล้ เกรงว่าจะ…”
“รีบไปเชิญหัวหน้านักปรุงยามาเร็วเข้า เร็ว!”
หัวหน้านักปรุงยามาถึงแล้ว แต่สีหน้าของเขานั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!
“ผู้อาวุโสสูงสุด พิษรุนแรงและร้ายกาจเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นนักพิษที่มีพลังสูงสุดปล่อยพิษร้ายแรงที่สุดออกมาก่อนที่จะทำลายตัวเอง พวกเราทำอะไรไม่ได้ เกรงว่าท่านหัวหน้าตำหนักจะ…”
“ท่านหัวหน้าตำหนักเป็นถึงยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งดินแดนสี่ทิศ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน พวกเราล่าถอยกันก่อนเถอะ!”
“……”
ผู้อาวุโสสูงสุดมีชีวิตอยู่มานานหลายปีถึงเพียงนี้ เขาย่อมรู้ดีว่าผลลัพธ์หลังจากนักพิษพลังวิญญาณระดับสูงสุดทำลายตัวเองมันจะเป็นเช่นไร หากเบาหน่อย ตำหนักเป่ยหานของพวกเขาคงจะไม่มีผู้ใดรอด แต่หากหนักหน่อย ทั่วทั้งเมืองเป่ยหานต้องกลายเป็นเมืองพิษแน่นอน
“ล่าถอย รีบล่าถอยเร็วเข้า!”
“แล้วท่านหัวหน้าตำหนักล่ะ…”
“ท่านหัวหน้าตำหนักจะไม่เป็นอะไร!”
ในขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนบอกให้ล่าถอย หลิงก็อยากจะพรวดเข้าไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ผู้อาวุโสสูงสุดสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “หลิง เจ้าจะทำอะไร?”
“ท่านหัวหน้าตำหนักกับประมุขน้อยเฉียนเยี่ยยังอยู่ข้างใน…” หลิงตอบ
“ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของท่านหัวหน้าตำหนัก ส่วนเจ้ามู่หรงเฉียนเยี่ยนั่น ตายไปก็ดี!”
แววตาของหลิงเผยเจตนาสังหารออกมา นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา!
เกรงว่าผู้อาวุโสสูงสุดคงคิดไม่ถึงว่าหุ่นเชิดที่ตนเองควบคุมอยู่นั้นจะมีจิตสังหารต่อเขาเช่นนี้ เขาออกคำสั่งว่า “หลิง ไปกับข้า!”
หลิงอยากจะฝืนคำสั่งนี้จริง ๆ เขาอยากจะเข้าไปดูว่าซีเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้างแล้ว แต่หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดออกคำสั่ง สมองของเขาพลันว่างเปล่า และออกไปจากที่นี่โดยไม่รู้ตัว
ไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งสติ ไม่ต่างอะไรจากศพเดินได้
ผู้อาวุโสสูงสุดเห็นหลิงมีท่าทีแปลก ๆ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย หรือว่าสิ่งต้องห้ามนั้นมันไม่ได้ผลแล้ว รออีกสักระยะหนึ่งค่อยเพิ่มความแข็งแกร่งให้สิ่งต้องห้ามนั้นสักหน่อยก็แล้วกัน
ตูม! ในขณะที่กู้ไป๋อีกับแม่นางเซียวกำลังต่อสู้กันอยู่นั้น พิษอันรุนแรงก็ได้แผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง
ป้อมปราการพลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้น มู่เฉียนซีเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาไม่น้อยและเริ่มทำการปรุงยา
ต้องขวางเจ้าหมอนี่ให้ได้ นางเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
ฝีมือการใช้พิษของเจ้าหมอนี่ยอดเยี่ยมมากที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมา อีกทั้งยังใช้ทักษะลึกลับอีกด้วย สถานการณ์ในตอนนี้ยับยั้งได้ไม่ง่ายเลย
แม่นางเซียวได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่เขากลับเอาคมกระบี่แทงหัวใจตัวเอง และแผลตรงหัวใจนี้ก็ทำให้พลังของเขาทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีก
หมอกพิษนั้นได้ห่อหุ้มร่างของเขาราวกับรังไหม และรังไหมนี้ก็กลายเป็นเกราะพิษที่แข็งแกร่งที่สุด
“เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
กระบี่เฉียนหานถูกชักออกมาจากฝัก และลำแสงกระบี่ก็ตกลงมาทันที
ทว่า ลำแสงกระบี่นี้ทำได้แค่ฟันรังไหมสีดำภายนอกให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่นานนักมันก็กลับมารวมตัวเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
และเมื่อมู่เฉียนซีเห็นรังไหมนี้ปรากฏขึ้นนั้น นางก็รู้ได้ทันทีว่ามีเวลาเหลืออีกไม่มากเท่าใดแล้ว
เจ้าหมอนี่ใช้วิธีสุดโต่งเพื่อจะทำลายตัวเอง ช่างเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของมู่เฉียนซีจริง ๆ ต้องรีบแล้ว ต้องรีบ!
มู่เฉียนซีพลางสังเกตสถานการณ์ของแม่นางเซียวพลางปรุงยาไปอย่างต่อเนื่อง
และในตอนนี้เอง ลำแสงสีเหลืองอ่อนลำแสงหนึ่งก็ได้ลอยมาพร้อมกับเสียงบทสวดบางอย่าง
“โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินมาแล้ว!”
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว!”
“……”
ลำแสงนั้นได้ห่อหุ้มหมอกควันพิษสีดำเอาไว้ราวกับว่ามันกำลังแปรสภาพแสงนั้นอยู่ก็มิปาน
พลังในการแปรสภาพนี้เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่มู่เฉียนซีไม่เคยพบเห็นมาก่อนแน่นอน!
ในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันแหบแห้งของแม่นางเซียวก็ดังขึ้น
“โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน นี่เป็นความขัดแย้งระหว่างข้ากับตำหนักเป่ยหาน ท่านอย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องจะดีกว่า!”
อินรั่วเฉินกล่าว “การที่เจ้าทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการทำลายตัวเอง แต่ยังเป็นการทำลายชีวิตของคนนับไม่ถ้วนอีกด้วย อาตมาไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้!”
“วันนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขวางข้าได้!”
นักพิษผู้หนึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำลายตัวเอง และนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะขวางกันได้ง่าย ๆ
ในตอนนี้มู่เฉียนซีปรุงยาสำเร็จแล้ว และนางก็ได้บรรจุยาใส่ในเข็มยาเอาไว้
ฉับพลันร่างของนางก็เคลื่อนไหวไปข้างกายกู้ไป๋อี ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางเซียว เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้ เจ้าควรจะหยุดได้แล้ว!”
แม่นางเซียวกล่าวเสียงต่ำว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าประมุขน้อยเฉียนเยี่ยจะโน้มน้าวให้ข้าหยุด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะหยุดได้แล้ว”
.
.