ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1311 ความทรงจำของหลิง
ความโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสสูงสุดทำให้สีหน้าของหลิงยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตาเฒ่า หยุดเดี๋ยวนี้นะ! บอกเงื่อนไขของเจ้ามา! จะเอายังไงเจ้าถึงจะยอมปล่อยเขาไป”
“ปล่อยอย่างนั้นเหรอ!” ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดเผยความไม่เข้าใจออกมา
“ต้องการให้ข้าปล่อยตัวเขาไป เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของเจ้ามาแลก”
วิ้ง ๆ ! กระบี่มังกรเพลิงสั่นขึ้นเล็กน้อย มังกรเพลิงกำลังรู้สึกเคร่งเครียด
มู่เฉียนซีส่งเสียงผ่านทางจิตว่า “มังกรเพลิง เจ้าเครียดอะไร ต่อให้ข้าเอาให้เขา เขาจะทำพันธสัญญากับเจ้าได้เหรอ?”
มังกรเพลิงได้ยินเช่นนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง “ไม่ได้อยู่แล้ว ดูสิว่าข้าเป็นใคร”
แม้ว่าจะถูกน้องชายผู้แข็งแกร่งของมันโจมตีจนยับเยินมาตั้งแต่เกิด แต่มังกรเพลิงก็ใช่ว่าจะไม่มีความหยิ่งผยองของความเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์
“อารองมีความสำคัญต่อข้ามาก ข้าต้องทำให้เจ้าน้อยเนื้อต่ำใจสักครู่นะ”
มังกรเพลิงกล่าว “ญาติของนายท่านก็เปรียบเสมือนเป็นญาติของมังกรเพลิง มังกรเพลิงไม่น้อยเนื้อต่ำใจเลย”
“เอาไป!” มู่เฉียนซียื่นกระบี่ให้เขาด้วยกิริยาท่าทางที่ผ่อนคลาย สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดประหลาดใจเล็กน้อย
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“สาวน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าสำหรับเจ้าแล้ว หลิงจะมีความสำคัญมากกว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เล่มนี้ ข้าชักสงสัยเสียแล้วสิว่าเจ้ากับหลิงมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน”
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้รีบรับกระบี่ในมือมู่เฉียนซีไป แต่ทันใดนั้นดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาก็ดำสนิทขึ้น
อักขระสาปผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดตัวลงทันทีพลางกล่าว “นี่เจ้าจะทำอะไร?”
อ๊า! ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ตอบนาง แต่ในตอนนี้สองมือของหลิงได้ยกไปกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าสมองของเขาถูกบางอย่างดูดออกไปก็มิปาน มู่เฉียนซีจับอารองของนางเอาไว้แน่นพลางกล่าว “อารอง อดทนเอาไว้!”
ความเจ็บปวดทรมานดำเนินต่อไปช่วงหนึ่ง จู่ ๆ ผู้อาวุโสสูงสุดก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้น
“สายเลือดของตระกูลเจ้า ช่างหากได้ยากยิ่งนัก มู่เฟิงหลิงที่ถูกข้าใช้สิ่งต้องห้ามควบคุมเขาเอาไว้ ข้าล้างสมองของเขาไปแล้ว แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมารู้จักกับเจ้าได้”
“ที่ข้าเก็บมู่เฟิงหลิงเอาไว้ก็เพื่อเป็นเหยื่อล่อ แทนที่จะจับปลาใหญ่อย่างมู่เฟิงอวิ๋นได้ แต่กลับมาจับเอาปลาเล็กได้ซะงั้น บุตรสาวอันเป็นที่รักของมู่เฟิงอวิ๋น เหอะ ๆ ๆ…”
คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดได้ยืนยันตัวตนที่แท้จริงของหลิงแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตาเฒ่า เจ้าจะเอายังไงกันแน่ถึงจะยอมปล่อยตัวอารองของข้า อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย”
นางไม่อยากเห็นอารองต้องเจ็บปวดทรมานอีกต่อไปแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ข้าเอา! แต่ข้าอยากได้เหยื่อล่อสักคน เหยื่อล่อเพียงแค่คนเดียวก็พอแล้ว เจ้ากับมู่เฟิงหลิง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอด!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! นี่เจ้าหมายความว่าเจ้าต้องการให้ข้าตายใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าว “ไม่ ๆ ๆ! ข้าคิดว่า เจ้า ในฐานะที่เป็นบุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋น มีค่ากว่าน้องรองของมู่เฟิงอวิ๋นมาก เจ้าเลือกที่จะให้ตัวเองรอดได้”
มู่เฉียนซีดึงกระบี่มังกรเพลิงกลับมา นัยน์ตาสีดำขลับคู่นั้นแผดเผาลุกเป็นไฟด้วยโทสะ
“เจ้าคิดว่าหากข้าเลือกให้ตัวเองรอดโดยไม่สนใจอารอง ตาเฒ่าอย่างเจ้ายังจะยืนสบายใจอยู่ตรงนี้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
“องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลมู่ ช่างมีความชอบธรรมอย่างหนักแน่นจริง ๆ ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะตาย ข้าก็จะสนองให้!”
ผู้อาวุโสสูงสุดเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี สีหน้าของชิงอิ่งกับเซียวเหยาพลันเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
“เฉียน!”
“นายท่าน!”
มู่เฟิงหลิงก็ตะโกนขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ซีเอ๋อร์ ไม่ต้องสนใจข้า!”
เผชิญหน้ากับคนที่เป็นห่วงซึ่งกันและกันสองคนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกครึ้มใจมาก!
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถอยไป!”
ชิงอิ่งกล่าวกับเซียวเหยาว่า “นี่เป็นคำสั่ง!”
ชิงอิ่งกำหมัดแน่น หัวใจดวงนั้นราวกับถูกแช่แข็งไปแล้วก็มิปาน
มือข้างหนึ่งของผู้อาวุโสสูงสุดจับกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังของกระบี่มังกรเพลิงและกล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ในที่สุดกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ตกเป็นของข้าแล้ว”
“ส่วนองค์หญิงน้อย เจ้า…”
“ฆ่าทิ้งไปมันก็น่าเสียดายจริง ๆ พรสวรรค์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เจ้าก็เหมือนกันกับหลิง มาเป็นคมมีดของข้าเถอะ!”
เขายื่นมือมาบีบคอมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเห็นลวดลายอันซับซ้อนปรากฏอยู่บนหลังมือของเขา
เมื่อครู่ก็แค่สงสัยเท่านั้น แต่ตอนนี้นางสามารถยืนยันได้แล้ว!
นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะเป็นนักสาปผู้หนึ่ง เชี่ยวชาญในการสาป
ในดินแดนสี่ทิศมีนักสาปอยู่!
และในขณะที่คำสาปนั้นกำลังจะเข้าสู่ร่างของมู่เฉียนซี ลำแสงกระบี่อันเย็นยะเยือกสามลำแสงก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง
“เจ้ากล้าเหรอ!”
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดพลันเปลี่ยนไป เขารีบหลบหลีก นึกไม่ถึงว่ากู้ไป๋อีจะฟื้นขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะหลบหลีกเร็วเพียงใด แต่มือที่เหี่ยวย่นคู่นั้นก็ถูกร่องรอยของกระบี่ฟันจนได้รับบาดเจ็บอยู่ดี เลือดสีแดงสดหยดลงบนพื้น
ร่างในชุดขาวจรดลงสู่พื้นดิน ทั่วทั้งร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมาราวกับเป็นเทพแห่งน้ำแข็งก็มิปาน
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าลงมือกับเขาเช่นนี้”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านคงจะไม่รู้กระมัง! คนผู้นี้คือองค์หญิงน้อยแห่งตระกูลมู่ผู้นั้น บุตรสาวของมู่เฟิงอวิ๋นผู้แพรวพราวที่สุดแห่งแดนซวนเทียน ฝ่าบาทจะต้องสนใจมากเป็นแน่”
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ในตอนนี้กระบี่เฉียนหานเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว ความเป็นความตายของผู้อาวุโสสูงสุดขึ้นอยู่กับกระบี่เล่มนี้แล้ว
อ๊า! ทว่า ในตอนนี้เหงื่อเย็นได้ผุดพรายไปทั่วทั้งร่างของหลิง ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “มู่เฉียนซี หากเจ้าไม่อยากเห็นมู่เฟิงหลิงต้องทรมานจนตาย ทางที่ดีเจ้าควรจะบอกท่านหัวหน้าตำหนักว่าอย่าได้แตะต้องข้า”
มีไพ่เด็ดอยู่ในมือ ผู้อาวุโสสูงสุดไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใด
กู้ไป๋อีไม่ได้ชักกระบี่ออกแต่อย่างใด เขากลัวว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้จะใช้อุบายชั่วมาทำร้ายมู่เฉียนซีอีก
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หลิง! ลงมือ ฆ่ามู่เฉียนซีซะ”
ความเจ็บปวดทรมานในร่างกายยังคงอยู่ ทว่า หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดได้ออกคำสั่งนี้ หลิงก็ลงมือต่อสู้พลางส่ายหน้าอย่างไม่เต็มใจ
กระบี่ขนาดใหญ่ที่กำอยู่ในมือคู่นั้นเริ่มสั่นคลอน ดวงตาของเขาเริ่มขุ่นมัวขึ้นเรื่อย ๆ
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ซีเอ๋อร์ ฆ่าข้าซะ! อารองจะไม่โทษเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “แค่ท่านไม่โทษข้าก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ ข้านี่สิจะโกรธโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
“ซีเอ๋อร์!” ในตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของหลิงยิ่งทวีความขุ่นมัวขึ้นเรื่อย ๆ
“อารอง ข้าไม่อยากทำร้ายท่าน!”
ทว่า ในหัวของเขาตอนนี้กำลังสั่งการว่า “ฆ่า!”
จำต้องบอกเลยว่ามู่เฟิงหลิงที่มีสองสายเลือดยิ่งใหญ่ผู้นี้ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดนับถือจริง ๆ
สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังสามารถรักษาความคิดของตัวเองเอาไว้ได้ และขัดคำสั่งของเขา
สิ่งต้องห้ามที่ตนเองเป็นคนทำ เขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันยอดเยี่ยมมากเพียงใด!
แต่ไม่ว่ามู่เฟิงหลิงจะดื้อดึงมากเพียงใด ในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้แล้ว เขาเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ผู้อาวุโสสูงสุดสร้างมา
กระบี่ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาพร้อมกับลมที่พัดกระโชก และพลังของมู่เฟิงหลิงก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อเขาง้างกระบี่ขึ้น
มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า!
เดิมทีหลิงถูกผู้อาวุโสสูงสุดทรมานจนร่ากายอ่อนแอมากอยู่แล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดยังบีบบังคับให้เขาเพิ่งพลังวิญญาณอีก
ในตอนนี้มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้นจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสสูงสุด นางอยากทำให้เจ้าเฒ่าผู้นี้ประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างสุดขั้วในทุก ๆ รูปแบบจริง ๆ
ก่อนที่การโจมตีของหลิงจะมาถึง ชิงอิ่งก็ลงมือขวางหลิงเอาไว้แล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “พวกเจ้ายังมัวแต่ยืนนิ่งกันอยู่ทำไม รีบไปจับตัวมู่เฉียนซีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กู้ไป๋อีกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “พวกเจ้ากล้าเหรอ?”
ทว่า ยอดฝีมือที่นำพามาในครั้งนี้ส่วนมากเป็นคนของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสิ้น
พวกเขาทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดคนเดียวเท่านั้น ไม่ฟังคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้าตำหนัก!
เมื่อเห็นยอดฝีมือเหล่านี้ลงมือ กระบี่ในมือของกู้ไป๋อีก็ทาบลงที่คอผู้อาวุโสสูงสุด เลือดสีแดงสดไหลออกมา ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างไม่รู้สึกหวาดกลัวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านเป็นห่วงเป็นใยสาวน้อยผู้นั้นมากจนถึงขั้นกล้าลงมือจะฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?”