ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1312 สังหารเลื่อนขั้นพลังวิญญาณ
กระบี่ของกู้ไป๋อีชะงักลง หากผู้อาวุโสสูงสุดตาย หลิงก็จะตายไปด้วย!
ในตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงได้ปะทุเปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าดูเจ้าเฒ่านี่เอาไว้ก็พอ ส่วนคนพวกนี้ ข้าจัดการเอง!”
ร่างในชุดขาวกระโจนออกไป ถึงแม้ว่าศัตรูเหล่านี้จะไม่มียอดฝีมือขั้นสูงสุด แต่ผู้ที่มีพลังระดับเก้านั้นกลับมีไม่น้อยเลย
“นายท่าน!” เซียวเหยาเป็นกังวลมากจึงรีบพุ่งเข้าไปช่วย
ในตอนนี้เองก็มีคนผู้หนึ่งโจมตีเข้ามาที่มู่เฉียนซี “มู่เฉียนซี เจ้าวางมือยอมแพ้ซะเถอะ วันนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว!”
มู่เฉียนซีกลับกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาก็ดี!”
“มังกรเพลิง ทุ่มเทพลังทั้งหมดออกไปต่อสู้เถอะ!”
ต่อให้สุดท้ายมันจะทำให้พลังวิญญาณของนางถดถอยลงมากกว่าในครั้งก่อน แต่มู่เฉียนซีก็เลือกที่จะสู้!
มีเพียงแค่การสู้ มีเพียงแค่การฆ่าเท่านั้นที่จะสามารถคลี่คลายความโกรธแค้นที่อยู่ในใจได้
กระบี่มังกรเพลิงก็รับรู้ได้ถึงความโกรธแค้นของมู่เฉียนซีเช่นกัน กลิ่นอายแห่งความกระหายเลือดทวีคูณเพิ่มขึ้นในใจของมัน นี่คือพลังแห่งการเข่นฆ่า แม้ว่าจะมีการสนับสนุนของมังกรเพลิง แต่พลังในการเข่นฆ่าของมันในตอนนี้ก็น่าสะพรึงกลัวมาก!
“เจ้า…เจ้า…”
เดิมทีผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าผู้นั้นคิดว่าตนเองจะสามารถเอาชนะมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย
แต่ในตอนนี้ในใจของเขากลับถูกคนที่ถูกเปลวไฟอันแดงฉานห่อหุ้มเอาไว้ผู้นั้นข่มขู่ เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้ตกลงไปอยู่ในมหาสมุทรโลหิตอย่างไร้ที่สิ้นสุด และสิ่งที่รอเขาอยู่มีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความตาย
การคาดเดาของเขานั้นไม่ผิดจริง ๆ บัวอัคคีสีแดงฉานดอกหนึ่งบานสะพรั่งขึ้นกลางอากาศ เขาไม่สามารถขัดขืนได้ ทำได้แค่ตายไปในเปลวไฟนี้เท่านั้น
คนที่หนึ่ง!
กระบี่มังกรเพลิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง มู่เฉียนซีลงมืออีกครั้ง
“มังกรเพลิงสังหาร!”
คนที่สอง!
“บัวแดงพิฆาต!”
คนที่สาม!
“……”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ชายหนุ่มที่สวมชุดขาวผู้นั้นกวัดแกว่งกระบี่แห่งโลหิตในมือไปมาเปรียบเสมือนเทพแห่งความตาย ไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นไปได้
เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ทำได้เพียงแค่จ้องมองอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น ตอนนี้ไม่มีที่ที่จะให้พวกมันแสดงความสามารถแล้ว
ส่วนเซียวเหยาก็ออกมาจากกลุ่มต่อสู้นั้นแล้ว นายท่านในตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาช่วยแล้ว นางต้องการเพียงแค่ฆ่าสังหารคนเหล่านี้เพื่อระบายโทสะในใจ
ตูม! เขามองไปที่มู่เฟิงหลิงที่กำลังต่อสู้อยู่กับชิงอิ่ง
เขาต้องจับตามองการต่อสู้ทางนี้ให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายสวมหน้ากากผู้นั้นลงมือเกินเลยจนทำให้ญาติของนายท่านบาดเจ็บ
มู่เฉียนซีสามารถรับมือกับคนตรงหน้าเหล่านี้ได้อย่างสบาย อีกทั้งปราณพลังวิญญาณของนางยังไม่มีปัญหาอย่างที่นางได้จินตนาการเอาไว้ ในทางกลับกัน ในขณะที่นางกำลังลงมือนั้นก็มีพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู้ร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
จักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดในจุดสูงสุดของระดับ จักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด จักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดในจุดสูงสุด
สามารถทะลวงพลังวิญญาณได้ แถมยังทะลวงได้อย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่นางคิดที่จะ…
ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นของมู่เฉียนซีย้อมไปด้วยสีแดงเลือดนก!
และในตอนนี้เอง มังกรเพลิงก็กล่าวเตือนขึ้นว่า “นายท่าน ไม่ได้เด็ดขาด รีบยับยั้งเร็วเข้า”
นายท่านเป็นเจ้านายของมัน บางครั้งใช้การเข่นฆ่าเพื่อเลื่อนขั้นพลังวิญญาณมันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ก็ตาม
ทว่า การเลื่อนขั้นพลังวิญญาณอย่างต่อเนื่องมากภายในชั่วพริบตาเดียวเช่นนี้จะถูกเจตนาการฆ่าอย่างกระหายเลือดยึดครอง หากพิฆาตวิญญาณปรากฏตัวในคราวหน้า พวกเขาก็จะเอาชนะได้โดยไม่ต้องสู้
เนื่องจากพิฆาตวิญญาณสามารถส่งผลกระทบต่อจิตสังหารอย่างกระหายเลือดนั้นของนายท่านได้ง่าย
ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดเปล่งประกายมองไปที่มู่เฉียนซี “ฮ่า ๆ ๆ! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ยอดเยี่ยมเหมือนที่คิดเอาไว้จริง ๆ!”
ลูกน้องล้มตายไปมากมายถึงเพียงนี้แล้ว แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใจเลยแม้แต่น้อย!
เพราะตราบใดที่เขายังมีไพ่ตายอย่างมู่เฟิงหลิงอยู่ในมือ ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายนางก็ต้องเชื่อฟังเขาอยู่ดี
ก็ใครใช้ให้สาวน้อยผู้นี้มีพรสวรรค์อันเยี่ยมยอดแต่กลับโง่เขลาเบาปัญญากันล่ะ คนจำนวนมากยอมทำทุกอย่างเพื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เพื่อพลังอันแข็งแกร่งอย่างไร้เทียมทานแล้วสามารถยอมสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้ กับแค่อารองคนเดียวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
มู่เฉียนซีก็เริ่มควบคุมสติของตัวเองเอาไว้แล้ว นางยับยั้งพลังให้คงที่ ไม่ได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณต่อไป!
เดิมทีที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด มู่เฉียนซีก็นับว่าวิปริตมากพออยู่แล้ว และตอนนี้พลังของนางถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดในจุดพลังวิญญาณสูงสุดพร้อมที่จะทะลวงขั้นต่อไป และนางกำลังจะกลายเป็นฝันร้ายของพวกเขา!
เปลวไฟ โลหิต เสียงร้องโหยหวน!
ไร้ความปรานี เย็นชา และเลือดเย็นที่สุด!
ไม่นานนักก็สามารถกำจัดยอดฝีมือของตำหนักเป่ยหานไปได้มากมายแล้ว กระบี่มังกรเพลิงกลืนกินดวงวิญญาณของยอดฝีมือไปจำนวนมากเช่นนี้ก็รู้สึกพึงพอใจมาก
ปัง ปัง ปัง! คนที่เหลืออยู่เป็นพวกขี้ขลาด ตอนนี้หวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหายแล้ว
“ท่านประมุขน้อย พวกเรากลัวแล้ว! ผู้อาวุโสสูงสุดเป็นคนบังคับพวกเรา ได้โปรดประมุขน้อยไว้ชีวิตด้วย!”
“ประมุขน้อย ต่อไปนี้พวกเราจะเชื่อฟังคำสั่งประมุขน้อยแต่เพียงผู้เดียว!”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มาขอร้องอ้อนวอนตอนนี้ มันสายไปแล้วล่ะ! ข้าฆ่าเขาไม่ได้ แล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้าไม่ได้เหรอ?”
คมกระบี่ฟันลงไป เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น
วิญญาณดับสลายสิ้น!
ชุดคลุมยาวสีขาวนั้นได้แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด มู่เฉียนซีที่กำลังถือกระบี่มังกรเพลิงกระหายเลือดนั้นดูเย็นชาและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังมองดูหญิงสาวแผ่ซ่านกลิ่นอายอันตรายออกมาเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ท่าทางอันกระหายเลือดเช่นนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามู่เฟิงหลิงที่อยู่ในกำมือของเขานั้นจะสามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้หรือไม่
หากสถานการณ์ไม่เป็นใจแล้วละก็ เช่นนั้น…
มู่เฉียนซีง้างกระบี่มังกรเพลิงขึ้น นางหลับตาพลางจะฟันไปที่คอของผู้อาวุโสสูงสุด
เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายนี้ สัญชาตญาณของผู้อาวุโสสูงสุดก็คือต้องการหลบหลีก แต่ตอนนี้กระบี่อันเย็นยะเยือกของกู้ไป๋อีได้จี้อยู่ที่คอของเขา
ชั่วพริบตาเดียว ผู้อาวุโสสูงสุดที่ชั่วร้ายผู้นี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบจนเหงื่อเย็นผุดพรายไปทั่วทั้งหลัง
มู่เฉียนซีชะงักกระบี่ลงตรงคอของเขา นางลืมตาขึ้นจ้องมองผู้อาวุโสสูงสุดด้วยแววตาที่เย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว
“ข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า แต่ข้าทำให้เจ้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ได้ ข้าจะทำให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “หากเจ้าทำให้ข้าตายทั้งเป็น ข้าก็จะทำให้มู่เฟิงหลิงตายทั้งเป็นด้วย เจ้าทำมือข้าเจ็บข้างนึง ข้าก็จะตัดสองมือของหลิงทิ้ง สาวน้อย หากเจ้าอยากเดิมพันก็ลองดู”
ร่างในชุดเขียวกระโจนออกไป ชิงอิ่งไม่ลงมือกับมู่เฟิงหลิงแน่นอน แต่มู่เฟิงหลิงในตอนนี้ถูกควบคุมจนลงมือต่อสู้อย่างสุดชีวิตแล้ว
ดังนั้น การต่อสู้ในครั้งนี้ชิงอิ่งคือผู้พ่ายแพ้!
ร่างอันแข็งแกร่งอย่างไม่อาจเปรียบได้ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชิงอิ่งพยายามจะลุกขึ้นมาขวางหลิงไม่ให้เข้าไปใกล้มู่เฉียนซี
แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีกลับโยนยาลูกกลอนจำนวนมากออกมาพลางกล่าวว่า “ชิงอิ่ง กินยาฟื้นฟูเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
หลิงกำลังจะเข้าไปใกล้มู่เฉียนซี เซียวเหยาเตรียมจะเข้าไปขวางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “เซียวเหยา ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต้องเข้ามา”
สีหน้าของเซียวเหยาซีดเผือด “นายท่าน แม้ว่าเขาจะเป็นอารองของนายท่าน แต่ตอนนี้เขาจำใครไม่ได้แล้ว”
“เขาฆ่านายท่านได้! เขาฆ่าได้จริง ๆ…”
กระบี่ของมู่เฉียนซีวางอยู่บนคอของผู้อาวุโสสูงสุด!
ส่วนกระบี่อันหนักหน่วงเล่มนั้นของหลิง ในตอนนี้ถึงหัวใจของมู่เฉียนซีแล้ว
พลังกระบี่แผ่ซ่านออกมาทะลุเสื้อของมู่เฉียนซี
แขน เส้นผมของมู่เฉียนซีถูกพลังกระบี่นี้ฟัน
“ซีเอ๋อร์!” กู้ไป๋อีดึงมู่เฉียนซี ต้องการจะดึงนางให้อยู่ห่างจากอันตรายนี้
แต่มู่เฉียนซีกลับยืนนิ่งไม่ขยับ มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเฒ่า เจ้าอยากให้ข้าตายนักไม่ใช่เหรอ เช่นนั้นก็ให้อารองฆ่าข้า มันก็ถูกแล้ว”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่เจ้า…นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่เกรงกลัวความตาย”
เขาไม่เข้าใจสาวน้อยผู้นี้จริง ๆ เย็นชาไร้ความปรานีจนเขาเกรงกลัว แต่ก็กลับน่าขัน เป็นห่วงญาติสนิทเพียงคนเดียวจนไม่นึกถึงชีวิตตัวเอง
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนี้ งั้นข้าจะเติมเต็มความปรารถนาให้เจ้า!”
“หลิง! ลงมือ เพิ่มแรงอีกสักหน่อย หัวใจของสาวน้อยผู้นี้ก็แตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดีแล้วล่ะ!”
“ซีเอ๋อร์!” กระบี่ของกู้ไป๋อีแทงผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว
หากซีเอ๋อร์เป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ เขาจะชิงฆ่าเจ้าเฒ่านี่โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเลย ต่อให้ซีเอ๋อร์จะต้องโกรธเกลียดเขาก็ตาม!
.