ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 132 ให้นางรักษา
ใบหน้าซวนหยวนชิงอวิ๋นยังคงนิ่งมองมู่เฉียนซีที่เบาหวิวดั่งดอกหญ้าถูกสายลมพัด
มู่เฉียนซียิ้มจาง ๆ กล่าวว่า อวิ๋นอ๋อง หากท่านยังคิดจะฆ่าข้าแล้วละก็ ร่างของท่านในตอนนี้คงจะไม่มีซากกระดูกหลงเหลืออยู่แล้วกระมัง ?
หากว่าเจ้าใช้ยาเพื่อทำให้ข้าลืมบางสิ่งบางอย่างได้ ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า
มู่เฉียนซียกแขนขึ้น เป่าผงสีขาวบนแขนออก ผงสีขาวนั้นลอยอยู่ในอากาศ นางกล่าว วางยาต่อหน้าต่อตาข้าเยี่ยงนี้ กลยุทธ์ของอวิ๋นอ๋องนั้นพลาดท่าง่ายดายยิ่งนัก
ดวงตาของนางนั้นลึกดั่งเหวนรก อีกทั้งจิตแห่งการสังหารก็ช่างน่าสะพรึง
นางหยิบเข็มยากลับมา เหลือบมองไปที่หลุมศพนั้นก่อนจะกล่าวขึ้นว่า อวิ๋นอ๋องท่านวางใจเถอะ ข้ามิใช่พวกปากโป้ง เรื่องวันนี้ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น กล่าวจบร่างของนางกะพริบหายไปทันที
ซวนหยวนชิงอวิ๋นตะโกนถามไล่หลัง ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าไม่แปลกใจเกี่ยวกับว่าที่พระสวามีของเจ้าบ้างเลยรึ ? เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะเป็นปีศาจ ไม่ใช่ซวนหยวนจิ่วเยี่ยตัวจริงมีกายเนื้อหนังมนุษย์รึ ?
มู่เฉียนซีกล่าว ท่าทีของนางเฉยเมย ฮ่องเต้มีพระราชโองการออกมาเช่นนั้น ข้าก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับเรื่องนี้มากนักหรอก ไม่ว่าเยี่ยอ๋องจะเป็นปีศาจหรือเป็นมนุษย์ ตราบใดที่เขาไม่คิดทำร้ายข้า ข้าก็ไม่สน
นางเองก็สังเกตมานานแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับซวนหยวนจิ่วเยี่ย คนอย่างซวนหยวนจือนับว่าเป็นบุญแค่ไหนแล้วที่มีราชโอรสอย่างซวนหยวนชิงอวิ๋น จิ่วเยี่ยต้องมิใช่ราชโอรสที่แท้จริงของซวนหยวนจือเป็นแน่ พลังอันแข็งแกร่งของเขานั้น มิเหมือนกับพลังของมนุษย์ในใต้หล้านี้
มู่เฉียนซีมองไปที่หลุมฝังศพนั่น นางก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เกรงว่าซวนหยวนจิ่วเยี่ยจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
จิ่วเยี่ยก็แค่ยืมตัวตนของซวนหยวนจิ่วเยี่ยอยู่บนโลกใบนี้เท่านั้น มิน่าล่ะ… ทุกครั้งที่เจอเขา เขามักจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างไรนางก็เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้ว
ซวนหยวนชิงอวิ๋นในเวลานี้ เมื่อได้ยินนางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ก็ตกใจไปเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวใบหน้าเคร่งขรึม อวิ๋นอ๋อง ในฐานะที่ท่านไม่เคยวางตัวเป็นศัตรูกับข้า ข้าจะบอกบางอย่างกับท่าน ไม่ว่าคนในสุสานจะตายด้วยเหตุอันใด ท่านก็อย่าคิดแก้แค้นจิ่วเยี่ยคนปัจจุบันเป็นอันขาด เพราะเขานั้นไม่เคยล่วงเกินท่าน
เรื่องนั้นข้ารู้อยู่แก่ใจ ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าวเบา ๆ จากนั้นมองดูเงาด้านหลังนาง ปากก็พึมพำ ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าในตอนนี้เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
…
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลับมาถึงห้องพักที่ใหญ่โตมฬารในสำนักศึกษา ก็ได้ยินเสียงน้ำไหล เสียงลมหายใจที่คุ้นเคยอยู่ภายในห้อง
นางรู้ได้ทันทีว่าจิ่วเยี่ยกลับมาแล้ว ไม่นานนัก นางเห็นจิ่วเยี่ยออกมาในชุดคลุมอาบน้ำเรียบ ๆ ไม่ปักลวดลาย ใบหน้าของของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ช่างงดงามชวนหลงใหลยิ่งนัก
จิ่วเยี่ย ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่ ? มู่เฉียนซีกล่าวถาม
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย อืม ไม่ต้องกังวล
ข้าไม่สน เจ้าตรวจร่างกายสักหน่อยเถอะเพื่อความแน่ใจ ช่วงนี้ข้าเพิ่งคิดค้นยาขึ้นมาใหม่ หวังว่าพอจะช่วยรักษาเจ้าได้บ้าง มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้เขา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิ่วเยี่ยคราก่อนแปลกประหลาดนัก อีกทั้งครานั้นเหตุการณ์มันสับสนอลหม่าน ทำให้นางมิอาจตรวจร่างกายของเขาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
จิ่วเยี่ยช่วยเหลือนางมามาก นางกลับไม่มีอะไรจะตอบแทนเขาเลย หากเป็นไปได้ นางอยากจะทำให้ร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงเช่นเดิม
เข้ามาในห้องข้า จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงกระด้าง
เมื่อนึกถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น มู่เฉียนซีมีความรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเนื้อที่ป้อนเข้าปากเสือ ทว่านางกล่าวออกไปแล้ว เช่นนั้นมิอาจผิดสัจจะวาจาได้
นางชี้จิ่วเยี่ย เจ้านอนลงเถอะ
นางได้ให้ขอให้ท่านผู้อาวุโสฮั่วอวิ๋นทำเครื่องมือวิเศษออกมาชนิดหนึ่ง และนางก็ใช้เครื่องมือนั้นโดยที่ใช้วิธีการผสมผสานแบบจีนและตะวันตกเพื่อตรวจร่างกายซวนหยวนจิ่วเยี่ย ผลที่ออกมาปรากฏว่าร่างกายจิ่วเยี่ยแข็งแรงดี ไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
สุดท้าย นางเก็บตัวอย่างผิวหนังและตัวอย่างเลือดของเขาเอาไว้ จากนั้นกล่าวขึ้นว่า… รอผลก่อนนะ
ทว่านี่ก็เป็นผลที่ทำให้จิ่วเยี่ยจับมือนางเอาไว้อย่างแน่นหนา จ้องมองนางตาเขม็ง คราก่อนเจ้ายังไม่เข็ดรึ ?
ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ กล่าวตอบโต้ จิ่วเยี่ย นี่เจ้ายังกล้าพูดถึงคราก่อนอีกรึ ? หากเจ้ากล้าคิดทำเช่นนั้นกับข้าอีกละก็ ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นตัวเม่นเลยคอยดู!
ข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น
มือของมู่เฉียนซีในตอนนี้ถูกเยี่ยอ๋องกุมไว้แน่น นางกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ หากข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ ต่อให้เจ้าจะเก่งกล้าเพียงใด หากข้าบ้าคลั่งขึ้นมา ข้าก็ไม่เกรงใจเจ้าเช่นกัน
ดวงตาสีดำเข้มและดวงตาสีฟ้าเย็นชาคู่หนึ่งสบตากัน แววตาของทั้งสองแข็งกร้าวไม่มีใครยอมใคร ทันใดนั้น ใบหน้าเย็นชาอย่างยิ่งปรากฏขึ้นต่อหน้ามู่เฉียนซี
จิ่วเยี่ย เช่นนั้นเจ้าก็ต้องชดใช้ให้ข้า
ในตอนนั้นเอง มู่เฉียนซีรู้สึกว่าอำนาจของจิ่วเยี่ยเข้าเขมือบกลืนกินนางไปทีละนิด ริมฝีปากของเขาประกบติดกับริมฝีปากนุ่มของนาง ขณะที่นางกำลังจะลงมือแทงเข็มยาลงบนร่างของเขานั้น กลับโดนเขาคว้ามือเอาไว้ได้
จากนั้น ริมฝีปากของทั้งคู่แยกออกจากกัน สายตาก็สบกัน
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเห็นร่องรอยความปรารถนาอันเลวร้ายออกมาจากดวงฟ้า ๆ เย็นชาคู่นี้ นี่ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกแบบที่บุรุษอย่างจิ่วเยี่ยควรมี
จิ่วเยี่ยกล่าวด้วยเสียงอันเบา มู่เฉียนซี ร่างกายข้าผิดปกติ อาการรุนแรงมาก
มู่เฉียนซีพยักหน้า กล่าวไปว่า อืม ข้าก็รู้สึกได้ อาการของเจ้ารุนแรงอย่างแท้จริง
อาการผิดปกติของเขารุนแรงจริง ๆ มิเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ทำเรื่องเช่นนี้กับนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นแน่
ภายในร่างกายของเขานั้น มีอันตรายใหญ่หลวงแฝงเร้น ส่งผลกระทบต่อบุคลิกของเขาทั้งหมด ครั้นแล้วสองมือของจิ่วเยี่ยจับมือนางเอาไว้
เจ้า… เจ้าต้องช่วยรักษาให้ข้า
มู่เฉียนซียืนขึ้น กล่าวพร้อมยืดอก จิ่วเยี่ย อันตัวข้าเป็นนักปรุงยา ข้าจะช่วยรักษาเจ้าแน่ แต่ข้าต้องขอศึกษาอาการนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน …เช่นนั้นเวลานี้ข้าต้องขอตัวก่อน
แม้พลังบางอย่างจะถูกจิ่วเยี่ยบังคับเอาไว้ แต่ก็มีบางอย่างในเลือดที่มีความเหี้ยมโหดแฝงอยู่ นางรู้สึกได้!
นางเตรียมหนูสำหรับทดลองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่นานนัก ผลก็ออกมาเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ความแปลกประหลาดภายในเลือดของจิ่วเยี่ยร้ายแรงอย่างยิ่ง มันสามารถทำให้เขากลายเป็นคนเหี้ยมโหดกระหายเลือดได้
สถานการณ์คราก่อนที่จิ่วเยี่ยทำลายล้างสำนักจี๋หั่ว ช่างคล้ายคลึงกับผลที่ออกมายิ่งนัก ทว่ามันก็เป็นแค่เพียงสถานการณ์สถานการณ์หนึ่ง อีกอย่าง หยินและหยางไม่สมดุลกันทำให้เขามีความต้องการเรื่องวาบหวามกับเพศตรงข้าม
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น สีหน้าขรึมเข้ม มิน่าล่ะ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เองที่ทำให้จิ่วเยี่ยผู้เย็นชากลายเป็นผู้มีอารมณ์
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงอันมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลดังขึ้น
สตรีผู้งดงาม เจ้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก เห็นเพียงครั้งเดียวก็สามารถวิเคราะห์อาการของเยี่ยได้
กลิ่นหอมโชยมา ร่างสีเขียวก็ลอยเข้ามาในห้องตำราของมู่เฉียนซี เอวคอดเรียวมีเสน่ห์ราวกิ่งหลิวยืนอยู่ข้างหน้าต่างภายในห้อง มุมปากของเขายกยิ้มเล็กน้อย
มู่เฉียนซีเห็นเขา ผงะไปครู่หนึ่ง เจ้าอีกแล้วรึ ?
จื่อโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม อ้อ ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้ามีนามว่าจื่อโยวววว เป็นคนของเยี่ยยยย
ด้วยน้ำเสียงลากยาวยานคางมีเอกลักษณ์ อีกทั้งใบหน้าอันทรงเสน่ห์นั้น ชวนให้ผู้คนหลงใหลง่ายดายยิ่งนัก
.