ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1358 พ่ายแพ้จนสิ้นเนื้อประดาตัว
ผู้อาวุโสหูกล่าวด้วยเสียงดังลั่นที่เต็มไปด้วยโทสะ “พวกเจ้านี่มันใช้ไม่ได้เอาซะเลย”
เหล่าบรรดาศิษย์สำนักโอสถฯ กลับไม่ยอมตัดใจ “ผู้อาวุโสหู นั่นมันมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนะขอรับ! หากสำนักโอสถฯ ของพวกเรามีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น พวกเราจะได้รับความดีความชอบใหญ่หลวงเลยนะขอรับ”
จำต้องบอกเลยว่าผู้อาวุโสหูก็ใจเต้นขึ้นมาแล้ว แต่นั่นเป็นฝ่ายขององค์รัชทายาทเป่ยกงเชียวนะ!
“ตกลงเจ้ากล้าประลองหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “จะประลองก็ประลองได้! ข้ารู้ว่าหากพวกเจ้าชนะ พวกเจ้าจะเอารางวัลนี้ของข้าไป แต่ถ้าหากว่าพวกเจ้าแพ้ล่ะ พวกเจ้าจะเอาสิ่งใดมาลงเดิมพัน ของล้ำค่าที่มีค่าเทียบเท่ากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ พวกเจ้ามีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างก็หันมองหน้ากันไม่รู้ว่าจะเอาเช่นไรดี ไม่มี! มู่เฉียนซีกล่าว “ถ้าไม่มี…ข้าก็ไม่อยากจะบีบบังคับอะไรพวกเจ้ามากไปหรอกนะ เช่นนั้นก็เดิมพันด้วยทรัพย์สินทุกอย่างของคนในสำนักโอสถฯ ทุกคนเป็นเช่นไร? แม้ว่าข้าจะเสียเปรียบไปสักหน่อย แต่ใครใช้ให้พวกเจ้าทำเช่นนี้กันล่ะ ข้าก็อยากจะรู้นักว่าศิษย์สำนักโอสถของพวกเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหน”
พวกเขาตกใจผงะไปครู่หนึ่ง เดิมพันด้วยทรัพย์สินทุกอย่าง
ทว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขารวม ๆ กันแล้วก็พอจะเทียบกับหม้อผลึกแก้วหกสีได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ใช่เพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้น รวมไปถึงทรัพย์สินของเหล่าบรรดาผู้อาวุโสทุกท่านด้วย เป็นเช่นไร?”
ศิษย์พวกนี้ดื้อรั้นหัวแข็ง เหล่าบรรดาผู้อาวุโสก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกลากลงเรือไปด้วย
“เอ่อ…” พวกเขาลังเลขึ้นมาแล้ว
“ท่านผู้อาวุโส!”
เมื่อเห็นศิษย์ของพวกเขาแต่ละคนมองดูพวกเขาอย่างขอร้องอ้อนวอนเช่นนี้ อีกทั้งพวกเขาเองก็อยากได้หม้อยานี้มาเป็นของของสำนักโอสถฯ ด้วย ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบตกลงไป
“ได้! ตกลงตามนี้!”
ทุกคนตื่นเต้นขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าหลังการประลองการปรุงยาในดินแดนสี่ทิศจบลง จะมีการประลองอื่นเริ่มขึ้นอีก
ผู้อาวุโสหูกล่าวถามว่า “จะประลองยังไง?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ใครอยากท้าประลองข้า ก็ขึ้นมาทีละคน ภายในเวลาหนึ่งวัน หากไม่มีผู้ใดเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะเป็นผู้ชนะ”
ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นี่มู่เฉียนซีเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”
“ประลองเช่นนี้ ต่อให้มู่เฉียนซีเก่งกาจเพียงใดก็อดทนไม่ได้ทั้งวันหรอก!”
“ไม่นึกเลยว่านางจะเป็นคนเสนอให้ประลองแบบหมุนเวียนเช่นนี้!”
มู่เฉียนซีเพิ่งจะพบว่าฤทธิ์ยายังออกฤทธิ์ได้อีกหนึ่งวัน นางจึงฉวยโอกาสนี้หลอมยาระดับสูงเพิ่มมากขึ้นอีกสักหน่อย
ศิษย์สำนักโอสถฯ เหล่านั้นต่างก็ตกตะลึงขึ้น ประลองเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมแพ้เลย!
แม้ว่าการชนะครั้งนี้จะไม่ได้ดูดีมากนัก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีนั้นไม่ธรรมดาเลย
ตอนนี้สามารถทุ่มสิ่งเล็ก ๆ ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ พวกเขาเต็มใจมาก
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนเสนอกฎการประลองขึ้นมาเอง พวกข้าก็ไม่มีความเห็นใด”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “งั้นก็มาเริ่มประลองกันเถอะ! ลำดับต่อไปก็ขอเชิญผู้อาวุโสทุกท่านมาเป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรมด้วย!”
ไม่เพียงแต่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่วางเดิมพันกับคนสำนักโอสถฯ คนอื่น ๆ ต่างก็วางเดิมพันในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
แม้ว่าความสามารถของมู่เฉียนซีจะสามารถประลองกับนักปรุงยาในดินแดนสี่ทิศได้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางคิดว่ามู่เฉียนซีจะเอาชนะได้
คนส่วนใหญ่ต่างก็เดิมพันกันว่าสำนักโอสถฯ จะเป็นฝ่ายชนะ มีเพียงผู้ที่ชื่นชมมู่เฉียนซีส่วนน้อยเท่านั้นที่เดิมพันว่ามู่เฉียนซีจะชนะ
มู่เฉียนซีกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “เสี่ยวไป๋ ฉวยโอกาสนี้เพิ่มทรัพย์สินให้ตัวเองเยอะ ๆ เลยนะ! ข้าไม่มีทางแพ้แน่นอน”
มุมปากของกู้ไป๋อียกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว!”
ทั้งในและนอกสนามประลองคึกคักขึ้นเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีประลองกับคนแรก ไม่นานนักการหลอมยาก็เริ่มขึ้นแล้ว
ทุกครั้งที่คนอื่น ๆ มองมู่เฉียนซีหยิบสมุนไพรวิญญาณออกมาแต่ละชนิด พวกเขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมา นึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีของล้ำค่ามากมายถึงเพียงนี้
การประลองสนามแรกจบลง พลังจิตของศิษย์สำนักโอสถผู้นั้นสูญเสียไปมากจนสีหน้าซีดเผือดอย่างชัดเจน
เมื่อตัดสินผลแล้ว ผู้อาวุโสหูก็ประกาศว่า “มู่เฉียนซีชนะ!”
เหล่าบรรดาผู้อาวุโสต่างก็ปากอ้าตาค้าง ระดับนี้ คาดว่าคงไม่มีศิษย์สำนักโอสถฯ คนใดที่มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะเอาชนะมู่เฉียนซีได้
นี่ตกลงพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้จนหมดตัวกลับสำนักโอสถฯ ไปอย่างนั้นเหรอ หากเป็นเช่นนั้นคงต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่
ทว่า เมื่อนึกถึงการประลองแบบหมุนเวียนแล้ว พวกเขาก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
ประลองเดี่ยว เอาชนะได้ยาก แต่พวกเขามีคนมากกว่า จะต้องกลัวอันใด
สนามที่สอง สนามที่สาม สนามที่สี่…
การประลองผ่านไปทีละสนาม แต่ยังไม่มีศิษย์ของสำนักโอสถฯ คนใดเอาชนะมู่เฉียนซีได้เลย
หลังจากที่พวกเขาหลอมยาเสร็จ ก็สูญเสียพลังจิตไปมากมาย แต่มู่เฉียนซีที่หลอมยาไปถึงห้าสนามติดกัน กลับดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“พลังจิตของนางแข็งแกร่งถึงเพียงใดกันแน่”
“นี่นางยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือไม่”
“……”
ก่อนหน้านี้พวกเขาประเมินนาไงต่ำไป แต่ตอนนี้กลับตกตะลึงกับพลังจิตของมู่เฉียนซีไปเสียแล้ว
พวกเขากัดฟันกรอดพลางกล่าว “ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่สูญเสียพลังจิตเลย!”
“ศิษย์พี่ เราจะสู้อย่างสุดชีวิต!”
“จะแพ้ไม่ได้ แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”
เมื่อถึงยามตะวันลาลับขอบฟ้า ก็ยังไม่มีใครเอาชนะมู่เฉียนซีได้สักคน
เช้าวันต่อมา ดวงอาทิตย์โผล่พ้นเส้นขอบฟ้ามาอีกครั้ง พวกเขาก็ยังเอาชนะมู่เฉียนซีไม่ได้
เหล่าบรรดาผู้อาวุโสของสำนักโอสถฯ ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดกันถ้วนหน้า ยาลูกกลอนที่มู่เฉียนซีหลอมออกมาแต่ละครั้งไม่เหมือนกันสักเม็ด
นึกไม่ถึงเลยว่าดินแดนระดับต่ำแห่งนี้จะมีคนที่มีสูตรยาขั้นสวรรค์ระดับเก้ามากถึงเพียงนี้
พวกเขาได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการหลอมยาของมู่เฉียนซี พรสวรรค์อันน่าทึ่งเช่นนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
เวลาหนึ่งวัน ไม่มีใครย่างเท้าออกไปจากลานประลองนี้เลย
พวกเขาถูกการประลองการหลอมยาอันน่าทึ่งครั้งนี้ดึงดูดใจเข้าแล้ว พวกเขารู้สึกว่าบางทีอาจจะได้เห็นกับปาฏิหาริย์ก็ได้
เช้าตรู่วันต่อมา ศิษย์สำนักโอสถฯ ทุกคนต่างก็สิ้นหวังแล้ว
พวกเขากล่าว “พวกเราแพ้แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เวลายังไม่หมด พวกเจ้าก็ยอมแพ้ซะแล้ว ยังมีคนที่ไม่ได้ขึ้นประลองอีกไม่ใช่เหรอ?”
พวกเขาก้มหน้าพลางกล่าว “ต่อให้ประลองอีกครึ่งวัน พวกข้าก็ไม่มีทางเอาชนะได้หรอก เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว พวกข้ายังห่างชั้นกับเจ้ามากจริง ๆ พวกข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
ตลอดหนึ่งวัน ศิษย์สำนักโอสถฯ ผู้เย่อหยิ่งต่างก็ก้มหน้าลงแล้ว ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองที่ผ่านมาถูกโจมตีไม่น้อย
ช่างวิปริตยิ่งนัก!
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ชนะแล้ว!”
“ประมุขน้อยชนะแล้ว!”
“พระเจ้าช่วย! คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคนคนเดียวจะเอาชนะศิษย์สำนักโอสถฯ หลายคนเช่นนี้ได้!”
“เจ้าดูท่าทางของนางสิ ดูเหมือนว่ายังมีแรงอีกเหลือเฟือ นี่ต้องวิปริตถึงเพียงใดกัน!”
“ใครบอกว่านักปรุงยาในดินแดนระดับต่ำของพวกเราจะสู้นักปรุงยาดินแดนระดับสูงไม่ได้ พวกเราก็มีอัจฉริยะเหมือนกัน!”
ทุกคนส่งเสียงเชียร์ขึ้น แต่หลังจากที่สิ้นสุดเสียงเชียร์ จู่ ๆ เสียงร้องห่มร้องไห้ก็ดังขึ้น
“ฮือ ๆ! เงินทองของข้า!”
“ทรัพย์สินของข้า!”
“ฮือ ๆ ๆ! ทรัพย์สินของเมียข้าก็ไม่เหลือ!”
และแน่นอนว่าคนส่วนน้อยที่เดิมพันว่ามู่เฉียนซีชนะเหล่านั้นต่างก็มีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่น “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้พวกเจ้าไม่เชื่อในความสามารถของท่านผู้นำตระกูลมู่กันล่ะ! เป็นไงล่ะ น้ำตาเช็ดหัวเข่าเลยน่ะสิ!”
คนของสำนักโอสถฯ ต่างก็ช้ำใจมากเหมือนกัน พวกเขาละโมบโลภมากไปทีหนึ่งแล้ว แถมยังพ่ายแพ้อย่างอนาถจนสิ้นเนื้อประดาตัวอีก
กลับไปถึงสำนักโอสถฯ คงต้องถูกหัวเราะเยาะเย้ยเป็นแน่
ฝ่ายตรงข้ามยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็ยอมจบการประลอง
จิ่วเยี่ยกอดนาง เขารู้ว่านางยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ แต่นางหลอมยามาทั้งวันทั้งคืนแล้ว เขาเห็นแล้วเจ็บปวดใจยิ่งจริง ๆ
“ซี!” จิ่วเยี่ยอุ้มนางขึ้น
เหล่าบรรดาผู้อาวุโสของสำนักโอสถฯ ต่างก็ตกใจจนตาแข็งค้าง องค์ชายจิ่วเยี่ยไม่ชอบใกล้ชิดอิสตรีไม่ใช่เหรอ เหตุใดถึงได้กระทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับหญิงสาวผู้นี้ได้ล่ะ อีกอย่าง หญิงสาวผู้นี้ก็ยังเป็นคนที่องค์รัชทายาทเป่ยกงให้ความสำคัญอีกด้วย
.