ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1377 ต่อสู้กับอินรั่วเฉิน
คนอื่น ๆ ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อจะไปแย่งชิงฝักกระบี่ ส่วนไป๋อู๋ห่ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ถูกลูกน้องดูแลอยู่และไม่กล้าเข้าร่วมการต่อสู้อีกต่อไป
เขากลัวตาย!
เขายังคงตกตะลึงกับกระบี่นั้นของกู้ไป๋อีไม่หาย!
มู่เฉียนซีก็มีเวลารักษาอาการบาดเจ็บของกู้ไป๋อี เขาบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก แม้แต่พลังจิตก็ได้รับบาดเจ็บด้วย เสี่ยวไป๋อดทนได้จนถึงตอนนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้กู้ไป๋อีเสร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็เรียกอู๋ตี้ที่กำลังต่อสู้อย่างสนุกสนานกลับมา
อย่างไรเสีย อู๋ตี้ก็เป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก คนธรรมดาทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย
“อู๋ตี้ เฝ้าเสี่ยวไป๋ไว้!”
พรวด! อีกทางด้านหนึ่ง ร่างในชุดดำแดงก็ถูกลำแสงสีทองโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป
เฟิงอวิ๋นซิวตะเกียกตะกายขึ้นมาจะต่อสู้อีกครั้ง อินรั่วเฉินมองเขาและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “นายน้อยอวิ๋นซิว ในเมื่อพ่ายแพ้แล้วเหตุใดถึงยังไม่หยุดอีก เหตุใดต้องให้อาตมาทำร้ายให้เจ็บหนักด้วย”
บัดซบ! เฟิงอวิ๋นซิวแพ้แล้ว แถมยังแพ้จนลุกขึ้นไม่ไหวเช่นนี้อีก
ช่วยไม่ได้ อินรั่วเฉินแข็งแกร่งปานนั้น เขาลงมือเบา ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย
เฟิงอวิ๋นซิวยิ้มพลางกล่าว “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเก่งกาจสมชื่อจริง ๆ ในเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว ก็ทำให้ข้าสมความปรารถนาเถอะ”
อินรั่วเฉินกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “คนที่จะทำให้เจ้าสมปรารถนาก็คือตัวของเจ้าเอง แต่ในเมื่อเจ้าปล่อยวางไม่ได้ อาตมาก็ต้องขอโทษด้วย”
กลิ่นอายของอินรั่วเฉินพลันแข็งแกร่งขึ้นมาก และเขาก็ลงมือรุนแรงขึ้นแล้ว!
เฟิงอวิ๋นซิวที่พ่ายแพ้ไปแล้ว และบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วนั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอินรั่วเฉินเลย
เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้งก็ถูกโจมตีจนล้มไป นี่ถึงขีดจำกัดของเฟิงอวิ๋นซิวแล้วในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว
ตูม!
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลย คนไข้ของนางที่เพิ่งรักษาอาการมาเมื่อครู่จะล้มลงไปอีกแล้ว
มู่เฉียนซีรีบไปตรวจดูอาการก็พบว่าบาดแผลภายนอกของเฟิงอวิ๋นซิวนั้นสาหัสมาก แต่อาการบาดเจ็บภายในไม่ได้สาหัสเท่าไรนัก
นางอยากจะรักษาให้เขา ทว่า จู่ ๆ ลำแสงสีทองก็วาบมา!
อินรั่วเฉินลงมือกับนางแล้ว!
“อินรั่วเฉิน!”
อินรั่วเฉินกล่าว “อาตมาก็เสียใจไม่แพ้กันที่ทำให้นายน้อยอวิ๋นซิวบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ และอาตมาก็รับปากคำขอสุดท้ายกับเขาแล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “คำขอสุดท้ายก็คือให้เจ้าขวางข้า ไม่ให้รักษาเขาอย่างนั้นเหรอ!”
“อืม!” เขาพยักหน้าพลางตอบ
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ “เฟิงอวิ๋นซิว นี่เจ้าสมองกลวงไปแล้วรึยังไง!”
ผู้สูงศักดิ์ สง่างาม และสมบูรณ์แบบอย่างเฟิงอวิ๋นซิว ตอนนี้กลับถูกมู่เฉียนซีด่าว่าสมองกลวงไปแล้ว!
อินรั่วเฉินมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “แม่นางมู่ เจ้าดูออกว่านั่นคือฝักกระบี่ และข้าเองก็ดูออกเช่นกัน ตอนนี้ เจ้าจะยอมเสียโอกาสไปหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่เด็ดขาด เจ้าล่ะ?”
อินรั่วเฉินกล่าว “ข้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน!”
“ดูท่า ต่อจากนี้เราจะเป็นคู่ต่อสู้กันแล้วล่ะ!”
อินรั่วเฉินกล่าว “แม่นางมู่ยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!”
ต้องต่อสู้กันจริง ๆ แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน ข้ามีคำแนะนำบางอย่าง”
“พูดมาได้เลย!”
มู่เฉียนซีมองไปที่คนกลุ่มนั้นที่กำลังจ้องมองฝักกระบี่ด้วยสายตาร้อนแผดเผาและกล่าวว่า “รอให้พวกนั้นต่อสู้กันไปก่อน แล้วเราค่อยมาร่วมมือกันจัดการพวกนั้น เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเป็นคราของข้ากับเจ้า เป็นเช่นไร?”
อินรั่วเฉิน “ตกลงตามที่เจ้าว่า!”
มู่เฉียนซีมองอินรั่วเฉินอย่างพิจารณาและยิ้มพลางกล่าวว่า “ดูท่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินก็ไม่ได้ใจดีเหมือนกับที่คนเขาร่ำลือกัน นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะตอบตกลงแผนการนี้ของข้า”
อินรั่วเฉินกล่าว “อาตมาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง อีกอย่าง นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
และแน่นอนว่าการต่อสู้ของคนกลุ่มนั้นก็ถึงเวลาต้องหยุดลงเสียที
พวกเขาต่อสู้กันจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่สุดท้ายก็แตะต้องฝักกระบี่ไม่ได้เลยแม้แต่ปลายก้อย!
มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน ถึงเวลาที่เราต้องลงมือแล้ว!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งไปที่คนกลุ่มนั้น
กระบี่มังกรเพลิงระเบิดเปลวไฟร้อนแรงแผดเผาออกมา และพุ่งไปที่คนกลุ่มนั้น!
“มู่เฉียนซี เจ้ามันน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะฉวยโอกาสโจมตีพวกข้า…”
“เจ้า…”
ต่อมา แสงแห่งธรรมอันแข็งแกร่งก็ได้ปกคลุมพวกเขาไว้
“พระเจ้าช่วย! โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน!”
“นี่เขา…เขาลอบโจมตีพวกเราได้ยังไง?”
“เป็นเช่นนี้ไปได้ยังไง โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินถูกมู่เฉียนซีพาไปในทางที่ผิดแล้วเหรอนี่!”
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
เดิมทีพลังของพวกเขาก็เหลือน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ต้องมาถูกมู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินโจมตีอีก ร่างของพวกเขาทั้งหมดจึงกระเด็นลอยออกไปคนละทิศคนละทาง!
ปัง ปัง ปัง!
อ๊า!
“……”
แม้ว่าตอนนี้หน้าตาของพวกเขาจะแหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น
ไม่นึกเลยว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องเช่นนั้นจะร่วมมือกับมู่เฉียนซีลอบโจมตีพวกเขา
พวกลูกน้องปลายแถวส่วนใหญ่ก็ถูกกำจัดไปมากแล้ว ผู้อาวุโสแห่งตำหนักตงจี๋ผู้หนึ่งพยุงไป๋อู๋ห่ายที่มีสีหน้าซีดเผือดขึ้นและกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก จะเอายังไงดีขอรับ นายน้อยอวิ๋นซิวกับท่านบาดเจ็บสาหัสแล้ว ท่านเฮยกู่ก็ถูกหัวหน้าตำหนักเป่ยหานฆ่าตายแล้ว ตอนนี้คนของเราไม่อาจสู้มู่เฉียนซีกับโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินได้เลย”
ไม่เพียงแต่สองคนนั้นเท่านั้น ตอนนี้ยอดฝีมือแห่งตำหนักเป่ยหานก็กำลังเฝ้าจ้องมองพวกเขาอยู่เช่นกัน
หากตำหนักตงจี๋มีความเคลื่อนไหว พวกเขาต้องลงมือเป็นแน่
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “นิ่งไว้ก่อน ดูสถานการณ์ไปก่อน กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นั้นมีเพียงแค่เล่มเดียว มู่เฉียนซีกับโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินร่วมมือกันเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ทั้งสองต้องต่อสู้จนตายไปข้างหนึ่งเพื่อแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แน่นอน!”
ในตอนนี้ มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินก็หันไปส่งสายตาให้กัน!
“แม่นางมู่ โปรดชี้แนะด้วย!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน ถึงแม้ว่าข้าจะได้ชำระแค้นในครั้งก่อนไปแล้ว แต่ข้าก็อยากจะลองสู้กับเจ้าสักครั้ง ลงมือได้เลย!”
“อืม!”
ครั้นแล้ว ทั้งสองก็ลงมืออย่างรวดเร็ว และร่างในชุดม่วงกับร่างในชุดสีเหลืองอ่อนนั้นก็ได้ต่อสู้พัวพันกัน!
ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่บริเวณโดยรอบ คนของตำหนักเป่ยหาย ตำหนักตงจี๋และพระภิกษุทั้งเก้าได้กลายเป็นผู้รับชมการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“พลังหนาน…”
“บัวแดงพิฆาต!”
“แสงธรรม…”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
พลังธาตุอัคคีของกระบี่มังกรเพลิงปะทุออกมาอย่างทรงพลัง และพลังธาตุวารีของมังกรวารีก็ต่อสู้อย่างสุดกำลัง
แสงธรรมนั้นสามารถอ่อนโยนและเมตตาได้ แต่เมื่อถึงคราที่รุนแรงขึ้นแล้วก็แข็งแกร่งอย่างไม่อาจเทียบได้เช่นกัน!
สองคนนี้เป็นอัจฉริยะแห่งดินแดนสี่ทิศอย่างแน่นอน การต่อสู้นี้น่าตื่นเต้นมากจนเกือบทำให้พวกเขาลืมเรื่องกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไปแล้ว!
พระภิกษุทั้งเก้าก็กล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึงว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะต่อสู้กับโอรสศักดิ์สิทธิ์ได้หลายกระบวนท่าเช่นนี้ เก่งกาจมากจริง ๆ!”
“ในดินแดนแห่งนี้ นอกจากนายน้อยอวิ๋นซิวแล้ว ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่สามารถต่อสู้กับโอรสศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้!”
“……”
มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง อินรั่วเฉินกล่าว “เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เราเจอกัน เจ้าแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นมาก!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะวิ่งหนีเจ้าเหมือนที่เราเจอกันครั้งแรกอย่างนั้นเหรอ?”
ทันทีที่ปลายกระบี่ขยับ พลังธาตุอัคคีอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง
ทั้งสองต่อสู้กันไปมาหลายสิบกระบวนท่า แต่ก็ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ ทันใดนั้นเอง เสียง ตูม! ก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เปลวไฟสีทองสว่างกับเปลวไฟสีแดงฉานพุ่งออกมาจากใต้ดินและลุกลามไปทั่ว!
อ๊า!
“รีบหนีเร็วเข้า!”
“นี่มันตัวบ้าอะไรกัน!”
ทุกคนต่างก็หวาดผวาขึ้น มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินก็ตกตะลึงขึ้นเช่นกัน
สิงโตทองลวงตาโผล่ออกมาแล้ว!
พวกเขาเห็นสิงโตเพลิงสีทองตัวมหึมาตัวหนึ่ง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นดูเหมือนจะสามารถเป่าให้พวกเขาดับสลายไปได้ในลมหายใจเดียว
ไป๋อู๋ห่ายก็นับว่าเป็นคนที่มีความรู้มากเหมือนกัน หลังจากที่เห็นสิงโตเพลิงสีทองนี้ชัดเจน สีหน้าของเขาก็ซีดเผือดไปทันที “นี่มัน…นี่มันสัตว์ร้ายโบราณ สิงโตทองลวงตานี่!”
.