ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1379 ทำให้เขาผิดหวัง
เดิมทีสิงโตทองลวงตาคิดว่าพลังของเสี่ยวหงถดถอยลงมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีความหวาดกลัว
แต่ตอนนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับพลังการกดดันอันแข็งแกร่งเช่นนี้ มันไม่กล้าเผชิญหน้าต้านทานแล้ว!
หนี!
ต้องหนีเท่านั้น!
คนอื่น ๆ เห็นสัตว์ร้ายแข็งแกร่งทั้งสองต่อสู้กันก็รู้สึกโล่งอกไปเปราะหนึ่ง ให้พวกมันต่อสู้กันจนบาดเจ็บไปทั้งสองก็ยิ่งดี เช่นนี้พวกเขาถึงจะมีทางรอด!
และในขณะที่สิงโตทองลวงตากำลังจะหนีด้วยความตื่นตระหนก มันจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่อย่างใดว่าลำแสงสีขาวแสงหนึ่งพุ่งตามมาแล้ว
สิงโตทองลวงตากับเสี่ยวหงเป็นสหายเก่ากัน จุดอ่อนที่คร่าชีวิตมันได้อยู่ตรงไหนเสี่ยวหงจำได้ดี แม้ว่ามันจะหลับไปนานหลายปีก็ตาม
ภายในชั่วพริบตาเดียว อู๋ตี้ก็กระแทกมาจากด้านหลังของมัน
เมื่อกำหนดตำแหน่งได้แม่นยำแล้ว กรงเล็บอันแหลมคมของมันก็โจมตีลงไปทันที
ฉึก!
ไม่นานนักมันก็ควักไข่มุกสีทองเม็ดหนึ่งออกมาได้
เมื่อได้ไข่มุกเม็ดนี้มาแล้ว มันจึงกินลงไปอย่างไร้ความปรานีทันที
การลงมือของอู๋ตี้นั้นเหนือความคาดหมายของสิงโตทองลวงตาจริง ๆ มันที่สูญเน่ยตันไปแล้ว ก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศทันที
เสี่ยวหงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก “เจ้าแมวโง่ รีบอ้วกออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
อู๋ตี้กล่าว “ไม่! ของที่ข้ากินเข้าไปแล้ว เหตุใดจะต้องอ้วกออกมาด้วย”
สัตว์ตัวใหญ่มหึมาที่อยู่กลางอากาศนั้นฉับพลันก็กลายเป็นหมูน้อยสีแดงตัวจิ๋ว กลิ่นอายของมันอ่อนแอมาก ดูเหมือนว่าจะไม่มีความแข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย
สิงโตทองลวงตาถลึงตาจ้องมองเสี่ยวหงพลางกล่าว “เจ้า…เหตุใดเจ้าถึง…”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะน่ารังเกียจเช่นนี้ ลอบกัดข้า…”
เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าลอบกัดคนอื่นได้ แต่คนอื่นลอบกัดเจ้าบ้างไม่ได้อย่างนั้นเหรอ พลังความแข็งแกร่งของเจ้า เป็นของข้าแล้ว!”
เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งออกไปครอบคลุมมันเอาไว้ มันพยายามดิ้นรน แต่การที่มันสูญเสียเน่ยตันไปแล้ว มันจึงไม่สามารถดิ้นรนให้รอดได้
สิงโตทองลวงตาทำได้เพียงแค่มองดูร่างของตัวเองถูกเปลวไฟกลืนกินไป ในที่สุดมันก็ตายไปพร้อมกับความโกรธแค้นในแววตา
เอิ้ก! เอิ้ก! เอิ้ก! อู๋ตี้เรอออกมาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย
“ฮือ ๆ ๆ! นายท่าน…” อู๋ตี้กล่าวออกมาอย่างน่าสงสาร
“นายท่าน มียาย่อยอาหารหรือไม่! ข้า เอิ้ก…”
เสี่ยวหงทำท่าทางมีความสุขกับความทุกข์ของคนอื่น “เจ้ามันเป็นแมวที่โง่เขลาจริง ๆ เจ้าคิดว่าเน่ยตันของสัตว์ร้ายมันจะเหมือนผลึกวิญญาณของสัตว์วิญญาณเหรอ ตัวเจ้าไม่ระเบิดก็นับว่าโชคดีมากแล้ว”
อู๋ตี้กล่าว “เจ้าไม่ต้องมาขู่ข้าหรอก ตัวข้าไม่ได้ระเบิดง่าย ๆ ขนาดนั้นนะ!”
เน่ยตันที่เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดไม่มีแล้ว เสี่ยวหงกลัดกลุ้มใจมาก อยากจะต่อยเจ้าแมวโง่นี่สักหมัดจริง ๆ!
มู่เฉียนซีตรวจอาการของอู๋ตี้ และกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออกว่ายาใดจะช่วยเจ้าได้!”
“ง่วง! นายท่านข้าง่วง!” อู๋ตี้งอแง
“ข้าจะนอนสักหน่อย นายท่านระวังตัวด้วย!”
“……”
อู๋ตี้ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ มันเดินเอื่อย ๆ ไปในอ้อมกอดของมู่เฉียนซี จากนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในมิติพันธสัญญา
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกใจนิ่งอึ้งไป สัตว์ร้ายอย่างสิงโตทองลวงตาตัวนั้นถูกมู่เฉียนซีกำจัดได้แล้วเหรอ!
ขณะเดียวกันไป๋อู๋ห่ายก็ยังไม่ยอมตัดใจ เขากล่าวขึ้นอย่างร้อนรน “ลงมือ! แย่งฝักกระบี่กับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จากมู่เฉียนซีมาให้ได้!”
“ท่านหัวหน้าตำหนัก แต่ว่า…”
เมื่อพวกเขานึกถึงสัตว์ร้ายสีแดงตัวนั้นขึ้นก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวในหัวใจ!
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “มันก็แค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น ตอนนี้มันเสียพลังไปมาก ไม่จำเป็นต้องกลัวมัน ลงมือ!”
หากไม่ใช่เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาคงจะพุ่งออกไปลงมือแล้ว
ยอดฝีมือของตำหนักตงจี๋ที่เหลืออยู่จึงพุ่งไปที่มู่เฉียนซีทันที
ขวั่บ! มู่เฉียนซีกหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
คนอื่นก็ตกตะลึงขึ้น “นี่คนของตำหนักตงจี๋ยังจะลงมืออีกเหรอ!”
“ผู้นำตระกูลมู่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ ไม่นึกเลยว่าคนพวกนั้นยังจะลงมือกับผู้นำตระกูลมู่อีก”
“นั่นมันกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เชียวนะ! นางไม่ได้ทำไปเพราะช่วยพวกเรา แต่เพราะนางปกป้องตัวเองมากกว่า”
ทันทีที่คนของตำหนักตงจี๋ลงมือ คนอื่นบางกลุ่มก็พร้อมที่จะลงมือด้วยเช่นกัน
บุญคุณของศัตรูไม่อาจสู้ความมุ่งมาดปรารถนาได้ ดังนั้นจึงมีคนพร้อมที่จะลงมือแล้ว
เป็นผลทำให้คนของตำหนักเป่ยหานกับภิกษุทั้งเก้าเข้ามาขวางพวกเขาไว้
ภิกษุทั้งเก้ากล่าวว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์มีคำสั่ง ว่าหากพวกเจ้ากล้าลงมือผลีผลาม พวกข้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
ส่วนคนของตำหนักเป่ยหานก็กล่าวอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน “มันผู้ใดกล้าลงมือทำร้ายประมุขน้อย มันผู้นั้นต้องตาย!”
เผชิญหน้ากับคนพวกนี้ พวกเขาที่ไม่ใช่คนของตำหนักตงจี๋จึงเลือกที่จะล่าถอย
ตูม! ทั้งสองฝ่ายลงมือต่อสู้กันอีกครั้ง
“บัวแดงพิฆาต!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีต่อสู้พัวพันกับคนเหล่านั้น จู่ ๆ ร่างในชุดสีเหลืองอ่อนก็เคลื่อนไหวเข้ามา
ร่างของเขาแฉลบผ่านไป และในขณะเดียวกันนั้นก็เอาฝักกระบี่ของกระบี่มังกรเพลิงไปด้วย
“แม่นางมู่ ต้องขอโทษด้วย!”
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “อินรั่วเฉิน!”
นางคิดไม่ถึงเลยว่าอินรั่วเฉินจะฉวยโอกาสนี้ลงมือ
“โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินกลายเป็นหัวขโมยไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว”
แม้แต่ภิกษุทั้งเก้าก็ตกตะลึงไม่น้อย โอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนได้สำเร็จแล้ว!
แต่นี่ใช่นิสัยของโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเหรอ?
อินรั่วเฉินกล่าว “นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้ว ที่อาตมาทำเช่นนี้ได้ก็ต้องขอบใจคำชี้แนะของแม่นางมู่”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตัวแข็งทื่อไปทันที ถ่ายทอดวิชาให้หมด ผู้เป็นครูก็ต้องอดตายสินะ
ให้ตายเถอะใครบอกว่าเจ้านี่เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นพระยึดมั่นในศีลธรรมกัน นี่มันคนหลอกลวงชัด ๆ!
มู่เฉียนซีรีบตามไปพลางตะโกนว่า “อินรั่วเฉิน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ร่างในชุดสีเหลืองอ่อนเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว อินรั่วเฉินหนีไปแล้ว!
“นายท่าน…ข้าจะเลื่อนขั้นแล้ว นอนพักสักครู่ก็เลื่อนขั้นได้แล้ว” เสี่ยวหงกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉียนซี การกลืนกินสิงโตทองลวงตาทำให้มันเลื่อนขั้นได้
“กลับเข้าไปในมิติ!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็สั่งให้คนส่งผู้บาดเจ็บทั้งสองคนกลับไป ส่วนนางก็รีบไล่ตามอินรั่วเฉินไป
ฝักกระบี่จะตกไปอยู่ในกำมือคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นหากต้องรับมือกับเจ้าพิฆาตวิญญาณจะขาดไพ่ในมือไปใบหนึ่ง
ขวับ ขวับ ขวับ! พวกเขาพุ่งออกไปจากอาณาเขตโบราณนั้นไปที่สถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนือแล้ว
ความเร็วในการหลบหนีของอินรั่วเฉินนั้นรวดเร็วมาก ทันทีที่พรวดออกไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้ว แม้แต่ภิกษุทั้งเก้าก็ไม่รู้ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไปที่ใดแล้ว
พวกเขากับโอรสศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดคุยกันมากนักก็ทำเรื่องที่น่าตกใจน่าทึ่งเช่นนี้แล้ว
“รีบไปตามหาโอรสศักดิ์สิทธิ์เร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีเองก็ออกไปตามหาเช่นกัน ขณะเดียวกันนางก็สลัดหลุดพ้นจากการตามไล่ล่าของคนที่แอบตามนางได้แล้ว
นางกล่าวกับมังกรเพลิงว่า “มังกรเพลิง ได้กลิ่นอายของฝักกระบี่บ้างหรือไม่?”
มังกรเพลิงกล่าว “เหมือนว่ากลิ่นอายของเสี้ยวเสี้ยวจะถูกบดบังเอาไว้ ข้าไม่ได้กลิ่นอายของมันเลยว่าอยู่ตำแหน่งใด”
มู่เฉียนซีรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “เจ้าอินรั่วเฉินตัวดี เจ้านี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ อย่าให้ข้าจับได้นะ มิเช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเป็นเจ้าหัวโล้นไปตลอดชีวิตแน่”
ต่อให้เป็นเฟิงอวิ๋นซิววางแผนแย่งชิงฝักกระบี่ไปนางก็จะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงเพียงนี้ แต่นี่กลับมาถูกเจ้าคนดีแย่งชิงไป เขา…
แม้แต่มังกรเพลิงก็หากลิ่นอายของเจ้านั่นไม่เจอ มู่เฉียนซีจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูกเลย แต่ไม่มีทางจะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้แน่
ทั่วทั้งสถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนือไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่น้อย
และในขณะที่มู่เฉียนซีจะออกไปนั้น จู่ ๆ กลิ่นอายกระหายเลือดอันเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้น
มันเป็นความรู้สึกที่น่าขนลุกขนชัน ทำให้นางรู้ว่าเป็นผู้ใด
“แมวน้อย เจ้าทำให้ข้าผิดหวังไปหน่อยนะ ฝักกระบี่อยู่ในมือแล้วแท้ ๆ แต่กลับถูกคนอื่นแย่งชิงไปได้”
ทันใดนั้นเองร่างสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้น แต่ละก้าวดูเหมือนจะช้าแต่กลับแปลกประหลาดมาก ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี และมองลงมาที่มู่เฉียนซีแล้ว
.
.