ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1401 ให้รางวัลซี
วิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดพลันกลายเป็นอักขระสาปและพุ่งเข้าสู่หัวใจของมู่เฟิงหลิง
ผู้อาวุโสสูงสุดใช้คำสาปทำร้ายผู้อื่นมาตลอดทั้งชีวิต จนตายก็คงคิดไม่ถึงว่าวิญญาณของตัวเองจะกลายมาเป็นอักขระสาป และถูกทำลายไปสิ้นซากเช่นนี้
มู่เฉียนซีทำตามคำแนะนำของคัมภีร์หมื่นคำสาป นางเริ่มแก้คำสาปให้มู่เฟิงหลิง
วิธีนี้ช่างประหลาดเกินไปแล้ว นางไม่กล้าประหม่าแม้แต่วินาทีเดียว
วิชาแก้คำสาปนี้ มู่เฉียนซีใช้เวลาไปถึงครึ่งวัน
เมื่อมั่นใจแล้วว่าแก้คำสาปสำเร็จแล้ว ร่างของมู่เฉียนซีก็อ่อนเพลียลงจนทรงตัวไม่อยู่
จิ่วเยี่ยเข้าไปประคองมู่เฉียนซีเอาไว้ในอ้อมกอด ดวงตาคู่นั้นมองนางอย่างลึกซึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “จิ่วเยี่ย ช่วยดูอารองให้ข้าหน่อยว่าคำสาปถูกแก้ไปหมดแล้วหรือไม่”
จะให้เกิดอุบัติเหตุกับร่างของอารองไม่ได้เด็ดขาด!
นิ้วมืออันเรียวยาวของจิ่วเยี่ยสัมผัสร่างของมู่เฟิงหลิง ร่างกายของเขาไม่มีร่องรอยของคำสาปใดหลงเหลืออยู่แล้ว
“เจ้าพักผ่อนก่อน! เขาไม่เป็นอะไรแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มู่เฉียนซีก็ปล่อยตัวเองให้หลับไปบนร่างของจิ่วเยี่ยทันที
คำสาปถูกแก้แล้ว ก็เหลือเพียงแค่ยานิพพานเท่านั้น
ทว่า ตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินก็ไม่มีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลอมยาเลย
นางจำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกายกลับมาให้ดีที่สุด เช่นนี้ถึงจะสามารถหลอมยานิพพานออกมาอย่างสมบูรณ์ได้
จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีออกมาจากวังใต้ดิน
มู่เฉียนซีนอนหลับไปเป็นเวลาสามวันเต็ม กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกในตำหนักเป่ยหานก็ยิ่งน่ากลัวเพิ่มขึ้นทุกวัน
หัวหน้าตำหนักเป่ยหานจัดการรวบรวมตำหนักตงจี๋ได้อย่างหยาบคายมาก หากผู้ใดไม่ยอมจำนน คนผู้นั้นก็ต้องตาย
สามวันต่อมา ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ตื่นขึ้นมาแล้ว นางสั่งให้คนไปตามหาสมุนไพรหลอมยานิพพานมาให้ครบ จากนั้นก็นึกถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งขึ้นมาได้
“ประมุขน้อยมู่!” ซวนเอ้อร์เห็นมู่เฉียนซีก็ตกใจเล็กน้อย
ยอดฝีมือผู้กล้าของตำหนักตงจี๋ถูกกำจัดไปจนเกลี้ยงแล้ว มีเพียงแค่องครักษ์ซวนอย่างพวกเขาเท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ดีกันอยู่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะนาง
“ซวนอีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อาการพี่ใหญ่ยังเหมือนเดิมขอรับ ได้โปรดประมุขน้อยมู่ช่วยพี่ใหญ่ของข้าด้วย”
พี่ใหญ่ไม่มีแม้แต่ลมหายใจ หัวใจก็ไม่เต้น พวกเขาคิดว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาตายไปจริง ๆ แล้ว
หากไม่ใช่เพราะประมุขน้อยมู่บอกพวกเขาว่าพี่ใหญ่สามารถฟื้นคืนชีพมาได้แล้วละก็ พวกเขาคงจะฝังร่างของพี่ใหญ่ไปแล้วเป็นแน่
แต่ประมุขน้อยมู่บอกว่าสามารถช่วยชีวิตให้ฟื้นคืนกลับมาได้ พวกเขาก็เชื่อว่าพี่ใหญ่จะต้องฟื้นคืนกลับมาได้อย่างแน่นอน
อย่างไรเสีย ประมุขน้อยมู่ก็เป็นถึงหมอปีศาจ!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ารู้แล้ว”
อาการของซวนอีตอนนี้คือการตายปลอม มู่เฉียนเอาเข็มยาออกมาหลายเข็มฉีดให้เขา
ทั้งยาลูกกลอน ทั้งโอสถล้วนป้อนให้เขากินอย่างไม่หวงแหน นางทำทุกขั้นตอนอย่างเชี่ยวชาญ
เสร็จแล้วมู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “หากเขาฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ไปรายงานข้าด้วย”
“ประมุขน้อย…”
“ประมุขน้อย นี่…”
“ได้โปรดประมุขน้อยชี้แนะด้วย!”
เมื่อรู้ว่ามู่เฉียนซีตื่นแล้ว เหล่าบรรดาผู้อาวุโสต่างก็พากันมาหามู่เฉียนซีทันที
กองกำลังระดับสามรวบเข้ามาอยู่ด้วยกันกับในกองกำลังระดับสาม ย่อมมีเรื่องราวต้องจัดการมากมายจนไม่หวาดไม่ไหว
พวกเขามีหัวหน้าตำหนักก็จริง แต่หัวหน้าตำหนักไม่เชี่ยวชาญเรื่องเหล่านี้เลย พวกเขาจึงตกอยู่ภายใต้ความกดดัน จึงทำได้เพียงแค่มาขอคำชี้แนะจากมู่เฉียนซีแล้ว
ประมุขน้อยสามารถสร้างกองกำลังของหอหมอปีศาจออกมาได้ดีเช่นนี้ เรื่องอื่น ๆ ก็ต้องทำได้ดีเป็นแน่
แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือ…
“ไสหัวไปให้หมด!” จู่ ๆ ชายหนุ่มในชุดดำผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายมู่เฉียนซี
ภายในดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารทำให้พวกเขารีบหุบปากทันที
หนีก่อนดีกว่า!
ชายผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าจะจัดการกันอย่างไรก็แล้วแต่พวกเจ้า จัดการกันเองเถอะ ข้าไม่มีเวลามาสนใจพวกเจ้า”
“ขอรับ ๆ ๆ!”
“รบกวนประมุขน้อยแล้ว!”
“……”
แต่ละคนต่างรีบหนีเอาชีวิตรอด ส่วนจิ่วเยี่ยตอนนี้ก็กอดมู่เฉียนซีไว้แน่นรอพวกเขาออกไป
อือ!
ความอ่อนโยนก่อนจากไปดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอสำหรับเขาเลย
“จิ่วเยี่ย เจ้ากำลังรังแกคนป่วยอยู่นะ!”
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่าจิ่วเยี่ยจะไล่คนเหล่านั้นไปเพื่อตัวเองจะได้มีเวลาครอบครองตัวนางแต่เพียงผู้เดียว!
ครอบครองร่างกายของนาง! ในใจมีเรื่องแอบแฝง!
“ไม่ใช่การรังแก!”
“นี่เจ้ากล้าเล่นลิ้นกับข้าเหรอ?”
“นี่เป็นรางวัลต่างหากล่ะ!” จิ่วเยี่ยกล่าว
“รางวัลอะไรของเจ้า?”
“ซีประสบพบเจอกับอันตราย ในที่สุดก็คิดถึงข้า และนี่ก็เป็นรางวัลของเจ้า!”
จูบอันแนบแน่นสัมผัสลงบนผิวเนียนขาวราวหิมะของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเบะปากก่อนจะกล่าวว่า “ผู้ช่วยเหลือย่อมมีความดีความชอบ ข้าต่างหากที่ควรจะให้รางวัลเจ้า”
มู่เฉียนซีเอนกายนอนข้างมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นซีก็ให้รางวัลข้าเลยสิ”
มู่เฉียนซีโผขึ้นไปบนร่างจิ่วเยี่ยและกัดเขา!
ทำลายความพยายามอันยิ่งใหญ่ไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จิ่วเยี่ยรู้สึกไม่พอใจในรางวัล เขาจึงไม่พยายามขอรางวัลอีกต่อไป!
ทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิอันไร้ที่สิ้นสุด ซวนอีเจ็บปวดมาก หลังจากที่ฟื้นขึ้นมากลับถูกหมอลืม
และผู้ที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือจื่อโยว เขาบ่นพึมพำว่า “พอได้อยู่กับคนงามเยี่ยก็ไม่สนใจอะไรเลย ตอนนี้แดนนรกวุ่นวายจนจะเป็นโจ๊กอยู่แล้ว”
องค์ชายแห่งคุกโลหิตเกือบจะฆ่าองค์หญิงตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวงตาย ตอนนี้พวกมดปลวกเหล่านั้นฉวยโอกาสตอนที่เยี่ยไม่อยู่ก่อเรื่อง อู๋หยาจึงพยายามตามให้เยี่ยกลับไป
แต่ดูเหมือนว่าเยี่ยจะไม่ได้รีบกลับขนาดนั้น
อย่างน้อยก็ต้องทำให้คนงามทรมานหลายรอบก่อนถึงจะกลับได้กระมัง!
มู่เฉียนซีรู้สึกสะลึมสะลือเหมือนตนเองเหยียบอยู่บนปุยเมฆ แต่ความรู้สึกสะลึมสะลือนั้นบอกนางว่า เจ้าอันธพาลผู้นั้นถูกสุ่ยจิงอิ๋งบีบบังคับเอาตัวกลับไปแล้ว
นางพึมพำ “โชคดีที่สุ่ยจิงอิ๋งลงมือเร็ว มิเช่นนั้นข้าคงถูกเขาปู้ยี้ปู้ยำจนเละเป็นโจ๊กแน่”
เมื่อนางตื่นมาอีกครั้งก็เช้าวันต่อมาแล้ว
ซวนเอ้อร์รอมานานมากแล้ว เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมาเขาก็ตื่นเต้นขึ้น “ประมุขน้อยมู่ พี่ใหญ่ฟื้นแล้ว”
ซวนอีไม่เพียงแต่จะฟื้นขึ้นมาแล้วเท่านั้น แต่เขายังเดินได้อีกด้วย
กระบี่ยาวสีแดงฉานเล่มหนึ่งวางทาบลงบนคอของเขา มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้ที่ทรยศเจ้านายตัวเองเช่นเจ้า เจ้าคิดว่าข้าสมควรฆ่าเจ้าหรือไม่?”
“ประมุขน้อยมู่!” สีหน้าของซวนเอ้อร์พลันเปลี่ยนไปในทันที
ซวนอีมองมู่เฉียนซีโดยไม่ได้เปล่งเสียงกล่าวอันใด
“เจ้าไม่คิดจะอธิบายอะไรหน่อยเหรอ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าวถาม
ซวนอีจงรักภักดีต่อเฟิงอวิ๋นซิวมาก เป็นคนแข็งกระด้างประหนึ่งก้อนหิน นางกับซวนอีไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถึงขั้นที่ซวนอีจะต้องทรยศหักหลังเจ้านายตัวเองเพื่อมาปกป้องนาง
ซวนอียังคงเงียบไม่เปล่งเสียงอันใดออกมา มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าเจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
ซวนอีกล่าวขึ้นมาด้วยความกระวนกระวายใจว่า “นายน้อยอยู่ที่ไหน เขา เขาเป็นอะไรหรือไม่?”
“ถ้าอยากรู้ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน บอกข้ามาว่าเหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ ?”
มู่เฉียนซีชักกระบี่กลับ และกล่าวกับเขาว่า “มานั่งพูดคุยกันดีกว่า!”
ซวนอีรู้ตัวเองดีมาโดยตลอดว่าเขาสู้หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ ทำได้เพียงยอมนาง!
เพราะเขาเป็นห่วงนายน้อยจริง ๆ
ซวนอีกล่าว “นับตั้งแต่นายน้อยกลับมาจากแย่งชิงฝักกระบี่ที่สถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนือ นายน้อยก็มอบภารกิจหนึ่งให้กับข้า ว่าหากวันใดวันหนึ่งนายน้อยจะฆ่าเจ้า ให้ข้าขวางเขาอย่าได้คำนึงถึงสิ่งใด ให้ข้าปกป้องเจ้า!”
“และหากเกิดเรื่องขึ้นกับนายน้อย พวกเราองครักษ์ซวนต้องฟังคำสั่งเจ้าแต่เพียงผู้เดียว มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าจัดการ”
“นายน้อยให้ความสำคัญกับเจ้ามาก การต่อสู้ในวันนั้น นายน้อยต้องลำบากใจมากแน่นอน”
นางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้แน่ แต่เมื่อได้ยินซวนอีกล่าวเช่นนี้ ภายในใจก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
จิตสังหารในวันนั้นเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งใดกันที่ทำให้เขาต้องทรยศต่อความรู้สึกตัวเอง ตัดสินใจลงมือฆ่านางเช่นนั้น
แล้วสิ่งใดกันที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเขาจะเดินมาถึงจุดนั้น
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี มู่หลินหลางทำอันใดกับอวิ๋นซิวกันแน่
ซวนอีกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นายน้อยอยู่ที่ไหน เขา…”
วันนั้น เขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามู่เฉียนซีเป็นคนแทงนายน้อย เขาควรจะโกรธเกลียดนาง แต่นายน้อยไม่โกรธเกลียดนาง เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปโกรธเกลียดนางด้วยเหตุใด
.