ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1405 เป่ยกงจั๋วมาแล้ว
เขามาแล้ว ผู้ที่สามารถทำให้เสี่ยวไป๋เผยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้ออกมาได้ นางคิดออกได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เป่ยกงจั๋ว!
พลังอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งพัดกระโชกมา คนของตำหนักเป่ยหานล้วนแต่เตรียมพร้อมป้องกันขึ้นแล้ว
ทันใดนั้นเอง ร่างสีขาวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ร่างอันเพรียวบางสวมชุดคลุมยาวลายสีเงินร่างหนึ่ง ใบหน้านั้นงดงามอย่างหาได้ยากในโลกนี้
เมื่อเห็นร่างของคนผู้นี้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น!
ท่านหัวหน้าตำหนัก!
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีหัวหน้าตำหนักถึงสองคน! นี่มันเรื่องอะไรกัน
นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศผู้นี้จะหน้าตาเหมือนท่านหัวหน้าตำหนักถึงเพียงนี้
เพียงแต่ว่า ร่างของเขานั้นไม่ได้มีความเย็นชาอันเย็นยะเยือกดุจดั่งหิมะเหนือยอดเขาเหมือนกับท่านหัวหน้าตำหนัก
“หาน ทำไมพอข้ามาก็รีบให้องค์หญิงน้อยมู่ออกไปซะล่ะ หรือไม่อยากให้ข้าเจอหน้านางอย่างนั้นเหรอ?” เป่ยกงจั๋วยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้า ไสหัวกลับไปซะ”
เป่ยกงจั๋วกล่าว “ไม่ได้หรอกนะ ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะพาองค์หญิงน้อยมู่ไปแดนซวนเทียน”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “พาข้าไปแดนซวนเทียน?”
“ก็ใช่น่ะสิ! อย่างไรเสียพรสวรรค์ในการหลอมยาขององค์หญิงน้อยก็ยอดเยี่ยมมากถึงเพียงนั้น อยู่ที่ดินแดนสี่ทิศต่อไปก็มีแต่เสียเวลาเปล่า ๆ หากไปแดนซวนเทียน เจ้าก็จะมีโอกาสทะลวงพลังมากกว่า ความแข็งแกร่งก็จะพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด พลังวิญญาณก็ดีกว่าดินแดนสี่ทิศแห่งนี้มาก” เป่ยกงจั๋วกล่าวอย่างอ่อนโยน
“ไม่ไป!” มู่เฉียนซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
นางไปแดนซวนเทียนแน่ แต่ไม่ใช่ไปกับเป่ยกงจั๋วแน่นอน
เป่ยกงจั๋วก็คืองูพิษตัวหนึ่งในร่างมนุษย์ หากไปกับเขา เจ้าคนที่มีความคิดสารเลวผู้นี้อาจจะลอบกัดนางก็เป็นไปได้!
ถูกมู่เฉียนซีหักหน้าถึงเพียงนี้ เป่ยกงจั๋วก็ไม่โกรธ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “องค์หญิงน้อยมู่ปฏิเสธข้าเช่นนี้ ทำให้ข้าเสียใจนะ! แต่ข้าอยากจะพาเจ้าไปจริง ๆ”
กู้ไป๋อีเข้ามาขวางหน้ามู่เฉียนซี เขาขวางเป่ยกงจั๋ว ให้ซีเอ๋อร์รีบถอยไป
อย่ามองว่าการที่เป่ยกงจั๋วพูดกล่าวด้วยวาจาดีเช่นนี้แล้วมันจะดี คาดว่าไม่นานก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แน่
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี นางรู้จักกู้ไป๋อีดี และรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ขวับ ขวับ ขวับ!
ร่างหลายร่างปรากฏขึ้น และห้อมล้อมพวกเขาไว้
กู้ไป๋อีรู้ว่าพี่ชายคนนี้ของเขามีความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาต่อองค์หญิงน้อยตระกูลมู่ผู้นี้ แต่หากจะเอาตัวไปมันก็ไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้มาเพียงคนเดียว
เรื่องที่เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องการจะทำให้สำเร็จนั้น จะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!
“เป่ยกงจั๋ว!”แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของกู้ไป๋อี และพ่นคำพูดสามคำออกมา
“หาน อย่าได้โกรธสิ หากเจ้าไม่ยอมปล่อยองค์หญิงน้อยตระกูลมู่ เจ้าก็กลับแดนซวนเทียนด้วยกันกับข้าสิ พลังของเจ้าในตอนนี้ก็นับว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว!”
“ข้าไม่ไป เจ้ารีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นหานโมโหถึงเพียงนี้! แต่ในเมื่อข้ามาแล้ว ก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าแน่นอน”
วิ้ง! กระบี่ของกู้ไป๋อีถูกชักออกจากฝักแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “องค์รัชทายาทเป่ยกง ข้าไม่ไป ท่านก็คิดจะบังคับเอาตัวข้าไปอย่างนั้นเหรอ?”
“บังคับ! อันที่จริงข้าอยากจะบอกว่าเชิญต่างหากล่ะ แต่ดูเหมือนองค์หญิงน้อยมู่จะไม่ยินยอม”
เป่ยกงจั๋วจ้องมองมู่เฉียนซีตลอดเวลา การมองผ่านม่านแสงไม่ได้ทำให้เห็นชัดถึงเพียงนั้น
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เป่ยกงจั๋วโกรธจนแทบอยากจะบดขยี้หญิงสาวผู้นี้เต็มทีแล้ว แต่กลับทำไม่ได้
รูปร่างหน้าตาของนางเหมือนกับมู่หลินหลาง แต่กลับทำให้เขารู้สึกยอมจำนนมากกว่ามู่หลินหลางเสียอีก
ฟึ่บ! เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไป
คุยกับเจ้างูพิษตัวนี้ต้องมีความระมัดระวังสักหน่อย
ในวันนี้เป่ยกงจั๋วปรารถนาจะทำให้สำเร็จให้จงได้ ไม่ว่าใครจะพูดเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์!
หากต่อสู้ พลังความแข็งแกร่งก็ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว!
จะจัดการศัตรูต้องจัดการผู้เป็นหัวหน้าเสียก่อน วางยาพิษเจ้าหมอนี่ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน
องค์รัชทายาทเป่ยกงเป็นใคร ก็แค่คนใจแคบ คิดเล็กคิดน้อยโดยที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ทั้งมวล เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป และไม่นานนักก็รู้สึกได้แล้ว
กำแพงน้ำแข็งชั้นหนึ่งขวางการโจมตีของมู่เฉียนซีไว้ เขายิ้มพลางกล่าว “องค์หญิงน้อยมู่ แอบลอบกัดเช่นนี้ นิสัยไม่ดีเอาซะเลยนะ!”
“เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
ในตอนนี้เองกู้ไป๋อีก็ลงมือแล้ว
เงาจันทราสองเงาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แสงสีเงินปรากฏขึ้น เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ความเร็วของสายฟ้านั้นรวดเร็วกว่ากระบี่ของกู้ไป๋อีเสียอีก พร้อมกันนั้นมันก็ขวางการโจมตีของกู้ไป๋อีเอาไว้
เป่ยกงจั๋วกล่าว “หาน ผู้บำเพ็ญภูตกับผู้ฝึกยุทธ์มันต่างกันนะ แต่หากเจ้าต้องการจะประมือกับข้า ข้าก็ทำให้เจ้าสมความปรารถนา!”
น้ำเสียงของเป่ยกงจั๋วเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า!
เขาเป็นผู้บำเพ็ญภูต อีกทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่ธาตุน้ำแข็งและธาตุสายฟ้า ซึ่งเป็นการสืบทอดทางสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเป่ยกง
กับพี่ชายฝาแฝดที่ไม่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ผู้นี้ คนหนึ่งคือฟ้า คนหนึ่งคือดิน!
กระบี่ยอดเยี่ยมแล้วอย่างไร สุดท้ายก็เอาชนะเขาไม่ได้อยู่ดี!
กู้ไป๋อีจ้องมองเป่ยกงจั๋วด้วยสายตาเย็นยะเยือก หากเป็นไปได้เขาจะฟันเจ้าหมอนี่ด้วยกระบี่ให้ตายไปในคราเดียวแน่นอน
เขาไม่ได้คิดดีต่อซีเอ๋อร์แน่นอน!
ตูม! ร่างในชุดขาวกับชุดสีเงินต่อสู้ประมือกัน สองคนนี้หน้าตาช่างเหมือนกันมากเกินไปแล้ว คนของตำหนักเป่ยหานไม่รู้จะช่วยใครดีแล้ว
ตกลงแล้วใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้าตำหนัก!
เป่ยกงจั๋วรับมือกับกู้ไป๋อี และสุนัขรับใช้เหล่านั้นของเขาก็เริ่มโจมตีมู่เฉียนซีโดยที่เขาไม่ต้องออกคำสั่งเลย
ฝ่าบาทต้องการจับเป็น!
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
มู่เฉียนซีเรียกอู๋ตี้กับเสี่ยวหงออกมา ส่วนชิงอิ่งก็เข้าสู่สนามรบแล้วเช่นกัน!
ก่อนที่เป่ยกงจั๋วจะปรากฏตัวออกมา มู่เฉียนซีได้ส่งระเบิดบอกสัญญาณออกไปแล้ว กองกำลังสนับสนุนของหอหมอปีศาจก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
ที่นี่คือดินแดนสี่ทิศ ไม่ใช่แดนซวนเทียน พลังแข็งแกร่งแล้วอย่างไร หากกล้าแตะต้องนาง นางก็สามารถถลกหนังของเจ้าเป่ยกงจั๋วผู้นี้ได้เหมือนกัน
“ประมุขน้อย!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถแทรกมือในการต่อสู้ของหัวหน้าตำหนักได้ แต่ยังสามารถช่วยประมุขน้อยได้
พวกเขานับถือเลื่อมใสประมุขหมอปีศาจผู้ที่วิปริตที่สุดผู้นี้ตลอดมา
“พวกมดปลวก!”
ความยาวนานในการสู้รบครั้งนี้ ทำให้ตำหนักเป่ยหานเกิดความเสียหายไปไม่น้อย
ยอดฝีมือขั้นสูงสุดมีเพียงน้อยนิด ลูกน้องเหล่านั้นของเป่ยกงจั๋วมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก!
ปัง ปัง ปัง!
หลาย ๆ คนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยในน้ำมือของพวกเขา
มู่เฉียนซีกล่าว “คนที่มีพลังไม่ถึงขั้นสูงสุดรีบล่าถอยไปเร็วเข้า อย่าเอาชีวิตมาทิ้ง!”
ครั้งนี้เป่ยกงจั๋วมีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะเอาชนะให้ได้ คนที่นำมาก็ล้วนแต่เป็นองครักษ์คนสนิททั้งสิ้น!
เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน ยากมากที่พวกเขาจะต้านทานกับยอดฝีมือขั้นสูงสุดได้ และผู้ที่มีพลังอ่อนแอกว่าก็ถูกฆ่าตายไปในชั่วพริบตาเดียว!
กระบี่ยาวสีแดงฉานกวัดแกว่งตัดผ่านไปกลางอากาศ
มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
“บัวแดงพิฆาต!”
การโจมตีไม่ได้ผลมากนัก หากไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการจับเป็น คาดว่านาง…
เงาร่างร่างหนึ่งพุ่งไปที่มู่เฉียนซี!
ทันใดนั้นเอง กระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งก็โจมตีลงมา
จู่ ๆ หญิงสาวผู้เย็นชาผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น นางกล่าวเสียงขรึมว่า “นายท่าน ขอโทษด้วยที่ข้ามาช้า!”
“นายท่าน!” เซียวเหยาก็พรวดเข้ามา
ฉึก! อีกทางด้านหนึ่ง กระบี่ของกู้ไป๋อีแทงเข้าที่แขนของเป่ยกงจั๋ว สายฟ้าระเบิดออกมา โจมตีกระบี่เฉียนหานก็กู้ไป๋อีถืออยู่จนกระเด็นลอยออกไป!
แกร๊ง! กระบี่เฉียนหานตกลงมาจากกลางอากาศ!
ฉึก! น้ำแข็งแปรสภาพกลายเป็นคมมีดพุ่งแทงไปที่กู้ไป๋อี เลือดสีแดงสดกระฉูดออกมา ร่างในชุดขาวร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
“เสี่ยวไป๋!” ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวไป มู่เฉียนซีพุ่งไปข้างกายกู้ไป๋อี
นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป่ยกงจั๋ว!”
“สายตานี้ช่างงดงามยิ่งนัก!” เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าว เขากล่าวต่อว่า “มู่เฉียนซี ข้าขอพูดอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าก็แล้วกันนะ! เอาหม้อเทพนิรันดร์มาให้ข้าซะ และไปเป็นว่าที่ภรรยาของข้าในแดนซวนเทียน แล้วข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า และจะไม่ทำร้ายหาน!”
.
.