ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1408 โอรสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ทางมาร
“หาที่ที่ใกล้กับแคว้นเทพฟ้านอินที่สุด และเป็นที่ที่ไม่มีคนก็ได้แล้ว”
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ที่ใกล้กับแคว้นเทพฟ้านอินจะไม่มีผู้คน ดังนั้นจึงต้องอ้อมออกไปไกลอีกสักหน่อย
ระวังเอาไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด แม้ว่ากองกำลังของตำหนักเป่ยหานที่อยู่ในแดนตะวันตกจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่หากเป่ยกงจั๋วรู้ว่านางอยู่ที่นี่แล้วละก็ เขาต้องไม่ยอมรามือแน่ เช่นนั้นนางก็ยากที่จะหนีได้
ฉวยโอกาสตอนที่ฟ้ามืดลง หอฉงโหลวบนเมฆาค่อย ๆ โผล่ออกมา
“นายท่าน นายท่านแน่ใจเหรอว่าจะไม่อยู่รักษาตัวอยู่ที่นี่ให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยออกไป?” หอฉงโหลวบนเมฆากล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร ตอนนี้ต้องรีบ ข้าต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุด”
ด้วยอุบายของเป่ยกงจั๋วแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ต้องแย่มากแน่ ๆ
มู่เฉียนซีลอยตัวลงมาในป่าดงพงไพรรกชัฏแห่งนี้
ในช่วงเวลายามรัตติกาลในป่าดงพงไพรแห่งนี้ การที่มู่เฉียนซีผู้เป็นมนุษย์ย่างกรายเข้ามา ทำให้ดึงดูดความสนใจของสัตว์วิญญาณไม่น้อย
โฮ่ก ๆ ๆ! สัตว์วิญญาณเริ่มคำรามขึ้นแล้ว
“นายท่าน ให้ข้าจัดการเจ้าพวกนี้เถอะ!” อู๋ตี้กล่าว
พลันนั้นมู่เฉียนซีก็ชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าพวกนี้ข้ารับมือเองได้ ให้ข้าลงมือเองเถอะ!”
นางกำลังอดทนและกำลังทำใจให้นิ่งสงบ แต่ตอนนี้อยู่ห่างไกลจากแดนเหนือแล้ว อยู่ห่างไกลจากเป่ยกงจั๋วแล้ว เผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณเหล่านี้ นางไม่จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว
ฆ่า!
ในขณะที่หมีดำตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา น้ำเสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้น
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งตัดผ่านป่าไม้อันมืดมิดสังหารสัตว์วิญญาณเหล่านี้
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ ต้องการขวางมู่เฉียนซี แต่สุดท้ายก็ต้องตายตกไป!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้ายังคงรับมือกับมู่เฉียนซีอย่างจนปัญญา ยากที่จะหนีรอดไปจากความตายได้!
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
อู๋ตี้ยืนมองนายท่านของตัวเองแสดงฝีมืออยู่ข้าง ๆ เอาผนึกวิญญาณของสัตว์วิญญาณที่นายท่านฆ่าตายเหล่านั้นมากัดกินเป็นอาหาร
ตราบใดที่ไม่ใช่สัตว์ศักดิสิทธิ์ระดับหก นายท่านก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
มู่เฉียนซีเปรียบเสมือนเทพผู้สังหารเช่นนี้ไปตลอดทาง พุ่งไปในป่าแห่งนี้อย่างไม่มีหยุดยั้ง
สัตว์วิญญาณทั่วทั้งป่าแห่งนี้ต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ พระเจ้าช่วย! ตัวประหลาดผู้นี้โผล่มาจากที่ใดกัน! เห็น ๆ กันอยู่ว่ามีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิ แต่เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
รีบไป รีบไป อย่ากลับมาอีก
หลังจากที่ออกไปจากป่าแห่งนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็ปรุงยาแปลงกายก่อนจะนำมาทาบนใบหน้า ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าของนางก็กลายเป็นสีเหลืองเข้มทันที
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์มาสวมชุดผู้ชาย พร้อมกับบดบังกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ และแฝงตัวเป็นชายหนุ่มธรรมดาอยู่ในกลุ่มฝูงชน
ต่อให้เป่ยกงจั๋วยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีทางจำนางได้แน่นอน!
“ไปที่เมืองหลวงก่อน เอาฝักกระบี่มาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
มู่เฉียนซีรีบเดินทางในยามรัตติกาลอย่างบ้าคลั่ง เมื่อยามรุ่งอรุณมาเยือน มู่เฉียนซีก็มาถึงเมืองใหญ่เมืองหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นเทพฟ้านอินไม่มากนัก
มู่เฉียนซีเข้ามาพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาพักผ่อนครู่หนึ่งแล้ว นางก็มุ่งหน้าออกไปที่หอสุราที่หรูหราที่สุดในเมืองแห่งนี้
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ชัดเจน นางไม่กล้าผลีผลามไปแคว้นเทพฟ้านอินแย่งชิงฝักกระบี่จากอินรั่วเฉินในตอนนี้
จะแย่งชิงมาได้หรือไม่นั้นนั่นคือปัญหา และหากถูกเป่ยกงจั๋วจับได้ว่านางอยู่ที่นี่ สถานการณ์จะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
แม้ว่าจะยังเช้าอยู่ แต่โรงเตี๊ยมก็มีผู้คนมากมายมานั่งกันเต็มนั่งร้านไปหมด
อีกทั้งยังมีพระภิกษุห่มจีวรมานั่งดื่มชากันอีกด้วย ในแคว้นเทพฟ้านอินมีคนเลือกที่จะปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมากจริง ๆ
ยิ่งคนเริ่มเยอะมากขึ้น ก็เริ่มมีคนเปิดประเด็นการสนทนาขึ้นแล้ว
“พวกเจ้ารู้ข่าวเรื่องนั้นแล้วหรือไม่ ข้านี่นะไม่อยากจะเชื่อ ที่สำคัญยังลงมือกับหมอปีศาจอีกด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าตำหนักเป่ยหานจะกลับกลอกตามไล่ฆ่าหมอปีศาจเช่นนี้”
“หัวหน้าหอมู่เป็นถึงประมุขน้อยคนสนิทของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ทำลายตำหนักตงจี๋ได้ เขาจะโหดร้ายใจดำถึงเพียงนี้! แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เสือสองตำอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
“ข้าว่าเรื่องนี้มันต้องมีฉนวนมาจากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์แน่ ๆ เลย ตอนแรกหัวหน้าตำหนักเป่ยหานไม่สนใจมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์เลย แต่ตอนนี้รู้แล้วจริง ๆ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถอดทนต่อความยั่วยวนของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เพนิรันดร์ได้!”
“……”
อย่างไรเสียเรื่องที่ตำหนักเป่ยหานลงมือกับหอหมอปีศาจ เมื่อฟังจากการพูดคุยของคนเหล่านี้แล้ว ก็ทำให้มู่เฉียนซีได้รู้ว่ารากฐานของหอหมอปีศาจนั้นไม่สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย
เยวี่ยเจ๋อ เซียวเหยาและพวกล่าถอยไปได้สำเร็จ ต่อให้เป่ยกงจั๋วจะเก่งกาจเพียงใด มียอดฝีมือมากมายเพียงใด อย่างไรเสียก็ไม่มีทางอยู่ที่ดินแดนสี่ทิศได้ตลอดหรอก
เยวี่ยเจ๋อและพวกคงจะล่าถอยไปตั้งหลักที่ทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่แห่งแดนตะวันออกได้สำเร็จแล้ว สถานที่แห่งนั้นสามารถโจมตีและป้องกันได้ เป่ยกงจั๋วไม่มีทางหาเจอได้ง่าย ๆ
แต่ว่าเสี่ยวไป๋!
ตอนนี้เป่ยกงจั๋วปลอมตัวเป็นเสี่ยวไป๋ แล้วตอนนี้เสี่ยวไป๋จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
นางโกรธเกลียดจนอยากจะบุกไปฆ่าเป่ยกงจั๋วเต็มทีแล้ว แต่จะทำอย่างไรได้ ขืนไปก็เท่ากับเอาตัวเองไปติดกับดักเปล่า ๆ
การกระทำเช่นนี้ของตำหนักเป่ยหานทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก ในตอนนี้เองก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้น “พวกเจ้ารู้หรือยังว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับโอรสศักดิ์สิทธิ์แล้ว?”
“ว่าไงนะ! เกิดเรื่องใหญ่กับโอรสศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นเหรอ?”
“……”
มีข่าวของอินรั่วเฉินเช่นนี้ มู่เฉียนซีขยับเข้าไปฟังแน่นอน
“ข้ามีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเป็นทหารยามอยู่ที่ตำหนักเทพ ได้ยินมาว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฆ่าคนในตำหนักเทพจนล้มตายไปหลายสิบคนอย่างโหดร้ายทารุณ แถมลงมือโหดเหี้ยมมากจนน่าตกใจ และยังได้ยินมาว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ทางมารแล้วด้วย”
“เป็นไปไม่ได้! เขาเป็นถึงโอรสศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ แม้แต่มดแมลงตัวเล็ก ๆ ก็ยังไม่คิดจะทำร้าย เขาจะฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมได้อย่างไรกัน”
“ลูกพี่ลูกน้องของข้าเห็นกับตาตัวเองเลยนะ ในอุโบสถของโอรสศักดิ์สิทธิ์นองไปด้วยเลือด สภาพของศพแต่ละศพไม่เหลือดีเลย แถมยัง…”
เขายังอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่พระหลายรูปที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามเขม็งตาจ้องมองมาที่เขาเสียก่อน เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ! ข้าพูดล้อเล่นน่า เรื่องเหลวไหลพวกนี้ พวกเจ้าก็เชื่ออย่างนั้นเหรอ!”
“เจ้านี่นะ! ใส่ร้ายป้ายสีโอรสศักดิ์สิทธิ์มีความผิดใหญ่หลวงนะ ต่อไปอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้อีกล่ะ”
“……”
มู่เฉียนซีสังเกตสีหน้าของพวกเขามาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหล
อีกทั้งความแข็งแกร่งของพระเหล่านั้นก็ไม่ธรรมดา พระเหล่านี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่พร้อมกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ
ลงมืออย่างโหดเหี้ยม นองไปด้วยเลือด สภาพศพแต่ละศพไม่มีชิ้นดีเลย ได้ยินเช่นนี้แล้ว นี่มันเหมือนวิธีการของเจ้าพิฆาตวิญญาณไม่มีผิด
หรือว่าเป็นเพราะฝักกระบี่ เจ้าพิฆาตวิญญาณจึงไปหาอินรั่วเฉินแล้ว!
หากเป็นเช่นนั้นแล้วอินรั่วเฉินจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกเหรอ? แล้วฝักกระบี่จะตกไปอยู่ในมือของพิฆาตวิญญาณแล้วหรือไม่
หากฝักกระบี่ตกไปอยู่ในมือของเจ้าพิฆาตวิญญาณแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีทางแย่งชิงมาได้ หนีก็หนีไม่ทันแล้ว!
ในเมื่อมาแล้ว นางก็ไม่สบายใจที่จะล่าถอยกลับไป
ไม่นานนักพระเหล่านั้นก็เดินออกไปจากโรงเตี๊ยม มู่เฉียนซีแอบตามไปอย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังความแข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูง แต่การที่มู่เฉียนซีแอบตามไปเช่นนี้พวกเขาไม่มีทางจับได้แน่นอน
พวกเขาเร่งฝีเท้าออกเดินทางไปนอกเมืองอย่างรวดเร็ว เมื่อมู่เฉียนซีคิดว่าถึงเวลาที่จะลงมือแล้ว นิ้วมือของนางก็ขยับขึ้น และเข็มยาหลายก็เข็มพุ่งออกไป
คนเหล่านี้ตัวแข็งทื่อขึ้นฉับพลัน ไม่สามารถขยับตัวได้ จากนั้นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“เจ้า…นี่เจ้าเป็นใครถึงกล้าลงมือกับพวกข้า!”
มู่เฉียนซีเอาผงแป้งออกมาและโปรยตรงหน้าพวกเขาเบา ๆ ไม่นานนักดวงตาของพวกเขาก็มองเห็นไม่ชัดแล้ว
นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า ข้าหมายถึงอินรั่วเฉินน่ะ เกิดอะไรขึ้นกับเขา? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ตอบข้ามา!”
คนเหล่านี้ตอบพร้อมกันว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์…สามวันก่อนหน้านี้โอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราอยู่ที่อุโบสถตำหนักเทพของเขา ทำเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมลงไป มือแปดเปื้อนไปด้วยเลือด ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า บาปนี้ไม่อาจยกโทษได้!”
.