ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1422 ไม่ได้โกหกเจ้า
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะรอเขาอีกสามวัน ภายในสามวันหากเขายังไม่กลับมา ข้าก็จะไม่สนใจเขาแล้ว”
และแน่นอนว่าฝักกระบี่นั้นสำคัญมาก มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะกับชีวิตน้อย ๆ ของนาง
และไม่อาจปล่อยให้เสี่ยวไป๋ตกอยู่ในกำมือของเป่ยกงจั๋วโดยที่ไม่สนใจใยดีได้
“แต่พวกเราอยู่ที่นี่แล้วท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์จะหาพวกเราเจอเหรอ?”
“หากเขายังมีชีวิตอยู่ เขาต้องหาเจอแน่นอน มิเช่นนั้นเขาคงไม่เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปีเช่นนี้หรอก ที่นี่คือถิ่นของเขา”
สามวันต่อมา ยามรัตติกาล มู่เฉียนซีได้ติดต่อลูกน้องของนางแล้ว เตรียมตัวที่จะไปยังแดนตะวันออก
“รู้แล้ว!” หน้าต่างถูกเปิดออก กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ส่งกลิ่นตลบอบอวนเข้ามาในห้องพร้อมกับสายลม
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ลืมตาตื่นขึ้น
ในขณะนั้นดูเหมือนนางจะรับรู้ได้ว่าเจ้าพิฆาตวิญญาณมาพร้อมกับจิตสังหารแล้ว
แต่หากเป็นเขาจริง กลิ่นเลือดก็คงจะไม่จางถึงเพียงนี้
เมื่อนางลุกขึ้นก็ได้เห็นกับร่างในชุดสีเหลืองอ่อนร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง ริมฝีปากบนล่างอันงดงามอย่างสมบูรณ์แบบนั้นเปิดออก เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิวว่า “ข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
“อินรั่วเฉิน!”
ดวงตาอันบริสุทธิ์คู่นั้นยังคงสุกสกาวอยู่ท่ามกลางความมืดในยามรัตติกาล
“อืม! ข้าเอง!” อินรั่วเฉินพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าว
“ในเมื่อเจ้ายังไม่ตาย ทำไมไม่ออกมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ หากว่าเจ้าช้ากว่านี้อีกสักสองสามชั่วยาม ความร่วมมือของเราก็คงต้องไปรออีกนานแน่นอน”
อินรั่วเฉินมองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ข้าทำให้เจ้า รอ นาน…”
ไม่ทันกล่าวจบ ร่างของเขาก็ทรุดลงกับพื้น
โชคดีที่มู่เฉียนซีเป็นคนมือไวตาไว มิเช่นนั้นโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินผู้นี้ต้องแย่เป็นแน่
มู่เฉียนซีโยนร่างของเขาลงบนฟูก และตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา!
เอ๊ะ! มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจ
“บาดแผลภายนอกไม่มี!”
“ไม่มีสักนิด!”
อินรั่วเฉินมองจากภายนอกแล้วเหมือนเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีใช้พลังจิตตรวจสอบพลังจิตของเขาก็พบว่าพลังจิตของเขาอาการแย่มาก
แย่ถึงขั้นที่ว่าเขาสามารถหลับใหลไปตลอดชีวิตจนไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
มู่เฉียนซีกล่าว “โชคดีที่มาเจอข้าซะก่อน”
ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการหลอมยา แต่มู่เฉียนซีสามารถปรุงยาแผนปัจจุบัน (ยาน้ำ) ได้
มู่เฉียนซีเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาจำนวนมาก ไม่นานนักนางก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จ
ฉึก!
มู่เฉียนซีปักเข็มยาลงบนร่างอินรั่วเฉินอย่างไร้ซึ่งความอ่อนโยน ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แต่อินรั่วเฉินกลับไม่ได้ลืมตาขึ้นแต่อย่างใด
เขาคงจะเหนื่อยแล้ว!
หลังจากที่ให้เขากินยาลูกกลอนเข้าไปขวดสองขวด มู่เฉียนซีก็มองเจ้าหมอนี่ด้วยท่าทางพิจารณา “เจ็บหนักถึงเพียงนี้แล้วยังเป็นห่วงรูปลักษณ์ของตัวเองอีก! แปลงตัวกลับเป็นชายจนได้ แถมยังกลับมาเป็นร่างเดิมแล้วเข้ามาในเมืองหลวงของแคว้นเทพฟ้านอินเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวถูกจับตัวไปบ้างรึไง!”
ดวงจิตของอินรั่วเฉินยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ รักษาก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน!
นายน้อยแห่งเผ่าโบราณเดินเข้ามาเห็นอินรั่วเฉินก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นี่มัน นี่มันท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์นี่!”
เขาเคยเห็นอินรั่วเฉินแต่งกายเป็นหญิงมาก่อนหน้านี้ เมื่อมาเห็นรูปร่างหน้าตาและท่าทางโดยปกติของท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็รู้สึกว่ามันช่างแตกต่างกันมาก และช่างน่าตกใจเกินไปจริง ๆ
โอรสศักดิ์สิทธิ์ที่นอนหลับใหลอยู่ตรงนั้น ดูแล้วช่างบริสุทธิ์จนน่าเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก
คำร่ำลือเกี่ยวกับโอรสศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นเรื่องจริง ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์มีเสน่ห์ดังคำร่ำลือจริง ๆ
ทว่า ในตอนนี้เรื่องที่โอรสศักดิ์สิทธิ์ถูกใส่ร้ายป้ายสีนั้นได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนแล้ว
นายน้อยแห่งเผ่าโบราณกล่าวถามว่า “เมื่อไหร่ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์จะฟื้นขึ้นมา?”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ รอดูอาการเขาอีกที! ข้ามอบให้เป็นหน้าที่เจ้าในการดูแลเขาก็แล้วกันนะ”
เมืองหลวงของแคว้นเทพฟ้านอินเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดแน่นอน อย่างไรเสียตอนนี้อินรั่วเฉินก็เป็นคนที่แคว้นเทพฟ้านอินต้องการตัวมากที่สุด
หากถูกจับตัวได้ขึ้นมา เหล่าอรหันต์เหล่านั้นต้องบ้าคลั่งขึ้นเป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะรับมือได้ยากแล้ว
เวลาผ่านไปสามวัน ในที่สุดก็มีคนมาที่นี่
ปัง ปัง ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น กู่ถานผู้เป็นนายน้อยแห่งเผ่าโบราณกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า “จะทำยังไงดี?”
“ข้าจะออกไปดูเอง หากมีสิ่งใดผิดปกติ เจ้ารีบพาอินรั่วเฉินหนีไป ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเจ้า คงจะหนีเอาตัวรอดครั้งนี้ไปได้” มู่เฉียนซีกล่าว
“ตกลง!”
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าคนในเผ่าโบราณของตัวเองจะมีชีวิตเหลือรอดอยู่เท่าใด แต่เขาก็ได้เห็นว่ามู่เฉียนซีกับท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์คือผู้มีพระคุณของเขาไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะว่ามู่เฉียนซีเป็นคนทำลายมิติกักขังนั้นได้ และหากไม่ใช่เพราะโอรสศักดิ์สิทธิ์จัดการศัตรูเหล่านั้นไปได้ คาดว่าเผ่าโบราณของเขาต้องถูกฆ่าล้างเผ่าไปแล้ว
มู่เฉียนซีเดินออกไปก็เห็นกับร่างของอรหันต์สวมจีวรผู้มีพลังแข็งแกร่งหลายร่างกำลังตรวจสอบค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
นางเอ่ยปากกล่าวถามว่า “มีเรื่องอันใดเหรอ?”
“อมิตาพุทธ พสก พวกเรากำลังตามหาตัวกบฏแห่งแคว้นเทพผู้หนึ่งอยู่ อยากจะเข้าไปตรวจดูข้างในสักหน่อย โปรดพสกอนุญาตด้วย”
“แล้วหากว่าข้าไม่อนุญาตล่ะ! ท่านทั้งหลายยังจะดึงดันเข้าไปตรวจดูหรือไม่”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากพสกไม่ให้ความร่วมมือ อาตมาคงทำได้แค่ล่วงเกินแล้ว”
แม้ว่าคำพูดจะดูสุภาพ แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ก้าวร้าวเป็นอย่างมาก
และในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะลงมือวางยาพิษอรหันต์เหล่านี้นั้น เสียงบทสวดอันไพเราะก็ดังขึ้น
“กบฏที่อาจารย์ทุกท่านกล่าวถึง คือข้าใช่หรือไม่?”
นี่คือน้ำเสียงที่สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้ คนของตำหนักเทพคุ้นเคยกับเสียงนี้ยิ่งกว่าอะไรดี
รูม่านตาของพวกเขาขยายขึ้นทันใด พวกเขารู้สึกตกใจเล็กน้อย พร้อมกันนั้นดวงตาหลายคู่นั้นก็มองไปที่ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์ผู้นั้นที่กำลังเดินออกมาจากห้องอย่างช้า ๆ
ดวงตาอันบริสุทธิ์ผุดผ่องคู่นั้นก็มองกลับไปที่พวกเขา ทำให้พวกเขาไม่สามารถลงมือได้
พวกเขาย้อนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา นี่คือโอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา!
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์!”
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ ท่านอย่าได้หนีอีกเลย กลับไปกับพวกเราเถอะ!”
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์…”
อินรั่วเฉินกล่าว “ในเมื่อข้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าต้องกลับไปตำหนักเทพแน่นอน ข้าจะกลับไปพร้อมกับสหายข้า”
อินรั่วเฉินให้ความร่วมมือด้วยดี ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ก็แค่พาคนสองคนกลับไปยังตำหนักเทพด้วย คงจะไม่มีปัญหาอะไร
“เชิญท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์!”
ระหว่างทางที่อินรั่วเฉินเดินไป ทุกคนก็เห็นอินรั่วเฉินแล้ว
มองดูร่างของคนผู้นั้นแล้ว พวกเขาก็ตกตะลึงขึ้น
พวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นอะไรไป
เนื่องจากคำร่ำลือเหล่านั้น พวกเขาที่เดิมทีมีจิตใจเลื่อมใสศรัทธาต่อโอรสศักดิ์สิทธิ์มาก จู่ ๆ ก็เกิดความเกลียดชังเขาขึ้น
ทว่า ตอนนี้ได้เห็นโอรสศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง พวกเขารู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์แบบของโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้
เขาจะทำเรื่องเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ?
ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
พวกเขารู้สึกผิดแล้ว พวกเขาต่างหากที่เป็นกบฏที่แท้จริง นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเข้าใจท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ผิด
ตลอดทางที่เดินมา มู่เฉียนซีก็เห็นสายตาของคนเหล่านี้แล้ว
นางเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ราษฎรทั่วทั้งแคว้นเทพฟ้านอินได้เห็นอินรั่วเฉินเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าแล้ว ที่ไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย
หากเกิดข้อบกพร่องขึ้นแม้แต่น้อย พวกเขากลับรับไม่ได้
แต่ตราบใดที่อินรั่วเฉินมายืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา อินรั่วเฉินก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากอธิบายใด ๆ ความแค้นในใจของพวกเขาก็มลายหายไปจนหมดสิ้น
เนื่องจากอินรั่วเฉินมีเสน่ห์มาตั้งแต่กำเนิด
และเขาก็พลิกสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายไปเช่นนี้ มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบาว่า “ข้าประเมินเจ้าหมอนี่ต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”
ครั้นแล้วพวกเขาก็เข้าไปในตำหนักเทพได้อย่างราบรื่น คนที่โกรธแค้นชิงชังเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับดูเคารพเขามาก นี่เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งแน่นอน สัญชาตญาณแห่งความเชื่อ
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ ท่านหัวหน้าแคว้นรอท่านอยู่” อรหันต์ท่านหนึ่งเดินออกมาและกล่าวกับอินรั่วเฉิน
“อืม! ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับหัวหน้าแคว้นอยู่พอดี” อินรั่วเฉินกล่าวอย่างเชื่องช้า
“แม่นางมู่ นายน้อยกู่แห่งเผ่าโบราณ ไปกับข้า!” อินรั่วเฉินมองพวกเขาพลางกล่าว
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! เจ้าหัวล้านนั่นรับปากข้าไว้แต่ทำให้ไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะตัวตนที่แท้จริงของข้าจะถูกเปิดเผยแล้วละก็ ข้าบุกไปคิดบัญชีกับเขาตั้งนานแล้ว!”
.