ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1435 ต้องการชีวิตเจ้า
ปัง! เป่ยกงจั๋วรีบหลบหลีก การโจมตีอันคร่าชีวิตนั้นตามเขาราวกับเงาตามตัว
“ท่านจื่อโยว ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยเช่นนี้ ไม่ใช่นิสัยของคนที่แข็งแกร่งเขาทำกัน!”
จื่อโยวกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าเป็นถึงบุรุษแต่ยังรังแกสตรี ข้าจะรังแกเจ้า เจ้าจะทำไม!”
เป่ยกงจั๋วได้เห็นความน่ากลัวของจื่อโยวแล้ว ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ส่งผลดีต่อเขาแน่
ตราบใดที่จับตัวมู่เฉียนซีกลับไปที่แดนซวนเทียนได้ ต่อให้เป็นท่านจื่อโยว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัว
ดังนั้น เขาจึงออกคำสั่งไป เงาดำสองร่างพุ่งไปที่มู่เฉียนซีทันใด
คนชุดดำสองคนนี้เป็นองครักษ์เงาข้างกายของเป่ยกงจั๋ว
“เฉียน! ระวัง!” ชิงอิ่งรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่พุ่งเข้ามา ชิงอิ่งจึงผลักมู่เฉียนซีออกไปและตนเองนั้นก็รับฝ่ามือนี้แทนนาง!
ปัง!
ร่างของชิงอิ่งกระเด็นลอยออกไป โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!
ตูม!
ชิงอิ่งขวางเอาไว้ได้คนเดียว แต่มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่ายังมีอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้นาง
นางผู้ที่มีพลังจิตอันแข็งแกร่งเป็นพิเศษ อุบายทั้งหมดเหล่านี้ไม่สามารถปิดบังนางได้
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
โล่น้ำแข็งหลายชั้นปรากฏขึ้นเป็นเกราะป้องกันให้กับนาง มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีได้
คนชุดดำกระโจนลงมาจากกลางอากาศ และกล่าวดูถูกเหยียดหยามว่า “เป็นแค่สุนัขไร้เจ้าของตัวเดียว กล้าปฏิเสธคำขอขององค์รัชทายาท อีกทั้งยังยั่วยุองค์รัชทายาทหลายต่อหลายครั้ง เจ้ามันรนหาที่ตายชัด ๆ!”
จั๋วจิ่วในฐานะที่เป็นองครักษ์ข้างกายขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทที่เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ เรื่องที่มู่เฉียนซีกระทำลงไปทุกอย่างนั้นไม่อาจให้อภัยได้
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ตอนนี้เจ้านายของเจ้ากำลังวุ่นวาย เขาไม่มีเวลามาสนใจสุนัขรับใช้บ้าคลั่งเช่นเจ้าหรอกนะ ช่างน่าสงสารจริง ๆ!”
“ความตายมาเยือนตรงหน้าเช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะปากดีอีก!” จั๋วจิ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
และทันใดนั้น ร่างของจั๋วจิ่วก็ได้อันตรธานหายไปในพริบตา
ในฐานะที่พวกเขาเป็นองครักษ์ข้างกายขององค์รัชทายาท ทักษะการซ่อนตัวย่อมเป็นทักษะที่แข็งแกร่งมากที่สุดของพวกเขาแล้ว
รับมือกับสาวน้อยผู้นี้ เพียงกระบวนท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว
“หลบหลีก จะมีประโยชน์อันใดกันล่ะ?”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นและหัวเราะเยาะเบา ๆ กระบี่มังกรเพลิงสีแดงฉานตัดผ่านอากาศ จากนั้นการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งโจมตีออกไป
“บัวแดงพิฆาต!”
จั๋วจิ่วตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้า นี่เจ้ารู้ได้ยังไง!”
เขาโคจรพลังวิญญาณขึ้นและพุ่งปะทะกับบัวอัคคีดอกนั้น
ตูม!
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน มู่เฉียนซีโจมตีต่อ
ถึงแม้ว่าจื่อโยวจะนำพากองกำลังมาบางส่วน แต่สถานการณ์ในตอนนี้ยังคงเป็นฝ่ายของหอหมอปีศาจที่เสียเปรียบ
เพื่อแย่งชิงหม้อเทพนิรันดร์ ครั้งนี้เป่ยกงจั๋วจึงลงมืออย่างโหดเหี้ยม
“นึกไม่ถึงเลยว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
เขาถูกบัวอัคคีดอกนั้นโจมตีจนถอยหลังไปหลายก้าว และจ้องมองไปที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เล่มนั้นด้วยแววตาที่สุกสกาว
จักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าคนหนึ่ง แต่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เขาจึงมอบความดีความชอบทั้งหมดที่นางมีให้กับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพทั้งหมด
“นึกไม่ถึงเลยว่าท่านหัวหน้าหอจะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับสูงสุดได้สูสีถึงเพียงนี้”
“ท่านหัวหน้าหอเพิ่งจะมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับเก้า แต่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นแล้วพวกเราจะพ่ายแพ้ได้อย่างไรกันเล่า! ฆ่าพวกมันให้หมด ฆ่า!”
“สู้สุดชีวิต จะให้ท่านหัวหน้าหอขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด!”
การสู้รบของมู่เฉียนซีในสนามนี้งดงามมาก ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น
พลังวิญญาณที่ห่างชั้นกันนั้นก็ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้ ขอเพียงแค่พวกเขาทุ่มเทอย่างสุดกำลังความสามารถ!
ตูม ปัง ปัง!
การต่อสู้ยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันราวกับไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ!
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีกำลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่จั๋วจิ่วก็คิดว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อเขามากมายถึงเพียงนั้น
“เจ้าก็แค่อาศัยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็เท่านั้น คิดจะเอาชนะคนอย่างข้า หึ ไม่มีทาง!”
ทันใดนั้น พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งก็ได้รวมตัวควบแน่นขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา
คนที่ถูกคัดเลือกมาให้เป็นองครักษ์เงาขององค์รัชทายาทเป่ยกงแห่งราชวงศ์เป่ยกงในแดนซวนเทียนได้นั้นย่อมมีความแข็งแกร่งหลายด้านแน่นอน โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านการต่อสู้สนามจริง
เกรงว่าแม้แต่มู่เฉียนซีเองก็คงมีประสบการณ์การต่อสู้สนามจริงได้ไม่เท่าเขา
นางไม่ได้มีข้อได้เปรียบมากมายนัก!
ทันทีที่ฝ่ามือนั้นของจั๋วจิ่วเคลื่อนไหว พลังอันมืดฟ้ามัวดินก็พุ่งมาที่นาง
มู่เฉียนซีแยกร่างออกเป็นหลายร่าง และหลบหลีกการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของจั๋วจิ่ว
ใบหน้าของเขาเผยความประหลาดใจออกมา “นึกไม่ถึงเลย…นึกไม่ถึงเลยว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้!”
ทักษะร่างของมู่เฉียนซีรวดเร็วมาก ความรวดเร็วนี้ห่างไกลจากระดับขั้นพลังวิญญาณของนางมาก
การตอบสนองของนางก็รวดเร็วกว่าเขามาก!
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “มิน่าล่ะว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้เกรงกลัวสาวน้อยผู้นี้นักหนา ที่แท้นางก็วิปริตเช่นนี้นี่เอง!”
“ยอดรับความตายเสียเถอะ!”
จั๋วจิ่วฉวยโอกาสนี้โจมตีเพื่อเอาชนะ และเขาก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่านางหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ของสาวน้อยผู้นี้ หากนางไม่มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เขาก็จัดการนางได้อย่างง่ายดาย!
ตูม!
พลังวิญญาณอันหนาแน่นพุ่งโจมตีไปที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี เตรียมจะใช้แผนการหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง และกระบี่มังกรเพลิงก็สลัดหลุดออกไปจากมือ
จั๋วจิ่วหัวเราะขึ้นอย่างลำพองใจ และในขณะที่เขากำลังจะพุ่งไปคร่าชีวิตมู่เฉียนซีที่ตอนนี้ไม่มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในมือแล้ว จู่ ๆ น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังเขา
“เจ้าโง่ เจ้าหัวเราะชอบใจอันใดเหรอ!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
สีหน้าของจั๋วจิ่วพลันเปลี่ยนไปมาก “นางมาปรากฏตัวด้านหลังข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน!”
พลังธาตุวารีอันแข็งแกร่งโจมตีเข้ามา พลังของจั๋วจิ่วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรับการโจมตีของมังกรน้ำแข็ง
มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นกลางอากาศอยู่เหนือหัวของเขา พลังธาตุวารีโคจรขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และก่อตัวกันเป็นกระแสน้ำวนรอบ ๆ ตัวนาง
เมื่อพลังวิญญาณผลึกตัวขึ้นแล้ว มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”
ทักษะการทำลายล้างพุ่งไปที่จั๋วจิ่ว
จั๋วจิ่วเองก็รู้สึกได้ถึงพลังการทำลายล้างนั้นแล้ว จึงรีบต้านทาน!
ตูม! เสียงการปะทะกันดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น ร่างของจั๋วจิ่วกระเด็นลอยออกไปอย่างรุนแรง
เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางไม่ได้เก่งกาจเพียงเพราะมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้น แม้แต่ทักษะวิญญาณของนางแต่ละกระบวนท่านั้นก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ทักษะวิญญาณนี้ทำให้เขาบาดเจ็บเข้าแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ดูท่า เจ้ากับเจ้านายของเจ้าก็โง่เขลาไม่ต่างกัน!”
ทันใดนั้นเอง กระบี่มังกรเพลิงก็พุ่งกลับมาอยู่ในมือของมู่เฉียนซี ตราบใดที่กระบี่มังกรเพลิงได้ยอมรับเจ้านายแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถแย่งชิงมันไปได้
“มังกรเพลิง ลุย!”
“อืม!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มู่เฉียนซีฉวยโอกาสตอนที่จั๋วจิ่วถูกนางโจมตีจนได้รับบาดเจ็บนี้โจมตีเขาต่อ!
ฉึก! กระบี่มังกรเพลิงแทงทะลุร่างของเขา
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งของเขาด้วยที่สามารถหลบหลีกจุดสำคัญที่จะคร่าชีวิตเขาได้ มิเช่นนั้นดวงจิตของเขาในตอนนี้คงจะกลายเป็นอาหารของกระบี่มังกรเพลิงไปแล้ว
พรวด! จั๋วจิ่วกระอักเลือดคำโตออกมา และรีบสลัดตัวถอยออกห่างอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสาวน้อยผู้แข็งแกร่งผู้นี้อีกต่อไปแล้ว
พรวด! เดิมทีเขาคิดจะให้คู่หูของเขาอย่างจั๋วปาช่วยเขา แต่กลับพบว่าจั๋วปาถูกหุ่นเชิดผู้นั้นโจมตีจนกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรเสีย คนที่องค์รัชทายาทพามาในครั้งนี้ นอกจากองค์รัชทายาทแล้ว พวกเขาสองคนคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะจัดการกับสาวน้อยผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตคนเดียวไม่ได้!
จะฝืนสู้กับสาวน้อยผู้นี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงอยากจะถอยหนี!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คิดจะหนีเหรอ ฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีตัดสินใจฉวยโอกาสในขณะที่สุนัขกำลังจะจนตรอกโจมตีต่อ กระบี่มังกรเพลิงแผ่ซ่านลำแสงอันน่าสะพรึงกลัวออกมาอีกครั้ง
“เอาชีวิตของเจ้ามาเถอะ! ข้าจะส่งเจ้าไปนรกก่อน เจ้าไปรอเจ้านายของเจ้าที่นรกก็แล้วกันนะ!” บัวอัคคีสีแดงฉานบานสะพรั่งขึ้นกลางอากาศ และบัวดอกนี้ก็นับว่าเป็นบัวแห่งความตายของจั๋วจิ่วนั่นเอง
.
.