ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1437 เป่ยกงจั๋วพ่ายแพ้
ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงกับคร่าชีวิต แต่ในตอนที่เข็มยาได้แฉลบใบหน้าของเป่ยกงจั๋วนั้น ใบหน้าของเป่ยกงจั๋วก็พลันดำคล้ำขึ้นทันใด
เลือดสีดำไหลออกมาจากใบหน้าของเขา เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “นี่เจ้ากล้าวางยาพิษข้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “วางยาพิษแล้วอย่างไร ไม่เพียงเท่านี้นะ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วย!”
ฤทธิ์ที่กำเริบของหมอปีศาจ ต่อให้เป่ยกงจั๋วเป็นนักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนซวนเทียนก็ไม่อาจทนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอินรั่วเฉินผู้ที่แข็งแกร่งมากอีกคนหนึ่งด้วย
เป่ยกงจั๋วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าดำที่มีเลือดสีดำไหลออกมานั้นราวกับน้ำหมึกไหลหยดหล่นลงพื้นก็มิปาน
เขาตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “ถอย! ล่าถอยเดี๋ยวนี้!”
เป่ยกงจั๋วคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าศึกการสู้รบในวันนี้ เขาต้องจบลงด้วยการถอยหนี
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าตอนที่อยู่ในแดนซวนเทียน เป่ยกงจั๋วผ่านศึกรบมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน และเขาก็ไม่เคยทำศึกพ่ายแพ้มาก่อน
มู่เฉียนซี เพราะมู่เฉียนซีคนเดียว!
เขาท่องจำชื่อมู่เฉียนซีเอาไว้ขึ้นใจ เป่ยกงจั๋วโกรธแค้นเกลียดชังจนอยากจะกินเลือดกินเนื้อนางให้สิ้นซาก
“ตามไป!” ถึงแม้ว่าทางฝ่ายของหอหมอปีศาจจะเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังจะยืนหยัดสู้ต่อไป
หากศัตรูกลับมาเอาคืนอีกครั้ง พวกเขาก็จะต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายอีกครั้ง
แคว้นเทพฟ้านอินก็เพียงแค่มาช่วยสู้รบ แต่ก็ไม่สามารถช่วยถอนรากถอนโคนศัตรูของหอหมอปีศาจกลุ่มนี้ได้
คนของตำหนักเป่ยหานกำลังจะถอยหนี ตอนนี้ฝ่ายของหอหมอปีศาจก็ยากที่จะขวางเอาไว้ได้ มู่เฉียนซีย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องตามไปแล้ว!”
การสละชีวิตเพื่อล่าศัตรูจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ทุกชีวิตของคนในหอหมอปีศาจล้วนแต่สำคัญเท่ากันหมด
“กลับเข้าเมือง รักษาอาการบาดเจ็บเร็วเข้า!”
มู่เฉียนซีเป็นหัวหน้าหอหมอปีศาจ เป็นผู้ชี้ขาดแห่งทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่ ทว่า ตอนนี้นางกลับเป็นเพียงแค่หมอที่ช่วยชีวิตและรักษาชีวิตผู้คนเท่านั้น
ครั้งนี้คนของหอหมอปีศาจได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ล้มตายไปก็ไม่น้อย เวลาไม่เคยรอใคร
ฉีดยา และปรุงยาอย่างต่อเนื่อง มู่เฉียนซีไม่ได้หลับนอนเป็นเวลาถึงสามวันติดต่อกันแล้ว
“ท่านหัวหน้าหอ ไปพักผ่อนก่อนเถอะขอรับ! พวกเราทนได้!”
“พี่ใหญ่ ตรงนี้มีนักปรุงยาท่านอื่นคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พี่ใหญ่ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ!”
“นายท่าน ข้าน้อยจัดเตรียมห้องให้นายท่านใหม่แล้ว นายท่านไปพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ!”
การที่มู่เฉียนซีทุ่มเทอย่างสุดชีวิตเช่นนี้ ทำให้คนอื่นเป็นห่วงนางมาก
นางคือหมอปีศาจ ในสายตาของพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างหมอปีศาจทำไม่ได้ ทว่า ร่างอันเพรียวบาง และใบหน้าอันเยาว์วัยนั้นของนางบอกพวกเขาว่า นางก็เป็นเพียงแค่หญิงสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีคนหนึ่งเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าก็ดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าไม่เป็นไร ใช้เวลาแค่ไม่นานทุกอย่างก็จะเรียบร้อยแล้ว!”
เพื่อป้องกันไม่ให้เป่ยกงจั๋วยกทัพกลับมาอีกครั้ง อินรั่วเฉินยังคงนำกำลังคนคอยเฝ้ายามอยู่ที่นี่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มู่เฉียนซีทำ อินรั่วเฉินได้เห็นประจักษ์ทุกอย่าง แสงแห่งธรรมของเขาสามารถยับยั้งอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้นเขาจึงช่วยและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นางชอบศึกษาทางด้านการแพทย์ และได้รับความสำเร็จมากในด้านนี้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดสำหรับนาง
สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดสำหรับนางก็คือความจริงจังที่มีต่อคนป่วย และพยายามรักษาคนป่วยทุกคนอย่างสุดความสามารถนั่นเอง
อินรั่วเฉินได้พบว่า ตอนที่นางได้รักษาคนป่วยเป็นตอนที่ตั้งใจกว่าทำเรื่องอื่นใดที่สุดแล้ว
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก็ปรบมือพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องช่วยข้าประหยัดยาลูกกลอนนะ พวกเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าหอหมอปีศาจของพวกเราต่อให้ขาดแคลนสิ่งอื่นใด แต่ยาลูกกลอนไม่มีวันขาดแคลนแน่นอน ข้ารอให้พวกเจ้าฟื้นตัวกลับมาหายดี ถึงเวลาเราจะกลับไปบุกตำหนักเป่ยหาน!”
“ท่านหัวหน้าหอวางใจเถอะ!”
“พวกเราจะไม่ตระหนี่ถี่เหนียวยาลูกกลอนแน่นอน”
“……”
“อ๊า! คนงาม ข้าเจ็บเหลือเกิน เมื่อครู่ข้ากระอักเลือดออกมาด้วยนะ”
หลังจากที่มู่เฉียนซีรักษาให้ผู้ป่วยที่อาการสาหัสเสร็จสิ้น จื่อโยวก็ร้องครวญครางขึ้นทันที
มู่เฉียนซี “เจ้าไปพักผ่อนเถอะนะ! ตอนนั้นถูกจิ่วเยี่ยลงโทษเจ้ายังไม่ตายเลย ตอนนี้คิดว่าจะหลอกข้าได้เหรอ?”
“ฮ่า ๆ ๆ! ถูกคนงามจับได้จนได้ ข้าหายดีแล้วล่ะ จะให้ข้านำกำลังคนไปฆ่าเจ้าหมอนั่นตอนนี้เลยดีหรือไม่?”
“ข้าขอพักผ่อนสักหน่อย แล้วเราค่อยไปกัน!”
“งั้นเจ้าก็รีบไปพักเถอะ!”
“อ๊า!” ในตำหนักเป่ยหาน เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึ้น
เป่ยกงจั๋วมองหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าซีกหนึ่งกลายเป็นสีดำคล้ำ ทำให้เขาที่เมื่อก่อนดูอ่อนโยนกลับต้องกลายมาเป็นผู้ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้
“มู่เฉียนซี นังตัวดี! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าวางยาพิษข้าจนข้ามีสภาพเช่นนี้ได้ สมกับที่เป็นผู้ครอบครองหม้อเทพนิรันดร์จริง ๆ”
“แต่อย่างไร ของที่มันเป็นของข้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยไปง่าย ๆ แน่ เจ้าคอยดูก็แล้วกัน!”
มู่เฉียนซีนอนพักไปหนึ่งวันเต็ม เมื่อนางตื่นขึ้นมา นางก็กล่าว “เป่ยกงจั๋วโดนพิษของข้าไป และพิษนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาให้หายได้ง่าย ๆ พายอดฝีมือกลับไปบุกลองเชิงตรวจดูสถานการณ์พวกนั้นดูสักหน่อยดีกว่า!”
“ภารกิจในครั้งนี้ก็คือการลองเชิงตรวจดูสถานการณ์ ไม่ใช่การฆ่าให้ตายกันไปข้างหนึ่ง รักษาตัวด้วย!”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีใช้หอฉงโหลวบนเมฆาในการเคลื่อนไหว เพราะหอฉงโหลวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก!
ร่างในชุดเหลืองอ่อนร่างหนึ่งก็พุ่งตัวเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆาเช่นกัน มู่เฉียนซีตกใจขึ้นเล็กน้อย
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าจะไปทำเรื่องชั่ว ๆ แน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปด้วยจริง ๆ?”
จื่อโยวกล่าว “ข้าว่านักบวชอย่างท่าน กลับไปกินเจสวดพระคัมภีร์เถอะนะ! กองกำลังของข้าหายดีแล้ว ไม่รบกวนท่านแล้วล่ะ”
อินรั่วเฉินกล่าว “แม่นางมู่ช่วยข้ามาตั้งมากมาย อาตมาจะอยู่ข้างกายแม่นางมู่ และปกป้องแม่นางมู่เอง”
จื่อโยวมองหน้าอินรั่วเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะกล่าวว่า “ปกป้องเหรอ ท่านแน่ใจเหรอว่าไม่มีความคิดอื่นแอบแฝง”
จิ่วเยี่ยรักคนงามเสียยิ่งกว่าสิ่งใด อยากจะอยู่ใกล้นาง อยากจะอยู่ปกป้องข้างกายนางตลอดเวลา แต่คนงามกลับไม่อนุญาต
ในเมื่อมีเขาอยู่ตรงนี้ เขาก็จะขัดขวางศัตรูหัวใจของเยี่ยทุกคนให้ได้
“ไม่มี!” อินรั่วเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยู่ในสายตาข้าก็ดีเหมือนกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าหนีอีก แล้วเมื่อไหร่จะเอาฝักกระบี่ให้ข้าสักทีล่ะ”
“ยังไม่ถึงเวลา!” อินรั่วเฉินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไม่นานนัก หอฉงโหลวบนเมฆาก็มาถึงตำหนักเป่ยหาน
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็พลันมืดครึ้มลง “ท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านหัวหน้าตำหนักขอรับ! มู่เฉียนซีบุกมาแล้วขอรับ!”
พิษในร่างกายของเป่ยกงจั๋วยังรักษาไม่หายดี ตอนนี้ข้าศึกบุกเข้ามาถึงที่เช่นนี้ เขาเสียเปรียบมาก
“เปิดค่ายกลป้องกันเร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
“ช้าก่อน พวกเจ้าไปเพิ่มค่ายกลป้องกันเร็วเข้า!”
เป่ยกงจั๋วไม่มีความเชื่อมั่นในค่ายกลของตำหนักเป่ยหานเลย อย่างไรเสียก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีก็เคยเป็นถึงประมุขน้อยของตำหนักเป่ยหาน
“ขอรับ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”
ตูม ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีพบว่าไม่สามารถเข้าไปในตำหนักเป่ยหานได้ เพราะถูกค่ายกลป้องกันขวางเอาไว้
อีกทั้งยังทำลายไม่ได้อีกด้วย!
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จื่อโยว อินรั่วเฉิน พวกเจ้ามีวิธีทำลายค่ายกลป้องกันนี้หรือไม่?”
อินรั่วเฉินกล่าว “หากเป็นค่ายกลธรรมดาทั่วไปทำลายได้ แต่ค่ายกลนี้มีบางอย่างเพิ่มเข้ามา และมีผู้แข็งแกร่งปกป้องอยู่ เกรงว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูท่าจะมาเสียเที่ยวแล้ว! แต่ก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าพิษของข้ามีผลกระทบต่อเป่ยกงจั๋วมาก เช่นนี้เราควรจะกลับไปเตรียมพร้อมได้แล้ว”
ครั้งต่อไปจะทำศึกกับตำหนักเป่ยหาน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกแล้ว
หอฉงโหลวบนเมฆาเคลื่อนตัวเข้าสู่เมฆาอีกครั้ง และคนของตำหนักเป่ยหานก็ไปรายงานต่อเป่ยกงจั๋ว
“ท่านหัวหน้าตำหนัก มู่เฉียนซีกลับไปแล้วขอรับ”
ฉ่า! เป่ยกงจั๋วบีบขวดยาในมือจนแตก
“รอให้ข้ากำจัดพิษนี้ไปให้สิ้นก่อนเถอะ ข้าไม่มีวันปล่อยนังมู่เฉียนซีไปเด็ดขาด”
ผลลัพธ์ในการทำศึกสู้รบระหว่าตำหนักเป่ยหานกับหอหมอปีศาจก็เป็นที่ประจักษ์ขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าตำหนักเป่ยหานจะปิดตำหนักเก็บตัวอยู่ในตำหนัก คนในไม่ให้ออกคนนอกไม่ให้เข้า และฝ่ายชนะก็คือหอหมอปีศาจนั่นเอง
ส่วนมู่เฉียนซีปรุงยาออกมาได้สำเร็จแล้ว นางชะล้างผลึกวิญญาณทมิฬเหล่านั้นเสร็จสิ้น และเตรียมจะมอบให้ลูกน้องนำไปฝึกฝน และในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ซีเอ๋อร์ ผลึกวิญญาณทมิฬนี้ หากใช้อีกวิธี ผลลัพธ์มันจะเห็นชัดกว่า”
.
.