ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1441 มีสนมเต็มจวน
วิธีเช่นนี้นางเรียนรู้มาจากเขา
จิ่วเยี่ยเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าวิธีที่เขาใช้กับมู่เฉียนซีบ่อย ๆ เช่นนี้ มู่เฉียนซีจะเรียนรู้มันและเอามันกลับมาใช้กับเขา
มู่เฉียนซีก็แค่จูบปิดปากเขาเท่านั้น ไม่ได้จูบอย่างดูดดื่มอย่างที่จิ่วเยี่ยทำกับนาง ทว่า จิ่วเยี่ยกลับอดใจไม่ไหว ตอบรับการจู่โจมของนางทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะพัลวันกับนางอย่างไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ จนกระทั่งนางเริ่มหายใจไม่ออกแล้วเขาถึงจะยอมปล่อย
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ข้าควรจะเอะใจบ้าง แต่กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย”
“แม้ว่าจะมียาของข้าคอยยับยั้ง มีมังกรวารีปิดผนึก แต่คำสาปของเจ้าก็ยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี”
มู่เฉียนซีนึกถึงครั้งแรกที่คำสาปของจิ่วเยี่ยกำเริบ ตอนนั้นพวกเขาอยู่ที่แคว้นจื่อเยี่ย กว่าจะหาวิธียับยั้งคำสาปของจิ่วเยี่ยได้นั้นไม่ง่ายเลย
ต่อไปนางจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ จะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
มู่เฉียนซีจับมือจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ข้าจะกลับไปยังคุกโลหิตกับเจ้า! อาการเจ้าสาหัสเช่นนี้ ข้าไม่อาจนิ่งเฉยดูดายได้”
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง “ข้าอยากให้ซีอยู่ให้ไกลข้ามากที่สุด ฉะนั้น ข้าไม่อาจตอบรับคำขอของซีได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ห่างจากข้าไปตั้งแต่ตอนนี้เลย สุ่ยจิงอิ๋ง ส่งเขากลับไป!”
ปัง! มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยกดทับลงมาบนร่างทันที
“ตอนนี้ข้าอยากอยู่ใกล้ซีให้มากที่สุด ยิ่งใกล้มากเท่าไรก็ยิ่งดี!”
อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวนั้นทำให้ร่างกายของมู่เฉียนซีร้อนผ่าวตาม
มู่เฉียนซีตะคอกเขาว่า “หวงจิ่วเยี่ย เรื่องแค่นี้เจ้ายังรับปากข้าไม่ได้ แล้วยังจะมาเอาเปรียบข้าอีก ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
“ไสหัวไป!”
“……”
แม้ว่าเสียงของนางจะแหบแห้งแล้ว แต่จิ่วเยี่ยก็ยังไม่ยอมปล่อยนางไปอยู่ดี
“หากเจ้าไม่ยอมไสหัวไปคนเดียว เราก็ไปด้วยกัน!”
“เจ้าไปตายซะ!”
“……”
ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะทรมานจิ่วเยี่ยเช่นไร จิ่วเยี่ยก็ไม่ยอมตอบตกลงนางอยู่ดี
ในทางกลับกัน นางถูกจิ่วเยี่ยทรมานจนไร้เรี่ยวแรงแล้ว จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีที่ร่างกายอาบท่วมไปด้วยเหงื่อไว้ในอ้อมแขน
“ซี ฟังข้าให้ดีนะ!”
“สำหรับเจ้า ข้าคือคนที่อันตรายที่สุด”
“แต่สำหรับข้าแล้ว เจ้าคือคนที่ข้าไม่อาจสูญเสียไปได้ ฉะนั้น ก่อนที่คำสาปจะกำเริบขึ้นอีกครั้ง เจ้าต้องอยู่ห่างจากข้าให้ไกลที่สุด”
ได้ยินเช่นนี้แล้วมู่เฉียนซีก็ตกใจนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง นางล้วนแต่เข้าใจดี
นางเป็นคนที่มีเหตุผลมาโดยตลอด แต่เมื่อเจอกับเรื่องของจิ่วเยี่ยเช่นนี้ นางกลับไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
“การที่ข้าอยู่ข้างกายเจ้า มันจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงอย่างนั้นเหรอ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ข้ามีความมั่นใจในตัวเอง ข้าต่อสู้กับมันมานานหลายปี ข้าจะปล่อยให้มันผิดพลาดในตอนที่ข้าเจอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตแล้วไม่ได้เด็ดขาด ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น หากซีอยู่ด้วย ข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้” จิ่วเยี่ยกล่าว
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าห้ามทำพลาดเด็ดขาด หากเจ้าทำพลาดแล้วละก็ ข้าจะ…”
“จะอะไร?”
“ข้าก็จะไปดูละครกับนิรันดร์ มีสนมเต็มจวน ร้องรำทำเพลงทุกค่ำคืน แล้วก็ อือ…”
จิ่วเยี่ยถูกกระตุ้นความโกรธขึ้นจึงลงโทษมู่เฉียนซีอย่างหนัก เช้าวันต่อมาเมื่อซัวเฉียงมาถึง นางก็เดินแทบไม่ไหวแล้ว
ดังนั้น ตลอดทางจิ่วเยี่ยจึงเป็นคนอุ้มนางมา
พวกเขาขึ้นเรือ เดินทางมุ่งหน้าไปยังเกาะทรายขาว
วันนี้ซัวเฉียงรู้สึกสดชื่นมาก ยาลูกกลอนที่ท่านผู้นี้ให้เขาต้องเป็นยาวิเศษแน่นอน
ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น เขาไม่เพียงแค่จะฝึกบำเพ็ญได้อย่างเดียว แต่ยังก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย
“การประมูลใต้ดินของเกาะทรายขาวมีมายาวนานแล้ว จะเปิดประมูลทุก ๆ ปี ปีละครั้ง ได้ยินมาว่าครั้งนี้มีของล้ำค่ามากมายมาให้ประมูลกัน หวังว่าจะมีสมุนไพรวิญญาณที่ทำให้ท่านพึงพอใจนะขอรับ”
เกาะทรายขาวทุกแห่งหนล้วนแต่เต็มไปด้วยเม็ดทรายสีขาวละเอียด
ใจกลางของเกาะทรายขาวมีทะเลน้ำเค็มอยู่ ท้องฟ้าที่จรดลงมาก็ดูเหมือนว่าจะถูกรวบรวมอยู่ที่ทะเลสาบน้ำเค็มแห่งนี้ ช่างงดงามราวกับอยู่ในม่านเมฆก็มิปาน
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวเลยหนิ!”
ซัวเฉียงกล่าว “แน่นอนอยู่แล้วขอรับ เพียงแต่ว่าการประมูลไม่ได้จัดขึ้นที่ตรงนี้”
สถานที่จัดการประมูลใต้ดินนั้นอยู่ใต้ทะเลสาบน้ำเค็มแห่งนี้
ด้านล่างมีวังหนึ่งชื่อว่าวังไป๋เหยียน วังแห่งนี้งดงามดุจดั่งอยู่ในความฝัน
ซัวเฉียงกล่าว “โรงประมูลใต้ดินที่นี่ ตำแหน่งที่นั่งจะแบ่งออกตามระดับความแข็งแกร่ง ก่อนเข้าไปต้องทำการทดสอบพลังก่อน ยิ่งพลังแข็งแกร่งมากเท่าไร ก็จะได้รับการปฏิบัติที่ดีมากเท่านั้นขอรับ”
สุดท้าย ทันทีที่พวกเขาย่างเท้าจะเข้าไปก็มีคนมาขวางทาง
“จ่ายค่าผ่านทางมาก่อนหนึ่งล้านหยกวิญญาณ ถึงจะไปทดสอบความแข็งแกร่งได้”
ซัวเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็อ้าปากค้าง นี่ยังไม่ทันได้ประมูลเลย! ค่าผ่านทางก็แพงหูฉี่เช่นนี้เลยเหรอ นี่มันเป็นการปล้นชัด ๆ!
มู่เฉียนซียื่นหยกวิญญาณให้ด้วยกิริยาท่วงท่าสบาย ๆ และเมื่อถึงด่านการทดสอบพลังความแข็งแกร่ง ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของจิ่วเยี่ย
พลังของนางเป็นเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตเท่านั้น ความแข็งแกร่งนับว่าอ่อนแอมาก หากตรวจสอบแล้วละก็ คาดว่าจะได้นั่งในตำแหน่งระดับต่ำแน่นอน
เมื่อพลังของจิ่วเยี่ยถ่ายเทเข้าไปในเครื่องทดสอบพลังนั้น เสียง ตูม! ก็ดังขึ้น เครื่องทดสอบพลังรับพลังของจิ่วเยี่ยไม่ไหวจึงพังลงในที่สุด!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น! หรือว่ามันเสียแล้ว ลองอันใหม่!”
ตูม! เครื่องทดสอบพลังพังลงอีกอัน
“มันไม่มีเหตุผลเลยนะ! ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดก็ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้?” ผู้ทดสอบพลังผู้นี้กลัดกลุ้มใจขึ้นแล้ว
เมื่อเครื่องทดสอบพลังพังลงไปสามอัน พวกเขาก็กล่าวกับจิ่วเยี่ยด้วยความเคารพว่า “นายท่าน! เชิญทางนี้ขอรับ นี่เป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงประมูลใต้ดินแห่งเกาะทรายขาวของพวกเรา เชิญนายท่านเลือกได้ตามใจเลยขอรับ”
พลังความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ยากที่จะหยั่งถึงได้ พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้เด็ดขาด
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็เลือกห้องที่คิดว่าเห็นการประมูลชัดเจนและเป็นห้องที่ดีที่สุด ซัวเฉียงรู้สึกเป็นกังวลใจมาก
ท่านหวงผู้นี้แข็งแกร่งถึงขั้นใดกันแน่ ถึงได้ทำเครื่องทดสอบพลังพังไปถึงสามอันได้เช่นนั้น
แขกเหรื่อท่านอื่น ๆ ต่างพากันเดินเข้ามาแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโรงประมูลใต้ดินแห่งเกาะทรายขาวนี้ลึกลับมาก ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย
มู่เฉียนซีเอนกายซบจิ่วเยี่ยด้วยท่าทีเบื่อหน่าย “ที่นี่ช่างลึกลับยิ่งนัก หากไม่ได้มาที่นี่ก็คงจะไม่รู้ว่ามีที่เช่นนี้อยู่ด้วย อีกอย่างก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย หากเจอของที่สามารถชะล้างคำสาปได้ดีกว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะดีไม่น้อย”
ใกล้จะครบรอบหนึ่งปีที่คำสาปจะกำเริบแล้ว จิ่วเยี่ยไม่อยากให้นางไปเสี่ยงอันตรายที่แดนนรก แต่นางก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้
มีเพียงวิธีเดียวที่นางทำได้นั่นก็คือยา ซึ่งช่วยได้เพียงเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อถึงเวลา ลำดับต่อไปก็จะเป็นการเริ่มการประมูล ของล้ำค่าที่แสนหายาก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภามากมาย ตลอดไปจนถึงสมุนไพรวิญญาณ มู่เฉียนซีแย่งประมูลมาอย่างไม่ลังเล
ซัวเฉียงเห็นมู่เฉียนซีลงมืออย่างใจกว้างฟุ่มเฟือยเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนนิ่งอึ้งไป
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะแย่งประมูลชนะผู้ประมูลมาได้ทั้งหมด ขูดรีดสมุนไพรวิญญาณมาได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน เนื่องจากมีจิ่วเยี่ยคอยช่วยอยู่นั่นเอง
คนอื่น ๆ ต่างก็สงสัยถึงสถานะตัวตนของพวกเขาแล้วเช่นกัน “ผู้ประมูลห้องหมายเลขเจ็ดนั่นก็โหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง! เสนอราคาสูงลิ่วบ้าคลั่งราวกับไม่ใช่คน สมุนไพรวิญญาณมากมายถึงเพียงนั้นประมูลไปได้ภายในชั่วพริบตาเดียว”
“นางคิดว่านางมีเงินทองมากมายราวกับเม็ดทรายในเกาะทรายขาวกระมัง ถึงได้ใช้จ่ายมือเติบเช่นนั้นได้”
“……”
ผู้ที่เข้าร่วมประมูลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเศรษฐีมีเงินทั้งสิ้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนที่ใช้จ่ายมือเติบมากกว่าพวกเขาเช่นนี้
“เฮ้อ! มาเจอคนวิปริตเช่นนี้ สมุนไพรวิญญาณที่ข้าอยากได้ก็ปลิวหายไปต่อหน้าต่อตาซะแล้ว!”
“สมุนไพรอันล้ำค่า ตอนนี้ข้าไม่กล้าคิดอยากได้แล้วล่ะ กลัวจะเจ็บปวดใจ อย่างไรเสียก็ประมูลมาไม่ได้อยู่ดี”
“……”
หลังจากการประมูลสมุนไพรวิญญาณจบสิ้นลง ของอย่างอื่นมู่เฉียนซีก็ไม่ได้สนใจแล้ว ผู้ประมูลคนอื่น ๆ ต่างก็โล่งอกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
โชคดีที่คนโหดเหี้ยมผู้นั้นสนใจแค่สมุนไพรวิญญาณ ของล้ำค่าอย่างอื่น พวกเขายังมีโอกาสประมูลมาได้บ้าง
เมื่อการประมูลมาถึงช่วงสุดท้าย มู่เฉียนซีก็ซบอกจิ่วเยี่ยนอนพักไปครู่หนึ่ง และในตอนนี้เองพิธีกรก็ประกาศขึ้นว่า “คราวนี้ เราจะมาประมูลของชิ้นสุดท้ายในการประมูลครั้งนี้กัน นี่คือของประมูลชิ้นพิเศษที่สุด”