ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1446 รู้สึกสนิทสนม
หมอกควันเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีรู้ว่ากำลังจะถึงเกาะเมฆาแล้ว
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ มันเป็นเกาะที่ถูกปกคลุมและห้อมล้อมไปด้วยเมฆหมอก ดูแล้วดุจดั่งเกาะกลางเวหาที่ลอยตัวอยู่เหนือท้องทะเลอย่างไรอย่างนั้น
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่ใหญ่มาก พื้นที่กว้างใหญ่เทียบเท่ากับเซี่ยโจวเลยก็ว่าได้
แผ่นดินที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลแต่กลับไม่มีผู้ใดค้นพบ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
ทันทีที่เรือเทียบท่าก็มีคนมารอต้อนรับ
ผู้คนมากมายมารอต้อนรับกันแน่นขนัด
ลั่วอี้โจวอุ้มลั่วเหมี่ยวเดินลงมาจากเรือลำใหญ่ลำนี้
“ยินดีต้อนรับท่านหัวหน้าเกาะกลับเกาะขอรับ!”
“ยินดีต้อนรับการกลับมาของท่านหัวหน้าเกาะขอรับ!”
“……”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อกลับมาแล้ว” ในตอนนี้เองน้ำเสียงอันสดใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
เจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเลผู้หนึ่ง ดู ๆ แล้วอายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบปี
เดิมทีหญิงสาวผู้นี้ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าท่านพ่อของตนเองกลับมา แต่เมื่อได้เห็นท่านพ่ออุ้มเด็กน้อยผู้หนึ่ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสนั้นของนางก็พลันดุร้ายขึ้น
“ท่านพ่อ นี่…นี่ท่านพ่อออกไปจากเกาะเมฆาก็เพื่อไปตามหาเจ้าเด็กป่าเถื่อนผู้นี้น่ะเหรอเจ้าคะ! เจ้าเด็กป่าเถื่อนนี่ถูกขายไปในสถานที่เช่นนั้นแล้ว เกรงว่าคงจะถูก…”
ลั่วซินยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกลั่วอี้โจวดุด่าขึ้นเสียก่อน “ซินเอ๋อร์ หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“ท่านพ่อ เพื่อนาง ท่านพ่อถึงกับต้องดุด่าข้า!” ลั่วซินกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า
พาลั่วเหมี่ยวกลับมาคนเดียวยังไม่พอ นางนึกไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อของนางจะพาหญิงสาวผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าผู้หนึ่งมาอีกด้วย
เดิมที นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเกาะเมฆา แต่เมื่อหญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้นางดูเป็นคนรูปร่างหน้าตาธรรมดาไปเสียอย่างนั้น
“นางเป็นใคร นางไม่ใช่คนในเกาะเมฆาหนิ! ท่านพ่อ นึกไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อจะพาคนนอกเข้ามาในเกาะเมฆาของพวกเรา”
ทันทีที่ลั่วซินตะโกนออกมาเช่นนี้ คนจำนวนมากต่างก็สังเกตเห็นมู่เฉียนซีและต่างจ้องมองไปที่นาง
เกาะเมฆาของพวกเขา คนนอกจะย่างกรายเข้ามาไม่ได้
“ท่านหัวหน้าเกาะ แม่นางน้อยผู้นี้…”
“ท่านหัวหน้าเกาะ เพื่อแม่นางน้อยผู้นี้ผู้เดียว ท่านถึงกับต้องทำผิดกฎอย่างนั้นเลยเหรอขอรับ!”
“……”
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าว “แม่นางมู่เป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจคนหนึ่ง เหมี่ยวเอ๋อร์ชื่นชอบนางมาก ฉะนั้น นับจากนี้เป็นต้นไป แม่นางมู่จะเป็นนักปรุงยาส่วนตัวของเหมี่ยวเอ๋อร์ ดูแลเหมี่ยวเอ๋อร์ และนับว่านางก็เป็นคนของเกาะเมฆาด้วย ทุกคนต้องเคารพนาง”
“ที่แท้ก็เป็นนักปรุงยานี่เอง!”
“แม่นางน้อยอายุยังน้อยเช่นนี้ แต่กลับเป็นนักปรุงยาที่สามารถทำให้ท่านหัวหน้าเกาะชื่นชมได้ ต้องมีพรสวรรค์เป็นเลิศแน่นอน”
“……”
ไม่ว่าจะเป็นดินแดนสี่ทิศหรือจะเป็นดินแดนอื่น ๆ ตราบใดที่มีผู้คนอาศัยอยู่ และตราบใดที่มีผู้บำเพ็ญตน แน่นอนว่าที่แห่งนั้นต้องพึ่งพาอาศัยยาลูกลอนอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นนักปรุงยาในเกาะแห่งหนึ่ง แต่สถานะตำแหน่งนั้นก็สูงมากทีเดียว
หัวหน้าเกาะลั่วรักและตามใจลั่วเหมี่ยวมากถึงเพียงนี้ ทำให้ลั่วซินอิจฉาริษยาลั่วเหมี่ยวจนแทบอยากจะกินเลือดกินเนื้อลั่วเหมี่ยวแล้ว
สีหน้าท่าทางและสายตาการจ้องมองที่ปองร้ายนั้นทำให้ลั่วเหมี่ยวรู้สึกหวาดกลัว นางเอามือจับลั่วอี้โจวแน่น พลางกล่าว “ท่านพ่อ เรากลับบ้านกันดีหรือไม่เจ้าคะ?”
ลั่วอี้โจวกล่าว “เหมี่ยวเอ๋อร์ ที่นี่คือบ้านของเจ้า ไม่รู้ว่าผู้ใดมันกล้าลักพาตัวเจ้าไป พ่อไม่วางใจ ต่อไปนี้เจ้าก็อยู่ที่เกาะหัวหน้าเกาะของพ่อนี่แหละนะ”
“แต่ว่า แต่ว่าข้า…” สายตาของคนเหล่านี้ที่จ้องมองนางมา ทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ต้องกลัว มีพ่ออยู่ทั้งคน! เดี๋ยวเจ้าก็ชินเองนะ”
สุดท้ายลั่วเหมี่ยวก็ไม่ได้กล่าวอันใดต่อ จึงลงหลักปักฐานอยู่ที่เกาะเมฆาตามที่ลั่วอี้โจวได้จัดเตรียมเอาไว้ให้
ลั่วอี้โจวได้จัดเตรียมที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลั่วเหมี่ยวภายในวังของหัวหน้าเกาะ ลั่วซินรู้เช่นนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลงมือตบตีสาวรับใช้
สถานที่ที่ผิดแปลกเช่นนี้ทำให้ลั่วเหมี่ยวรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ มู่เฉียนซีอยู่คุยเป็นเพื่อนนาง มู่เฉียนซีจึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาลั่วเหมี่ยวได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากเกาะเมฆาแห่งนี้เล็กน้อย
ที่เกาะแห่งนั้น นอกจากหัวหน้าเกาะลั่วกับนักปรุงยาที่เขาส่งไปให้รักษาอาการของลั่วเหมี่ยวแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเคยย่างกรายไปที่แห่งนั้นเลย
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบใจนางว่า “เสี่ยวเหมี่ยว ไม่ต้องคิดมากนะ อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะชินเอง”
หลังจากที่ปลอบใจลั่วเหมี่ยวแล้ว มู่เฉียนซีก็จะฝึกบำเพ็ญ พลังวิญญาณในเกาะเมฆาแห่งนี้เข้มข้นมาก เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า นางยังไม่ทันได้เก็บตัวฝึกบำเพ็ญ ความวุ่นวายก็มาเยือนนางถึงที่
ลั่วซินจ้องมองไปที่นางด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นนักปรุงยาหรือจะเป็นคนโปรดของท่านพ่อ ทางที่ดี เจ้ารีบไสหัวออกไปจากเกาะเมฆาเดี๋ยวนี้ เกาะเมฆาของข้าไม่ต้อนรับเจ้าแม้แต่น้อย”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หากคุณหนูลั่วอยากให้ข้าออกไปจากเกาะเมฆา ก็ไปบอกท่านหัวหน้าเกาะเอาเอง เพราะเพียงแค่คำพูดของเจ้า มันไร้ประโยชน์!”
“นี่เจ้ากล้าดูถูกข้าเหรอ ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไปจากที่นี่ เจ้าก็ต้องไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!” ลั่วซินกล่าวด้วยความเกรี้ยวโกรธ
จากนั้น นางก็ลงมือโจมตีมู่เฉียนซีทันที
อายุยังน้อย แต่กลับมีพลังความแข็งแกร่งถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดแล้ว หากอยู่ในดินแดนสี่ทิศ เกรงว่าจะได้เป็นอัจฉริยะอันดับสามไปแล้ว
ทว่า ความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาของมู่เฉียนซีอยู่แล้ว
และจู่ ๆ ลั่วซินก็รู้สึกตาลายขึ้น นางไม่เห็นคนผู้นั้นที่นางจะโจมตีแล้ว
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นที่บริเวณหน้าท้อง และร่างของนางก็กระเด็นลอยไป!
ตุบ! ร่างของลั่วซินร่วงตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง จนพื้นดินเกิดเป็นหลุมลึกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ขึ้น
พรวด! เลือดสีแดงสดคำโตถูกกระอักออกมา ก่อนที่ลั่วซินจะมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสีหน้าท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
นี่นาง เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังของหญิงต่างถิ่นผู้นี้อยู่เพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเท่านั้น แต่กลับ…แต่กลับเอาชนะนางได้ภายในกระบวนท่าเดียว
“เจ้า…นี่เจ้าปิดบังพลังอย่างนั้นเหรอ!”
“เจ้าจงใจปิดบังพลังที่แท้จริง ที่เจ้ามาที่เกาะเมฆาก็เพราะเจ้ามีแผนชั่วใช่หรือไม่ เจ้าต้องละโมบโลภมากอยากได้ของล้ำค่าในเกาะเมฆาของข้าเป็นแน่”
มู่เฉียนซีก้มมองลั่วซินและกล่าวว่า “ปิดบังพลังที่แท้จริง? อยากได้ของล้ำค่าในเกาะเมฆา? นี่คุณหนูลั่ว เจ้าก็ช่างคิดจริง ๆ เลยนะ เช่นนั้นเจ้าก็เอาความคิดนี้ของเจ้าไปบอกหัวหน้าเกาะลั่วสิ ให้เขาไล่ข้าออกไปจากเกาะนี้!”
“เจ้าอย่าได้ลำพองใจให้มากเกินนักเลย!”
“เจ้าเป็นคุณหนูของเจ้าไปเถอะ อย่ามารบกวนข้า แล้วก็ห้ามมารังแกเสี่ยวเหมี่ยวเด็ดขาด” มู่เฉียนซีกล่าวเตือน
“เจ้าเด็กป่าเถื่อนบัดซบนั่น ไม่รู้ว่าเป็นลูกของท่านพ่อกับสาวป่าเถื่อนที่ไหน เป็นแค่เด็กป่าเถื่อนคนหนึ่ง มีสิทธิ์อันใดมาได้รับความรักความห่วงใยจากท่านพ่อ พวกเจ้าคอยดูก็แล้วกัน ข้าจะไม่มีวันยอมให้พวกเจ้าได้อยู่เป็นสุขแน่”
แม้ว่าลั่วซินจะเป็นคนอวดดี กำเริบเสิบสาน และมีจิตใจอิจฉาริษยาอันแรงกล้า แต่นางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียน เมื่อกล่าวคำพูดนี้จบ นางก็รีบเผ่นหนีไปทันที
หลังจากที่จัดการกับแมลงหวี่แมลงวันผู้นี้สำเร็จ มู่เฉียนซีก็ไปฝึกบำเพ็ญทันที
พลังวิญญาณในแห่งนี้เข้มข้นมาก…มากจนมู่เฉียนซีสงสัยแล้วว่าที่นี่จะไม่ใช่ดินแดนสี่ทิศ พลังวิญญาณของนางตอนนี้เข้าใกล้ขั้นมหาจักรพรรดิไม่ไกลแล้ว
หลังจากที่มู่เฉียนซีออกจากการฝึกบำเพ็ญ นางก็เห็นว่าสีหน้าของลั่วเหมี่ยวหดหู่เล็กน้อย
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวมู่ เมื่อครู่พี่สาวมู่ฝึกบำเพ็ญเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม! เสี่ยวเหมี่ยวอยากฝึกบำเพ็ญด้วยเหรอ?”
“ข้าก็อยากฝึกบำเพ็ญด้วย! แต่เหมี่ยวเอ๋อร์ไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้ตั้งแต่เกิดแล้ว”
“ไหน ให้ข้าดูหน่อย!”
ครั้งนี้มู่เฉียนซีตรวจดูร่างกายของลั่วเหมี่ยวอย่างจริงจัง “ร่างที่เกิดมาจากวิญญาณไม้ แต่กลับไม่อาจฝึกบำเพ็ญได้ เพราะรากฐานไม่เพียงพอ”
“ไม่ใช่สิ ร่างวิญญาณไม้นี้ผิดปกติเล็กน้อย!”
มู่เฉียนซีรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่นางในตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าปัญหามันอยู่ที่ใดกันแน่
นางพึมพำเสียงเบากับตัวเองว่า หากเป็นเจ้านิรันดร์ก็คงจะมองออกเพียงแวบเดียว นี่ข้ายังอ่อนหัดนัก!
เพียงแต่ว่า หากเจ้านิรันดร์ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าตาเสี่ยวเหมี่ยวงดงามเช่นนี้ คาดว่าเจ้านั่นต้องคิดชั่วเป็นแน่
มู่เฉียนซีเอามือลูบหัวลั่วเหมี่ยวเบา ๆ พลางกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว ข้าจะปรุงยาปรับสมดุลร่างกายให้เจ้า รอให้รากฐานร่างกายของเจ้ามั่นคงและเพียงพอเมื่อใด เจ้าก็จะฝึกบำเพ็ญได้”
เห็นนางลั่วเหมี่ยวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับสุ่ยจิงอิ๋งมากถึงเพียงนี้ มู่เฉียนซีก็รู้สึกสนิทสนมกับนางเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะยุ่งยากไปสักหน่อย แต่นางก็ยินดีที่จะทำ