ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1450 ที่แห่งนี้คือแดนแห่งความตาย
“แม่นางมู่ คุณหนูน้อย ดินแดนเทพทะเลเมฆากำลังจะเปิดแล้ว ท่านหัวหน้าเกาะให้มาตามเจ้าค่ะ!” ในตอนนี้เอง สาวใช้คนหนึ่งรีบเข้ามารายงาน
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว!”
“เสี่ยวเหมี่ยว เราไปกันเถอะ!”
“พวกเจ้ามากันแล้ว!” เมื่อเห็นพวกนางมากันแล้ว หัวหน้าเกาะลั่วก็ยิ้มพลางกล่าวขึ้น
เขามองไปที่ลั่วเหมี่ยวด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกันนั้นเขายังเอาสร้อยคอสีเงินเส้นหนึ่งออกมาและสวมให้กับลั่วเหมี่ยวพลางกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามถอดสร้อยคอเส้นนี้เป็นอันขาด”
เขายังไม่วางใจมู่เฉียนซีอยู่ดี แม้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและเก่งกาจมาก แต่ ดินแดนเทพทะเลเมฆาก็ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาทั่วไป
เขาจะวางใจให้บุตรสาวผู้เป็นที่รักของเขาอยู่ในมือนางได้อย่างไรกันล่ะ!
“ตามข้ามาเถอะ!”
คนอื่น ๆ ต่างก็มากันพร้อมแล้ว
คนอื่นอีกสิบแปดคนล้วนแต่กล่าวตำหนิมู่เฉียนซีกับลั่วเหมี่ยวอยู่ในใจ
คนหนึ่งก็เป็นคนนอก อีกคนก็ไร้ความสามารถไม่อาจฝึกบำเพ็ญได้ แต่กลับได้รับความรักความเอาใจใส่จากท่านหัวหน้าเกาะ
พลันนั้นเหล่าบรรดาผู้อาวุโสแห่งเกาะเมฆาก็ได้ทำการเปิดประตูโบราณบานนี้ขึ้น
หัวหน้าเกาะลั่วกล่าว “แม้ว่าโอกาสจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่จำเอาไว้ว่าต้องรักษาชีวิตตัวเองด้วย! ไปเถอะ!”
ทุกคนพยักหน้าตอบรับเบา ๆ จากนั้นต่างก็พากันเดินเข้าไป!
ทันทีที่พวกเขาเข้าไป ก็ถูกปุยหมอกสีขาวปกคลุมขึ้น มู่เฉียนซีกล่าว “ที่นี่ก็คือ ดินแดนเทพทะเลเมฆา!”
ลั่วซินจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาดุร้ายพลางกล่าว “มู่เฉียนซี รอให้ข้าได้พลังเทพจากดินแดนเทพทะเลเมฆามาก่อนเถอะ เจ้าจะต้องตายแน่! เจ้าอย่าได้พาเจ้าเด็กตัวถ่วงนี่ตายเร็วไปก่อนก็แล้วกัน”
ลั่วชิงเองก็จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยเช่นกัน จากนั้นก็กล่าวว่า “คอยดูก็แล้วกัน ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นดีแน่!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณชายลั่ว อยากตายเหรอ!”
“แล้วเจ้าจะต้องเสียใจทีหลังแน่นอน!”
ลั่วชิงกล่าวคำพูดนี้จบก็จูงมือลั่วซินเดินไปทันที
พวกเขาทั้งสองรู้ดีอยู่แก่ใจดีว่าตอนนี้พวกเขายังทำอะไรหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงแค่อดทนไปก่อนเท่านั้น ทว่า ในที่แห่งนี้มีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น รอให้พวกเขาออกไปก่อนเถอะ จากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมู่เฉียนซีอีกต่อไปแล้ว
มู่เฉียนซีผู้น่าสงสาร ต้องพาเด็กตัวถ่วงนี้มาด้วย แม้แต่วิธีการฝึกฝนฝึกบำเพ็ญในนี้ ท่านพ่อก็ไม่ได้บอกอะไรนางเลย!
คนอื่น ๆ ต่างจับคู่และแยกย้ายเดินไป มู่เฉียนซีจูงมือลั่วเหมี่ยวพลางกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว เราไปกันเถอะ!”
ภายในม่านหมอกขาวนี้ ไม่สามารถดูออกเลยว่าทิศไหนคือเหนือใต้ออกตก มู่เฉียนซีแผ่ซ่านพลังจิตออกไป อาศัยสัญชาตญาณของตัวเองเดินจูงมือลั่วเหมี่ยวเดินไป
อ๊า! ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ลั่วเหมี่ยวก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ
ตรงหน้ามีร่างโปร่งประหนึ่งเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่ ลั่วเหมี่ยวกล่าวด้วยความประหม่าว่า “พี่สาวมู่ นะ…นั่น นั่นใช่ผีหรือไม่!”
มู่เฉียนซีดึงลั่วเหมี่ยวเข้ามาใกล้พลางกล่าวว่า “เป็นแค่ร่างวิญญาณเท่านั้น ไม่ต้องกลัว! มีข้าอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำร้ายเจ้าหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซี ลั่วเหมี่ยวก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวมากถึงเพียงนั้นแล้ว
มู่เฉียนซีแผ่ซ่านพลังจิตอันแกร่งกล้าออกมาอย่างล้นหลาม แม้แต่วิญญาณเหล่านี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาทั้งสอง
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าตัวเองเดินอยู่นานมากเท่าไรแล้ว แต่ในที่สุดทั้งสองก็เดินออกมาจากม่านหมอกขาวนั้นได้แล้ว
เมื่อนางมองไปเบื้องหน้า สถานที่ที่นางได้เห็นนั้นประดุจแดนเซียนก็มิปาน
ลั่วเหมี่ยวยิ้มพลางกล่าวว่า “พี่สาวมู่ ที่นี่ช่างงดงามยิ่งนัก! งดงามกว่าเกาะเล็ก ๆ ที่ข้าเคยอยู่มาก”
ทว่า สถานที่ที่ดุจดั่งแดนเซียนที่ว่านี้ กลับมีเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หึ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสาวน้อยสองคน! วิญญาณของพวกเจ้าช่างหอมหวานเสียจริง มันช่างยั่วยวนใจข้ายิ่งนัก!”
เจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือวิญญาณสีเทาดวงหนึ่ง เขาไม่เหมือนกับวิญญาณโปร่งใสเหล่านั้น เขามีความรู้สึกมีจิตสำนึกของตัวเอง
“ข้าอยากกินพวกเจ้าจริง ๆ…”
เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ ลั่วเหมี่ยวก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “วิญญาณเช่นเจ้า ตายไปหลายร้อยปีแล้ว ยังคิดฝันกลางวันอยู่อีกเหรอ!”
พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา ภายในชั่วพริบตาเดียววิญญาณสีเทาดวงนี้ก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนขึ้นมา
พลันนั้นพลัง ๆ หนึ่งก็กดลงไปที่ลำคอของวิญญาณสีเทาเอาไว้ ทำให้เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้อีก
“อย่ากลืนกินข้า อย่ากลืนกินข้าเลย ข้ารู้ผิดแล้ว!”
วิญญาณสีเทาที่เรียกแทนตัวเองว่า เสี่ยวฮุย เริ่มคิดเสียใจขึ้นมาแล้วที่ทำเช่นนั้นลงไป! สาวน้อยสองคนนี้ยังอายุน้อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพลังจิตจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เหตุใด ดินแดนเทพทะเลเมฆาแห่งนี้ถึงได้มีวิญญาณมากมายถึงเพียงนี้!”
“ดินแดนเทพ! ฮ่า ๆ ๆ! อ้อ ข้านึกออกแล้ว พวกเจ้าเรียกที่นี่ว่าดินแดนเทพ!” จู่ ๆ เสียงหัวเราะประหลาด ๆ ก็ดังขึ้น
“มนุษย์ผู้น่าสงสาร ที่แห่งนี้ไม่ใช่ดินแดนเทพอะไรนั่นอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ แต่ความจริงแล้วมันคือดินแดนแห่งความตายต่างหากล่ะ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดวงวิญญาณมากมายอย่างที่เจ้าคิดไม่ถึงเลยล่ะ”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “เหตุใดถึงไม่เหมือนกับที่ท่านพ่อบอกเอาไว้เลยล่ะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ข้าเริ่มมีความรู้สึก มีจิตใต้สำนึกขึ้นมา มันก็เป็นเช่นนี้แล้ว”
เสี่ยวฮุยอยู่ที่นี่ และเป็นวิญญาณที่มีจิตใต้สำนึก ดีกว่าวิญญาณว่างเปล่าที่ไร้จิตใต้สำนึกและความรู้สึกเหล่านั้นเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “แล้วที่แห่งนี้มีของล้ำค่าอันใดเหรอ?”
“ของล้ำค่า ของล้ำค่าอันใดกัน?”
“ที่นี่คงจะมีสมุนไพรวิเศษไม่น้อยกระมัง! หากเจ้าทำให้ข้าพอใจได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป มิเช่นนั้นแล้วละก็!”
“ที่นี่มีเยอะมากมายแน่นอน เพียงแต่เหล่าวิญญาณอย่างพวกข้าใช้ประโยชน์จากของเหล่านั้นไม่ได้ หากท่านสนใจก็ตามข้ามาเถอะ!”
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ที่แห่งนี้มีของล้ำค่าไม่น้อยเลย!
สมุนไพรวิญญาณหมื่นปีมากมายจนตาลาย มีคนคอยนำทาง มู่เฉียนซีก็เริ่มเก็บมันอย่างไร้ความเกรงใจ
ถึงแม้ว่าลั่วเหมี่ยวจะไม่สามารถต่อสู้ได้ แต่นางก็ช่วยมู่เฉียนซีเก็บสมุนไพรวิญญาณได้ อายุยังน้อยแต่กลับมีความจำดีเลิศ และนางก็จำชื่อสมุนไพรวิญญาณได้ไม่น้อยเลย
และแน่นอนว่าทุกอย่างมันไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด!
“เจ้า เจอสาวน้อยสองคนนี้แล้ว แต่กลับไม่เรียกพวกข้ามาเสวยสุขด้วย!”
“เจ้าคิดจะกินคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“……”
วิญญาณสีเทาหลายดวงย่างกรายลอยล่องเข้ามา สีของวิญญาณเหล่านี้เข้มกว่าวิญญาณก่อนหน้านี้มาก พลังก็แข็งแกร่งกว่ามาก!
เจ้าวิญญาณน่าเกลียดเหล่านี้โผล่มาอีกแล้ว ลั่วเหมี่ยวรีบไปหลบอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซีทันที
“นายท่าน!” เสี่ยวฮุยก็หลบอยู่หลังมู่เฉียนซีเฉกเช่นเดียวกับลั่วเหมี่ยว
“ฮ่า ๆ ๆ! นายท่าน! นี่เจ้าเรียกเจ้ามนุษย์สาวไร้ประโยชน์ผู้นี้ว่านายท่านอย่างนั้นเหรอ เจ้ามันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง!”
“สวะไร้ประโยชน์!”
“ลงมือ! กลืนกินวิญญาณเด็กสองคนนี้ซะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เกะกะขวางตาเสียจริงเลย!”
นางที่กำลังเร่งรีบเก็บสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้อยู่ เมื่อเหล่าวิญญาณพวกนี้เข้ามาขวาง นางย่อมไม่พอใจแน่นอน!
เมื่อนางไม่พอใจ วิญญาณเหล่านี้ก็ถึงคราวซวยเข้าแล้ว!
พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา ชั่วพริบตาเดียวดวงจิตของวิญญาณเหล่านี้แทบจะดับสลายลง!
พระเจ้าช่วย! เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าดูบอบบางและอ่อนแอยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีแผ่ซ่านพลังจิตอันแข็งแกร่งออกมาอีกครั้ง ต้องการจะทำลายดวงจิตของวิญญาณเหล่านี้ให้ดับสูญไปจนสิ้น
แต่ในตอนนี้เอง เสี่ยวฮุยก็ได้กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ช้าก่อน!”
มู่เฉียนซีหยุดชะงัก “มีอันใด เจ้าอยากขอร้องอ้อนวอนแทนสหายของเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
เสี่ยวฮุยกล่าว “นายท่าน ข้าจะขอร้องอ้อนวอนแทนพวกเขาได้อย่างไรกันล่ะ เพียงแต่ว่า หากนายท่านฆ่าพวกเขาไปมันจะเป็นการเสียของเปล่า ๆ อย่างไรเสียพวกเขาก็มีพลังนะขอรับ!”
“เสียของ?”
“มนุษย์อย่างพวกท่านเข้ามาในนี้ก็เพื่อกลืนกินวิญญาณของพวกเราเพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่งไม่ใช่หรอกเหรอ?”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้นเล็กน้อย มิน่าล่ะว่าเหตุใดลั่วซินกับลั่วชิงถึงได้มั่นใจมากว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านาง ที่แท้ก็เข้ามาเพื่อสิ่งนี้นี่เอง!
เรื่องเหล่านี้หัวหน้าเกาะลั่วไม่เคยพูดถึงมาก่อนเลย คาดว่าคงจะกลัวพลังของนางจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมและจะควบคุมยากกระมัง!
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!
.