ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1452 จะฆ่าพวกเขา
ใบหน้าของลั่วซินและลั่วชิงแย่ลงมาก มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าเพิ่งจะฝึกบำเพ็ญไปเดือนเดียวก็คิดอยากจะเอาชนะข้า พวกเจ้าสองพี่น้องนี่ช่างคิดเพ้อเจ้อเสียจริง”
“เจ้าว่า วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์หรือจะฆ่าพวกเจ้าดีล่ะ?”
ลั่วซินกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ากล้าเหรอ ท่านพ่อไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าว่า หากพวกเจ้าตายอยู่ที่นี่ แล้วใครจะรู้ล่ะว่าข้าเป็นคนทำ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือดลง ลั่วชิงกัดฟันกรอดกล่าวว่า “ซินเอ๋อร์ เราไปกันเถอะ!”
พลันนั้นร่างของทั้งสองก็พุ่งออกไป
มู่เฉียนซีกล่าว “คิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ!”
อู๋ตี้ที่อยู่ในอ้อมกอดของลั่วเหมี่ยวตอนนี้พลันกลายร่างใหญ่ขึ้น และให้ลั่วเหมี่ยวนั่งอยู่บนหลัง จากนั้นก็ไล่ตามมู่เฉียนซีไป
ลั่วซินและลั่วชิงพยายามหนีอย่างสุดชีวิต ดวงตาของพวกเขาเผยความโหดร้ายออกมา จากนั้นก็ล่อมู่เฉียนซีเข้าไปในสถานที่ที่มืดสนิท ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะอันตรธานหายไป!
พวกเขาเป็นคนของเกาะเมฆา ย่อมคุ้นเคยกับดินแดนเทพทะเลเมฆาแห่งนี้แน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะเข้ามาในสถานที่ที่ย่ำแย่แห่งหนึ่งแล้ว
“พี่สาวมู่!” บริเวณโดยรอบล้วนแต่มืดสนิท ลั่วเหมี่ยวตะโกนเรียกมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีอยู่ด้านหน้าลั่วเหมี่ยว และรู้สึกได้ถึงพลังจิตอันแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวมากปกคลุมเข้ามา
ที่แห่งนี้เป็นแหล่งซ่องสุมอันดำมืดของเหล่าวิญญาณ ลั่วซินและลั่วชิงล่อนางเข้ามาในนี้ คาดว่าคงอยากให้วิญญาณเหล่านี้จัดการกับนางเป็นแน่
ทว่า พวกเขาสองคนช่างประเมินมู่เฉียนซีต่ำเกินไปเสียจริง
วิญญาณที่อยู่ในแหล่งซ่องสุมนี้แข็งแกร่งมาก และมีจำนวนเยอะมากอีกด้วย แต่พลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ปกป้องเสี่ยวเหมี่ยวให้ดี!”
มู่เฉียนซีเรียกเสี่ยวหงที่นอนหลับอยู่ในมิติออกมาแล้ว มีพวกมันสองคนคอยปกป้องเสี่ยวเหมี่ยวอยู่เช่นนี้ มู่เฉียนซีก็วางใจและพร้อมจะจัดการกับศัตรูตรงหน้าได้อย่างวางใจ
ตูม!
มู่เฉียนซีแผ่ซ่านพลังจิตออกมาจัดการกับเหล่าวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้ จากนั้นกลืนกินมัน!
เดิมทีพวกเขาคิดจะทำให้พลังจิตของมู่เฉียนซีหมดไป แต่มันช่างน่าแปลกยิ่งนัก เพราะดูเหมือนว่าพลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นใช้อย่างไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะหมดเลย อีกทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย
“สาวน้อยผู้นี้ช่างวิปริตยิ่งนัก!”
“จะทำเช่นไรดี จำนวนเหล่าวิญญาณของพวกเรายิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว รับมือกับนางไม่ได้เลย!”
“ทำให้นางสูญเสียพลังจิตต่อไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพลังจิตของนางจะไม่มีวันหมด!”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฝ่ายที่สูญเสียอย่างหนักก็คือฝ่ายของเหล่าวิญญาณในแหล่งซ่องสุมนี้นั่นเอง
การได้พบกับสาวน้อยวิปริตเช่นนี้ นับว่าเป็นความซวยอันใหญ่หลวงของพวกเขาแล้ว
ใช้เวลาประมาณสามวัน เดิมทีแหล่งซ่องสุมแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณร้าย ตอนนี้ก็หลงเหลือวิญญาณอยู่เพียงแค่กะปริบกะปรอยแล้วเท่านั้น
พวกมันต้องการหนีไปจากแหล่งซ่องสุมนี้ แต่ก็ไร้หนทางให้หนี
ทำได้เพียงแค่รอความตายเท่านั้น!
และเมื่อกลืนกินวิญญาณในแหล่งซ่องสุมนี้จนหมดสิ้น มู่เฉียนซีก็พบว่าพลังจิตของนางเพิ่มขึ้นมามากทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าว “เรียบร้อยแล้ว เราไปกันเถอะ!”
แหล่งซ่องสุมอันดำมืดแห่งนี้ ทางออกมันอยู่ที่ใดกัน?
และเมื่อหาทางออกเจอ ทันทีที่พวกนางทั้งสองเดินออกมาก็พบกับสถานที่แห่งหนึ่งที่เย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็รับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้ช่างแตกต่างไปจากชั้นสองก่อนหน้านี้มาก
ลั่วเหมี่ยวกระพริบตาปริบ ๆ พลางกล่าว “พี่สาวมู่ ขะ ข้า ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มาก”
หนาวเหน็บ มืดมิด…นึกไม่ถึงเลยว่าสถานที่เช่นนี้ลั่วเหมี่ยวจะเกิดความรู้สึกคุ้นเคย สิ่งนี้กลับทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจมาก
“ระวังตัวด้วย!”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด หลังจากสิ้นเสียงของบางอย่างพุ่งตัดผ่านอากาศเข้ามา เงาร่างร่างหนึ่งพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
มันไม่ใช่เงาโปร่งแสง และไม่ใช่วิญญาณสีเทา แต่เป็นเสมือนร่างมนุษย์คนหนึ่งเลย
ทว่า ดวงตาที่ดูว่างเปล่าคู่นั้นทำให้มู่เฉียนซีรู้ว่านี่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น
ขวับ! มู่เฉียนซีหลบหลีก วิญญาณดวงนี้แลบลิ้นเลียปากก่อนจะกล่าวออกมาว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางน้อยผู้น่ารักทั้งสองจะมาถึงชั้นสามจนได้ มันช่างเกินความคาดหมายของข้าจริง ๆ!”
“แต่ก็ต้องตกเป็นอาหารของข้าอยู่ดี”
ภายนอกดูเหมือนมนุษย์มากจริง ๆ แต่พลังนั้นกลับแข็งแกร่งกว่า
แต่โชคดีที่มีเพียงแค่ตัวเพรียว สามารถรับมือได้
สำหรับการใช้พลังจิตโจมตีนั้น หลังจากผ่านการเข่นฆ่าและการห้อมล้อมโจมตีมาหลายต่อหลายครั้ง มู่เฉียนซีก็คุ้นเคยกับการใช้พลังจิตโจมตีแล้ว
“สาวน้อย ฝีมือเจ้าไม่ธรรมดาเอาซะเลย! พลังจิตแข็งแกร่งยิ่งนัก!” เขากล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“รนหาที่ตาย!”
ในตอนแรก ๆ ลั่วเหมี่ยวรู้สึกเป็นกังวลมาก แต่ต่อมานางก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นแล้ว
นางคิดว่าพี่สาวมู่เก่งกาจที่สุด ไม่พ่ายแพ้แน่นอน!
ตูม! เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด การโจมตีของมู่เฉียนซีดุจดั่งอัสนีฟาด โจมตีวิญญาณนี้จนแตกสลายไป!
อ๊า! วิญญาณนี้ส่งเสียงร้องโหยหวนสุดท้ายออกมา ก่อนจะถูกมู่เฉียนซีกลืนกินวิญญาณลงไปในที่สุด
ที่นี่คือชั้นสาม จู่ ๆ ก็เข้ามาสู่ชั้นที่สามโดยไม่รู้ตัว!
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว เรารีบไปกันเถอะ!”
การเคลื่อนไหวในการโจมตีเมื่อครู่คงจะดึงดูดเหล่าวิญญาณอื่น ๆ มาไม่น้อยแน่นอน ดังนั้นจึงต้องรีบไป
ตรงนี้ไม่มีสมุนไพรวิญญาณ เป็นสถานที่ที่เงียบสงัดแห่งหนึ่ง ยิ่งเดินลึกเข้าไปลั่วเหมี่ยวก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่มาก
“พี่สาวมู่ ข้ารู้สึกคุ้นเคยที่นี่มากจริง ๆ แต่ว่าข้าคิดไม่ออก”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นเสี่ยวเหมี่ยวก็ค่อย ๆ คิด พยายามคิดให้ละเอียดอีกที!”
หรือว่าเสี่ยวเหมี่ยวมีความเกี่ยวข้องอันใดกับดินแดนแห่งความตายนี้ หัวหน้าเกาะลั่วจึงให้นางมาที่นี่โดยที่ไม่สนใจเลยว่านางจะเป็นอันตราย
มู่เฉียนซีกับลั่วเหมี่ยวเดินอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยสัญชาตญาณ และวิญญาณที่ย่างกรายเข้ามาเกะกะขวางหูขวางตานาง ก็ถูกกำจัดไปจนสิ้น
ฟึ่บ! เสียงพุ่งตัดผ่านอากาศเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังมู่เฉียนซี นางจับคมศรดอกนั้นเอาไว้ได้และขว้างมันกลับไป
“ลั่วซิน ผ่านมาอีกครึ่งเดือน พวกเจ้าก็ยังไม่เปลี่ยน ลอบกัดเหมือนเดิม”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกไป เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น และร่างที่หลบซ่อนอยู่ในมุมร่างนั้นก็ไม่สามารถแอบซ่อนได้อีกต่อไป
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “สี่คน ที่แท้พวกเจ้าก็ไปหาผู้ช่วยนี่เอง!”
ลั่วซินกล่าว “ขอเพียงแค่ร่วมมือกันฆ่ามู่เฉียนซีได้ ต่อไปข้าจะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี!”
กล่าวจบ พวกเขาก็พุ่งไปที่มู่เฉียนซีทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ คุ้มกันเสี่ยวเหมี่ยวให้ดี เสี่ยวหง จัดการ!”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งทะยานออกไป พวกเขาอุทานออกมาด้วยความตกใจว่า “นี่มัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!”
“หญิงสาวผู้นี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกครอบครองด้วยเหรอ!”
เสี่ยวหงขวางผู้ช่วยสองคนนั้นของลั่วซินเอาไว้ มันมีกำลังเหลือเฟือที่จะรับมือกับคนสองคนนี้ ส่วนมู่เฉียนซีตอนนี้พุ่งไปที่ลั่วซินกับลั่วชิงแล้ว
“ครั้งแรกได้พ่ายแพ้ไปแล้ว พวกเจ้าก็ควรจะรู้ได้แล้วว่าไม่ควรมายั่วยุข้า! ครั้งที่สอง พวกเจ้าหนีไป เช่นนั้นพวกเจ้าก็ควรจะรู้จักรักและเสียดายชีวิตน้อย ๆ ของพวกเจ้าบ้าง นี่ยังจะมารนหาที่ตายอีก!”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีไหลพรั่งพรูออกมา สองพี่น้องตกตะลึงพึงเพริดขึ้น “พลังของนางเพิ่มขึ้นอีกแล้ว”
“ดูท่าทางแล้วอีกไม่นานคงจะทะลวงกำแพงกั้นขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าได้!”
ตอนที่พลังอยู่ในระดับเก้านางก็วิปริตมากแล้ว เมื่อมาถึงพลังวิญญาณระดับเก้าเต็มเปี่ยมและพร้อมที่จะทะลวงขั้นต่อไปได้เช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าคิดเลยว่านางจะวิปริตมากเพียงใด!
“ทักษะโยวหลัว!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
สองพี่น้องคู่นี้ถูกโจมตีจนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถอีกครั้ง
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว ข้าจะฆ่าพวกเขา!”
สองพี่น้องตระกูลลั่วคู่นี้ขืนปล่อยไว้ก็มีแต่ปัญหา
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวมู่ คิดเช่นไรก็ทำเลย ไม่ต้องสนใจข้า” ลั่วเหมี่ยวเองก็กำลังเติบโต สำหรับนางแล้วคนที่สำคัญต่อชีวิตนางมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น ส่วนสองพี่น้องคู่นี้ไม่อาจเทียบกับพี่สาวมู่ได้เลยแม้แต่น้อย ต่อให้นางอายุน้อยกว่านี้นางก็รู้และเข้าใจดี
.