ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1457 วิญญาณลิขิตสวรรค์
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ไม่รู้ว่าสถานที่นั้นคือที่ใดกันนะ?”
“ก็แค่น้ำพุวิญญาณก็เท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว แช่สักครึ่งเดือน การจะทะลวงพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิก็คงจะไม่ใช่ปัญหา จะลองดูหรือไม่?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ลองดูก็ย่อมได้ แต่ข้าจะจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ของข้าให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“เรื่องยุ่ง ๆ ที่เจ้าว่าก็ก็คือการปรุงยาเหล่านี้น่ะเหรอ เรื่องพวกนี้สำคัญกว่าการฝึกบำเพ็ญของเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าก็แค่อยากลองดูก็เท่านั้น!”
มู่เฉียนซีมีท่าทางสงบนิ่งไม่วอกแวก ทำให้เยี่ยเฉียรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เขาก็ไม่ได้รบกวนนางแต่อย่างใด ให้มู่เฉียนซีปรุงยาอย่างตั้งใจไปเช่นนั้น
หลังจากที่ศึกษามาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
ยานี้สามารถส่งเสริมพลังวิญญาณ และช่วยเร่งให้พืชวิญญาณเติบโตเร็วยิ่งขึ้น
มู่เฉียนซีปรุงยาออกมาจำนวนมาก จากนั้นก็เทลงไปในทะเลสาบ
และในขณะที่ยาเหล่านั้นถูกเทลงไปในทะเลสาบ เหล่าดอกบัวเงินครามหัวใจทะเลทั่วทั้งทะเลสาบก็ตื่นเต้นขึ้นราวกับว่าชื่นชอบมันมาก
ส่วนทางด้านลั่วเหมี่ยวตอนนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
เยี่ยเฉียที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขากล่าวว่า “เจ้าทำให้ข้าทึ่งได้จริง ๆ!”
มู่เฉียนซียิ้มจาง ๆ พลางกล่าว “ก็เป็นแค่ความชอบส่วนตัวของข้าก็เท่านั้นเอง!”
“ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็ไปลองดูที่น้ำพุวิญญาณดีหรือไม่?” เยี่ยเฉียกล่าว
มู่เฉียนซีตอบรับ “ก็ได้! ไปลองดูสักหน่อยก็ดี!”
ทะเลสาบอยู่ใจกลางของวังดอกบัวเงินคราม แต่น้ำพุวิญญาณกลับอยู่ทางเหนือของวังดอกบัวเงินคราม
น้ำพุวิญญาณไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่พลังวิญญาณกลับเข้มข้นมาก
เยี่ยเฉียกล่าว “เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้าไม่ได้กล่าววาจาโกหกเจ้า! ที่นี่เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งเลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “น้ำพุวิญญาณยอดเยี่ยมเช่นนี้ ข้าใช้ได้จริง ๆ เหรอ?”
“ใช้ได้แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรเสียน้ำพุวิญญาณนี้ข้าก็ใช้ไม่ได้แล้ว ฉะนั้น เจ้าใช้มันได้ตามสบายเลย ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
หลังจากที่มาส่งมู่เฉียนซีเสร็จ เยี่ยเฉียก็เดินจากไป!
และหลังจากที่เยี่ยเฉียเดินจากไป มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
แมวน้อยตัวหนึ่งกับหมูอ้วนตัวสีแดงตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในอ้อมอกของมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้าคิดว่าเยี่ยเฉียผู้นั้นเป็นคนเช่นไร?”
อู๋ตี้กล่าว “คนผู้นี้ดูท่าทางแปลกประหลาดมาก!”
เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าหมอนี่ต้องมีเจตนาอื่นแฝงอยู่เป็นแน่”
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกสงสัยในตัวเขาเช่นกัน หากเจ้าหมอนี่มีเจตนาร้ายอยู่จริง ที่แห่งนี้ก็เป็นถิ่นของเขา นางและพวกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นแน่
ถึงท่าทางของเขาจะดีกับนางและพวก แต่นางก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอยู่ดี
“พวกเจ้าทั้งสองคุ้มกันตรงนี้เอาไว้ให้ดี ข้าจะไปดูที่น้ำพุวิญญาณนั่นสักหน่อย!”
“ขอรับ! นายท่านวางใจได้!” พวกมันทั้งสองตอบรับ
น้ำพุวิญญาณไม่ได้มีปัญหาอันใด มู่เฉียนซีตรวจสอบดูแล้ว
ทันทีที่ลงไปแช่ นางก็รู้สึกได้ว่าถูกพลังวิญญาณห่อหุ้มไปทั่วทั้งร่างกาย และทำให้รู้สึกสดชื่นมาก!
มู่เฉียนซีฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่หลายวัน ทางด้านลั่วเหมี่ยวยังไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด และนางก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว
ยามรัตติกาลในคืนเดียวกันนั้น มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่ามีพลังงานอันชั่วร้ายลอบโจมตีเข้ามา
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!” มู่เฉียนซีตกใจตื่นขึ้นมาจากความฝัน และรีบเรียกอู๋ตี้กับเสี่ยวหงมา
ตูม! อู๋ตี้กับเสี่ยวหงรีบตอบโต้กลับ ห้องที่มู่เฉียนซีอยู่พังทลายลงแล้ว
ความรู้สึกของนางในเมื่อครู่นั้นไม่ผิดแน่นอน พลังชั่วร้ายนั่น เป็นพลังของเผ่าวิญญาณร้าย
คนของเผ่าวิญญาณร้ายมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่า…
“ก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกสองตัว อย่าได้มาขวางทางข้าให้เสียเรื่องเลย”
ทันใดนั้น มือสีดำสนิทขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น!
ปัง ปัง ปัง!
ฝ่ามือนั้นโจมตีขึ้น นึกไม่ถึงเลยว่าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงจะถูกเขาโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไปอย่างไม่มีกำลังที่จะตอบโต้กลับ
และมู่เฉียนซีเองก็รู้แล้วว่าพลังชั่วร้ายนั้นออกมาจากร่างของคนผู้นั้น “เยี่ยเฉีย!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นคนของเผ่าวิญญาณร้าย!”
เยี่ยเฉียกล่าว “เจ้าไม่ใช่คนในเผ่าข้า แต่กลับรู้ว่าข้าเป็นเผ่าวิญญาณร้าย ดูท่าแล้ว เจ้าจะรู้มากเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“แล้วอย่างไรล่ะ เจ้าจะฆ่าปิดปากข้าอย่างนั้นเหรอ?” มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา มองคนผู้นี้ด้วยความระมัดระวัง
แอบซ่อนตัวนานถึงเพียงนี้กว่าจะลงมือ เขาคิดจะทำสิ่งใดอยู่กันแน่
“หลายปีที่ผ่านมานี้ นอกจากจักรพรรดินีน้อยแล้ว ข้าก็เจอเพียงแค่เจ้าคนเดียวนี่ล่ะ ช่างน่าเบื่อหน่ายซะจริง ๆ เลย!”
“เจ้าทำอาหารได้ เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนข้าได้ เดิมทีข้าก็อยากจะให้เจ้าอยู่กับข้านานอีกสักหน่อย รอให้จักรพรรดินีน้อยได้เติบโต เพียงแต่ว่า…”
ดวงตาอันชั่วร้ายคู่นั้นของเยี่ยเฉียจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “วิญญาณของเจ้ามันช่างเย้ายวนและดึงดูดข้าอยู่ตลอดเวลา และการที่ข้าอดทนมาได้ถึงวันนี้ มันก็ถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ! วิญญาณลิขิตสวรรค์ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าข้าจะได้เจอกับวิญญาณลิขิตสวรรค์ ครานั้นจักรพรรดิเทพดอกบัวเงินครามได้ปิดผนึกข้าไว้ที่แห่งนี้ เขาคงจะคิดไม่ถึงเป็นแน่แท้ว่าวิญญาณลิขิตสวรรค์จะมาปรากฏตัวอยู่ในที่แห่งนี้”
“มีวิญญาณลิขิตสวรรค์ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำอย่างอื่นแล้ว ขอเพียงแค่ข้าได้หลอมรวมกับวิญญาณของเจ้า ผนึกบัดซบนี่ก็ขวางข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
สีหน้าของเยี่ยเฉียเผยรอยยิ้มลำพองใจอันบ้าคลั่งออกมา
มู่เฉียนซีได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น วิญญาณลิขิตสวรรค์!
เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าวว่า “ผู้คุมวิญญาณลิขิตสวรรค์ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ยังไม่ทันได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องดับสูญเสียแล้ว”
“แต่เจ้าวางใจได้ เจ้าช่วยข้าเรื่องนี้ ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี ข้าจะเอาร่างของเจ้ามาทำเป็นหุ่นเชิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด และให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
“ใครอยากเป็นหุ่นเชิดบ้าบออะไรนั่นของเจ้ากันล่ะ!” มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวขึ้น และโจมตีออกไปด้วยเพลิงกระบี่
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งโจมตีไปที่เยี่ยเฉียทันที
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตอย่างนั้นเหรอ สมกับที่เป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์จริง ๆ มีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูต แต่กลับครอบครองมันได้แล้ว”
เยี่ยเฉียหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซีอย่างง่ายดาย
นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เขาก็ดูออก คนผู้นี้อันตรายเกินไปแล้วจริง ๆ
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
มู่เฉียนซีโจมตีต่อ แต่การโจมตีของนางนั้นไม่มีผลต่อเขาเลยสักนิด
ในที่แห่งนี้ เขาเป็นเจ้านาย พลังความแข็งแกร่งของเขาก็ยากที่จะหยั่งถึงได้
เยี่ยเฉียกล่าว “แม่นางมู่ เจ้าก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเจ้ามีเท่าใด อย่าได้ขัดขืนในเรื่องที่มันไร้ประโยชน์เลยนะ!”
ทันทีที่เขาโบกมือ พลังอันชั่วร้ายนั้นได้พลันเปลี่ยนเป็นเชือกพุ่งไปพัวพันกับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีหลบหลีกอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดแต่ก็ยังคงถูกไล่ล่าและถูกจับได้อยู่ดี
ชั่วพริบตาเดียวนั้น นางก็ถูกส่งตัวไปในสถานที่อีกสถานที่แห่งหนึ่ง และถูกมัดตัวเอาไว้บนก้อนหิน
บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมอย่างซับซ้อนมาก อีกทั้งยังเป็นค่ายกลแปลกประหลาดอีกด้วย
เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าวว่า “เพื่อแย่งชิงวิญญาณลิขิตสวรรค์ของเจ้า หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าได้ทุ่มเททรัพยากรไปไม่น้อย กว่าจะได้ค่ายกลนี้มา”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น มิน่าล่ะว่าเหตุใดเจ้าหมอนี่ถึงไม่ได้ลงมือตั้งแต่แรก ที่แท้เขาก็กำลังเตรียมค่ายกลนี้อยู่นี่เอง
“วางใจเถอะ มีค่ายกลนี้อยู่ มันสามารถดูดวิญญาณของเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน และมันจะไม่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวดทรมานแม้แต่น้อย”
มู่เฉียนซีพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร พลังของเยี่ยเฉียก็ยิ่งทำให้เชือกนั้นรัดตัวนางแน่นขึ้นเท่านั้น
ฟึ่บ! ทันทีที่นิ้วมือของมู่เฉียนซีขยับ เข็มยาขนาดเล็กนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไป
แต่กลับถูกปราการหนึ่งขวางเอาไว้ “แม่นางมู่เฉียนซี อย่าได้ขัดขืนอีกเลย ภายใต้พลังนี้แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะขัดขืนเช่นไรมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
มู่เฉียนซีสูดลมหายใจลึกเข้าปอดก่อนจะกล่าวออกมาว่า “ที่เจ้าเอาแต่พร่ำพูดว่าวิญญาณลิขิตสวรรค์อะไรนั่น ตกลงมันคืออันใดกันแน่ ในเมื่อเจ้าอยากให้ข้าตาย ก็ช่วยให้ข้าตายไปอย่างไร้ความสงสัยด้วยเถอะ!”