ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1458 การกลับมาของลิขิตสวรรค์
เยี่ยเฉียกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เรื่องเช่นนี้เจ้าก็ยังไม่เข้าใจ”
“วิญญาณลิขิตสวรรค์ การกลับมาของลิขิตสวรรค์! มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกไม่มีสอง เป็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นวิญญาณที่สวรรค์โปรดปรานที่สุด ผู้ที่ควบคุมวิญญาณลิขิตสวรรค์จะเป็นคนที่ควบคุมทุกอย่าง”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “ฟัง ๆ ดูแล้วมันยอดเยี่ยมยิ่งกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์เสียอีก นี่เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?”
เยี่ยเฉียกล่าว “ตอนที่เจ้าแผ่ซ่านพลังจิตออกมาโจมตีปีศาจโลหิต ข้าก็รู้แล้ว มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดหญิงสาวอายุน้อยเช่นเจ้าถึงได้ฝึกบำเพ็ญพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้กันล่ะ”
“พลังจิตแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ไม่มีทางที่จะดูผิดแน่นอน บริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ มีวิญญาณของกฏสวรรค์ ต้องเป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์อย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีนึกถึงคำพูดของอารองที่เคยพูดเอาไว้ในเมื่อก่อน ในตอนที่นางได้กำเนิดเกิดมา ได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพราะวิญญาณลิขิตสวรรค์นี้อย่างนั้นเหรอ
ตอนนั้นท่านพ่อเผชิญหน้ากับศัตรู ก็เพราะว่าได้รับวิญญาณลิขิตสวรรค์นี้มา
อาถิง สุ่ยจิงอิ๋ง มังกรเพลิงและมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์จึงได้ทำพันธสัญญากับนางอย่างง่ายดายโดยธรรมชาติ และเกี่ยวข้องกับวิญญาณลิขิตสวรรค์นี้ด้วย!
เยี่ยเฉียกล่าว “วางใจเถอะ! พลังของเจ้ามันอ่อนแอเกินไป ต่อให้เจ้ามีวิญญาณลิขิตสวรรค์ แต่เจ้าที่ยังไม่ทันได้เติบโตกลับต้องมาพบเจอกับข้าแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าจะเป็นผู้ควบคุมยุทธภพนี้แทนเจ้าเอง ให้เผ่าวิญญาณร้ายของข้าเป็นผู้นำแห่งยุทธภพนี้”
เขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
ต่อก! เขากรีดนิ้วตัวเอง และเลือดสีดำก็หยดลงบนค่ายกล
ไม่นานนัก ในค่ายกลนี้ก็ปรากฏสายโซ่สีดำสนิทหลายเส้น รุกรานเข้าไปในวิญญาณของมู่เฉียนซี
วิญญาณของมู่เฉียนซีถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สีหน้าของนางซีดเผือดลง เยี่ยเฉียกล่าวว่า “ผูกมัด!”
มู่เฉียนซีพยายามตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง อยากจะดิ้นรนออกมาให้ได้ พลังจิตอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมา แต่กลับไร้ประโยชน์!
“พลังจิตของเจ้ามันใช้ได้ผลกับคนอื่น แต่สำหรับข้าและในที่แห่งนี้ มันใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ!”
“เชื่อฟังกันสักหน่อยสิ เลิกดิ้นรนเสียเถอะ! หากเจ้ายอมเชื่อฟังแต่โดยดี ความเจ็บปวดทรมานของเจ้ามันก็จะลดลง!”
เจ้าคนประหลาดผู้นี้ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มานานกี่ปีแล้ว พลังจิตแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเกินกว่าที่มู่เฉียนซีจินตนาการเอาไว้เสียอีก
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองไม่อาจทนไหวแล้ว วิญญาณถูกผูกมัดอย่างแน่นหนา เจ็บปวดทรมานจนทำให้นางหายใจไม่ออก
“ออก!”
ต่อมา ก็เป็นการดูดวิญญาณออกมา!
“วิญญาณลิขิตสวรรค์ ต่อจากนี้ไป ข้าก็คือสวรรค์แล้ว!” เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าว
วิญญาณถูกดึงดูดออกไปทีละนิด ๆ มู่เฉียนซีไม่มีทางนั่งรอความตายอย่างนิ่งเฉยแน่นอน “อาถิง! นี่เจ้าไม่คิดจะลงมือทำอันใดเลยเหรอ อยากตายไปพร้อมข้าหรืออย่างไร?”
“เจ้าลามกนิรันดร์!”
“มังกรเพลิง!”
“มังกรวารี!”
“พวกเราจะพ่ายแพ้ไม่ได้นะ!”
วิญญาณถูกดึงออกไปอีกครั้ง มู่เฉียนซีอดทนกับความเจ็บปวดทรมานนี้และเรียกผู้เป็นพันธสัญญาของนางให้ตื่นขึ้นมา และในตอนนี้เอง ลำแสงวารีลำแสงหนึ่งก็พุ่งออกมา!
“เจ้าสารเลว! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรังแกพี่สาวมู่!”
ร่างอันเพรียวบางร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เป็นหญิงสาวสวมอาภรณ์กระโปรงคลุมยาวสีฟ้าวารีผู้หนึ่ง ดูท่าทางอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น
มู่เฉียนซีเห็นร่างของคนผู้นั้นแล้ว นางคือลั่วเหมี่ยว เมื่อเติบโตขึ้นรูปร่างหน้าตาของนางก็ยิ่งเหมือนสุ่ยจิงอิ๋งมากขึ้น
“เจ้าสารเลว ปล่อยพี่สาวมู่เดี๋ยวนี้!”
ตอนนี้ลั่วเหมี่ยวมีพลังวิญญาณแล้ว หากแต่ยังไม่แข็งแกร่ง ทว่านางกลับไม่หวั่นกลัวต่อเยี่ยเฉียผู้แข็งแกร่งผู้นี้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังดูเกลียดชังจนพร้อมจะพุ่งพรวดเข้าไปโจมตีเยี่ยเฉียอีกด้วย
เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าวว่า “จักรพรรดินีน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเติบโตก่อนวัยแล้ว แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี รอให้ข้ากลืนกินวิญญาณลิขิตสวรรค์ให้สำเร็จซะก่อน จากนั้นข้าค่อยกินเจ้า และการหลอมรวมวิญญาณของข้าก็จะสำเร็จอย่างสมบูรณ์”
พืชวิญญาณที่กลายร่างเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นจักรพรรดินีดอกบัวเงินครามหัวใจทะเลเช่นนี้อีก ย่อมมีประโยชน์มากอยู่แล้ว
มิเช่นนั้นเขาคงไม่ใจดีช่วยให้นางได้เติบโตขึ้นมาหรอก
“เจ้าสารเลว เจ้ามันสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ถึงแม้ว่าร่างกายของลั่วเหมี่ยวจะเติบโตแล้ว แต่สติปัญญาของนางก็ยังเป็นเด็กอยู่ นางพุ่งเข้าไปหาเยี่ยเฉียโดยทันที
พลันนั้นเยี่ยเฉียยกมือขึ้นโบก เชือกเส้นหนึ่งก็พุ่งโจมตีไปที่ลั่วเหมี่ยว
“ช่างเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังเอาซะเลยจริง ๆ อย่ามาขวางทางข้า มิเช่นนั้นข้าจะโกรธเอาได้นะ”
เชือกเส้นนั้นของเยี่ยเฉียรวดเร็วมาก มันไม่ใช่สิ่งที่ลั่วเหมี่ยวจะหลบหลีกได้ทัน
และในตอนนี้เอง เวลาก็ได้หยุดลงแล้ว ลำแสงสีเขียวอ่อนลำแสงหนึ่งพุ่งออกมา และเชือกกับโซ่ที่ผูกมัดมู่เฉียนซีเหล่านั้นก็สลัดหลุดออกไปทั้งหมด
“เจ้านี่มันช่างโง่เขลาซะจริง ๆ เลยนะ เกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเพิ่งจะเรียกข้า นี่เจ้าอยากให้ดวงจิตของข้าดับสลายไปพร้อมกับเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
จากนั้นอาถิงก็หันไปเห็นลั่วเหมี่ยว และเขาก็โกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
“นี่เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงใช้หน้าตาของพี่สาวข้ามาแสดงความโง่เขลาเช่นนี้!”
แต่ด้วยลั่วเหมี่ยวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับสุ่ยจิงอิ๋งเช่นนี้ อาถิงจึงไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกนาง
เขาจับลั่วเหมี่ยวโยนไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าหลบไปไกล ๆ หน่อย เจ้าหมอนี่ข้าจะจัดการเอง!”
อาถิงเพียงแค่หยุดเวลาเอาไว้ชั่วขณะเท่านั้น
ไม่นานนักเวลาก็กลับมาเดินตามปกติ และเยี่ยเฉียก็เห็นร่างชายหนุ่มรูปร่างหน้าตางดงามดุจดั่งทวยเทพผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความเย็นชาจ้องมองไปที่เยี่ยเฉีย ก่อนจะเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า “ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้าคิดอยากได้วิญญาณของผู้เป็นพันธสัญญาของข้า เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
“เมื่อครู่เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ! หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าก็คงจะเป็นศาลานิรันดร์ ศาลาเลือนรางเก้าชั้นกระมัง!” เยี่ยเฉียกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มู่เฉียนซีกับอาถิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย คนผู้นี้ยิ่งเผยความผิดปกติออกมาเรื่อย ๆ
นอกจากจิ่วเยี่ยแล้ว เยี่ยเฉียผู้นี้นับว่าเป็นคนแรกที่เห็นอาถิงเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าอาถิงเป็นใคร
ต่อให้เป็นจิ่วเยี่ย ก็เป็นเพราะสุ่ยจิงอิ๋งเขาถึงรู้ได้ ทว่า เยี่ยเฉียผู้นี้…
“ตอนนั้น ที่ข้าได้นำพาเผ่าวิญญาณร้ายให้มีอำนาจยิ่งใหญ่เกรียงไกร พวกเจ้าก็ได้หายไปจากโลกใบนี้แล้ว ข้าไม่ได้เข้าใจเรื่องราวของพวกเจ้ามากนักหรอก แต่ตอนนั้นข้ารู้ว่าผู้ที่ควบคุมวิญญาณลิขิตสวรรค์ คือผู้ที่สวรรค์ลิขิตให้เป็นเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์”
“และมีเพียงแค่วิญญาณลิขิตสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำให้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์อย่างพวกเจ้าสมบูรณ์แบบได้ เจ้าว่าที่ข้าพูดมันจริงหรือไม่?”
สีหน้าของอาถิงไม่ค่อยจะดีนัก “เจ้า รู้เยอะเกินไปแล้วจริง ๆ!”
“นึกไม่ถึงเลยว่านางที่มีพลังอ่อนแอถึงเพียงนี้จะสามารถทำพันธสัญญากับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นศาลานิรันดร์ผู้ดื้อรั้นหัวแข็งอีกด้วย ศาลานิรันดร์ผู้ควบคุมกาลเวลา ดูท่าแล้วการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จะไม่ธรรมดาเลย”
“ข้ากลืนกินวิญญาณของนาง ข้าควบคุมไม่ให้เป็นอันตรายต่อเจ้าได้ เจ้าอยู่กับข้าย่อมดีกว่าอยู่กับมดปลวกผู้อ่อนแอผู้นี้แน่นอน”
อาถิงกล่าว “เจ้าดูน่าขยะแขยงเกินไป ข้าขอปฏิเสธ ถึงแม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่ได้ดูดีมากนัก แต่นางก็ใช้ได้อยู่!”
“เจ้าจะไม่อยากแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ ในครานั้น ผู้ใดกันเล่าที่ทำให้พวกเจ้าต้องสูญหายไป พวกเจ้านิ่งเฉยอยู่ได้อย่างนั้นเหรอ หากอยู่กับหญิงสาวผู้นี้ พวกเจ้าต้องรออีกนานเพียงใดกัน แต่หากอยู่กับข้า พวกเจ้าไม่ต้องรอนานถึงเพียงนั้น ตราบใดที่ข้าได้กลืนกินวิญญาณของนาง ข้าก็จะปลดผนึกได้ เจ้าลองคิดดูแล้วกันว่าผู้ใดกันแน่ที่มีคุณสมบัติมากกว่ากัน!”
อาถิงตอบ “เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากร่วมมือกับคนโง่เขลาเช่นเจ้าหรอกนะ!”
เยี่ยเฉียเป็นคนใจดี หรือจะพูดอีกอย่างว่าเขาเสแสร้งเก่งมาก
ดังนั้น ไม่ว่าอาถิงจะปากร้ายมากเพียงใด สีหน้าของเยี่ยเฉียก็ไร้ทีท่าว่าจะโกรธเกรี้ยวเลย
เยี่ยเฉียกล่าว “สิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้เจ้าใจเต้นแรงได้ แล้วหากเป็นผู้พิทักษ์นิรันดร์ล่ะ ผู้พิทักษ์นิรันดร์ ดอกบัวหงส์เก้ากลีบกำเนิดเกิดมาพร้อมกันกับเจ้า เป็นพี่สาวของเจ้า เจ้าไม่สนใจนางเลยเหรอ?” . .