ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1459 ที่อยู่ของกลีบดอก
“ท่านพี่ข้าอยู่ที่ใด?” รูม่านตาของอาถิงขยายใหญ่ขึ้น
เยี่ยเฉียกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้าตอบตกลงข้า ข้าจะให้เจ้าได้เจอกับพี่สาวเจ้า!”
พลังแห่งกาลเวลาอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา “ตกลงบ้าบออะไรของเจ้า เจ้าตายซะเถอะ!”
คนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจมากถึงเพียงนี้ ต่อให้เขามีวิญญาณลิขิตสวรรค์ เหล่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์อย่างพวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับเป็นนายแน่นอน!
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
เยี่ยเฉียกล่าว “พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ลงไม้ลงมือ พวกเจ้าหลับใหลไปนานหลายปีถึงเพียงนั้น พลังก็เหลือเพียงแค่น้อยนิดเช่นนี้ คิดจริง ๆ เหรอว่าจะทำอะไรข้าได้?”
“ข้าเป็นถึงราชาของที่แห่งนี้ ต่อให้เจ้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ สุดท้ายแล้วใครแพ้ใครชนะมันก็ไม่แน่หรอก!”
พลังชั่วร้ายสีดำมืดแผ่ซ่านออกมา และอาถิงกับคนผู้นี้ก็ได้ต่อสู้กันแล้ว
มู่เฉียนซีรีบดึงลั่วเหมี่ยวออกไปอยู่ไกล ๆ การต่อสู้ของอาถิงกับเยี่ยเฉียช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีไม่ได้กังวลว่าอาถิงจะถูกเยี่ยเฉียทำให้หวั่นไหวเปลี่ยนใจแต่อย่างใด แต่สำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้สถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
อาถิงถูกนางเรียกให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล พลังอันชั่วร้ายของเผ่าวิญญาณร้ายนั้นทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า หากสู้ไม่ได้ นางจะต้องคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่
เยี่ยเฉียบอกเอาไว้ว่าเขาถูกปิดผนึกไว้ในที่แห่งนี้ ของเพียงแค่นางและพวกหนีออกไปได้ นางและพวกก็น่าจะปลอดภัยแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวเหมี่ยว เจ้านึกอะไรขึ้นมาได้บ้างหรือไม่ หรือว่าเจ้ารู้ทางหนีไปจากที่นี่หรือไม่?”
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวมู่ ความทรงจำของข้ายังเลือนรางอยู่เลย เพียงแต่ว่า…เพียงแต่ว่าข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะพาพี่สาวมู่ออกไปจากที่นี่ให้ได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “เราไปกันเถอะ!”
อาถิงได้สื่อสารกับนางผ่านทางจิตแล้วว่าเจ้าคนผู้นี้คือผู้ไร้เทียมทาน เขากลัวว่าเขาจะเสียพลังไปจนไม่อาจรับมือกับคนผู้นี้ได้ ดังนั้นให้พวกนางรีบหาทางหนีไปเสียก่อน
ส่วนเขา พวกเขามีพันธสัญญาต่อกัน ดังนั้นจึงตามไปทีหลังได้
เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าว “สาวน้อย คราก่อนเจ้าหนีไปได้ แต่เจ้าคิดว่าครานี้เจ้าจะหนีรอดไปได้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
ปัง ปัง ปัง!
ทั่วทั้งวังดอกบัวเงินครามถูกกักขังเอาไว้ทั้งหมด แม้แต่ลั่วเหมี่ยวเองก็หาทางออกไม่เจอ!
ลั่วเหมี่ยวกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจว่า “พี่สาวมู่ ทำเช่นไรดี เราออกไปไม่ได้แล้ว”
“เป็นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะข้า พี่สาวมู่ก็คงจะไม่ต้องมาอยู่ในที่แห่งนี้ และคงไม่ได้มาเจอกับคนสารเลวผู้นี้” ลั่วเหมี่ยวกล่าวโทษตัวเองและร้องไห้ออกมา
มู่เฉียนซีกล่าวปลอบใจนาง “อย่าได้กลัวไปเลย เราต้องออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน!”
ทั่วทั้งวังถูกกักขังเอาไว้แล้ว หนีไม่ได้แล้ว แต่สุ่ยจิงอิ๋งทำได้!
และแน่นอนว่าหากอาถิงสามารถเอาชนะได้ก็ยิ่งดี!
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
การต่อสู้ของทั้งสองเริ่มทวีความดุเดือดรุนแรงขึ้น สถานที่หลายจุดในวังดอกบัวเงินครามแห่งนี้ถล่มพังทลายลงไป
ร่างในชุดดำและชุดเขียวพัลวันกันไปมา พวกเขาต่อสู้กันจนไปถึงข้างทะเลสาบดอกบัวเงินคราม!
ตูม ปัง ปัง!
การต่อสู้ของสองคนนี้ ทำให้แม้แต่ยอดเขาที่เปรียบเสมือนเสาหลักของวังก็สั่นคลอนขึ้นแล้ว
สีหน้าของอาถิงแย่ลงมาก เยี่ยเฉียรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง “ศาลานิรันดร์ เจ้าอย่าได้ขัดขืนเลย พลังของเจ้ามันยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ แล้ว”
“ช่างน่าสงสารยิ่งนัก มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ที่ไร้เทียมทานไม่มีผู้ใดสู้ได้ในตอนนั้น ตอนนี้พลังกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้แล้ว! หากว่าเจ้าเปลี่ยนเจ้านาย ก็คงไม่ต้องดวงซวยเช่นนี้ แถมเจ้ายังมีพลังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย”
อาถิงกล่าว “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ สิ่งที่ข้าปรารถนานั้น มันไม่ใช่พลังอย่างที่เจ้าคิด!”
“ช่างน่าขำยิ่งนัก บนโลกใบนี้ นอกจากพลังความแข็งแกร่งแล้ว ยังมีสิ่งใดควรค่าให้ปรารถนาอีก มีพลังความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะปรารถนาสิ่งใดก็ย่อมสมหวังดังปรารถนา!” เยี่ยเฉียยิ้มพลางกล่าว
“ให้ข้าทำลายเจ้าเสียเถอะ! ทำลายจิตสำนึกของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็จะเชื่อฟังข้าและอยู่กับข้าตลอดไปแล้ว”
ตูม ปัง ปัง!
พลังของเยี่ยเฉียช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับพลังของอาถิงแล้วนั้น โอกาสที่อาถิงจะเอาชนะได้มียากเหลือเกิน
อาถิงตกลงมาจากกลางอากาศด้วยสีหน้าซีดเผือด มู่เฉียนซีพุ่งตัวเข้าไปรับเขาเอาไว้
ร่างของอาถิงพลันเปลี่ยนเป็นโปร่งใสขึ้น เขากล่าว “บัดซบ! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แถมเจ้ายังเห็นสภาพเช่นนี้ของข้าอีก เจ้าต้องขำข้าเป็นแน่”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าก็เห็นสภาพข้าเหมือนกัน ยังมีสิ่งใดต้องขำเจ้าอีก”
เยี่ยเฉียกล่าว “ศาลานิรันดร์สู้ไม่ได้แล้ว และไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าได้แล้ว เช่นนั้น เรามาเริ่มพิธีต่อไปกันเลยดีกว่า!”
และในขณะที่เยี่ยเฉียกำลังจะจับมู่เฉียนซี จู่ ๆ ใจกลางเสาหลักแห่งสวรรค์ก็เปล่งประกายลำแสงสีฟ้าอ่อนออกมา
ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซี อาถิง และลั่วเหมี่ยวเอาไว้ หน้าอกของมู่เฉียนเองก็เปล่งประกายลำแสงสีฟ้าอ่อนออกมาเช่นกัน
ภายในชั่วพริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาเยี่ยเฉีย
เยี่ยเฉียโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำจนแทบจะมีเลือดทะลักออกมาแล้วก็มิปาน
“บัดซบ! บัดซบยิ่งนัก! เป็นไปได้ยังไง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำลายแผนการของข้าพังทลายลงได้!”
“เห็น ๆ กันอยู่ว่าเหลือเพียงแค่กลีบเล็ก ๆ และถูกยับยั้งเอาไว้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังมีพลังไปช่วยคนอื่นได้อีก”
จู่ ๆ เยี่ยเฉียก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น เขานึกขึ้นได้แล้ว!
“นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวผู้นั้นจะได้รับกลีบดอกอื่นของผู้พิทักษ์นิรันดร์มาได้แล้ว มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ…นี่ข้าวางแผนผิดพลาดไปอย่างนั้นเหรอ!”
“สมกับที่เป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์จริง ๆ ไม่เพียงแต่จะทำพันธสัญญากับศาลานิรันดร์แล้วเท่านั้น แต่ยังได้กลีบดอกของผู้พิทักษ์นิรันดร์ไปครอบครองอีกด้วย หนีไปได้ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในดินแดนแห่งนี้ เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปจากเงื้อมมือข้าได้หรอก!”
เขามองไปที่เสาสวรรค์ต้นนั้น “ต่อสู้กับศาลานิรันดร์ ผนึกก็อ่อนแอลงแล้วเพราะพลังของเขา! ต่อให้ได้ไม่วิญญาณลิขิตสวรรค์มา แต่อีกไม่นานข้าก็จะออกไปได้แล้ว!”
เขากำหมัดแน่นจนเส้นเอ็นบนหลังมือปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “วิญญาณลิขิตสวรรค์ มันถูกลิขิตมาให้เป็นของข้า!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีถูกส่งตัวออกไปนั้น นางก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นเช่นกัน ในมิติพันธสัญญา สุ่ยจิงอิ๋งยังคงนอนหลับใหลอยู่ เช่นนั้นคนที่ช่วยพวกนางในเมื่อครู่
หรือว่า…
มู่เฉียนซีและพวกถูกส่งตัวมาถึงชั้นที่หนึ่งที่นางคุ้นเคย อาถิงรับมือไม่ไหวแล้ว เขากล่าวเสียงต่ำว่า “หญิงอัปลักษณ์ ในวังนั้นมีกลิ่นอายของท่านพี่…ท่านพี่อยู่ที่นั่น!”
“เจ้าอย่าได้วู่วามล่ะ รอให้พลังข้าฟื้นฟูกลับมาก่อน ข้าจะกลับมาฆ่าเจ้านั่นแน่ ข้าจะต้องล้างความอับอายนี้ให้จงได้!” อาถิงกัดฟันกรอด
มู่เฉียนซีกล่าว “ตกลง! เช่นนั้นเจ้าก็รีบรักษาตัวเถอะ!”
ได้รู้ว่ากลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ที่ไหนก็ดีแล้ว แม้ว่าที่นี่จะมีเจ้าคนน่ากลัวผู้นั้นอยู่ก็ตาม!
ลั่วเหมี่ยวกล่าว “พี่สาวมู่ ข้านึกออกแล้ว!”
“มีพี่สาวท่านหนึ่ง ตอนแรกข้าไม่อาจแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ พลังข้าไม่พอ แต่ข้าได้รับพลังของพี่สาวท่านนั้นมา นางเป็นพี่สาวที่อ่อนโยนมากคนหนึ่ง หลังจากนั้นข้าก็สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ แถมยังเป็นร่างมนุษย์ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางอีกด้วย”
“เจ้าคนเลวทรามผู้นั้น เขาเป็นคนเลวมาก พี่สาวท่านนั้นก็เลยส่งข้าออกไปจากวัง แล้วข้าก็ถูกท่านพ่อของข้าพาออกไปจากที่นี่”
สุ่ยจิงอิ๋งอยู่ที่นั่น ต้องใช่สุ่ยจิงอิ๋งแน่นอน!
สุ่ยจิงอิ๋งใช้พลังของตัวเองช่วยลั่วเหมี่ยวให้กลายร่างเป็นมนุษย์ มิน่าล่ะว่าเหตุใดเลือดของนางถึงได้มีกลิ่นอายของสุ่ยจิงอิ๋งอยู่
“นายท่าน นายท่านกลับมาแล้ว!” เสี่ยวฮุยลอยออกมาหามู่เฉียนซีอย่างว่องไว
“อืม!”
จากนั้นพวกเขาก็เพียงแค่รอเวลาออกไปจากดินแดนเทพทะเลเมฆาแห่งนี้
เพียงแต่ว่ารอมาเพียงแค่ไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็พบว่าเหล่าวิญญาณที่อยู่ในชั้นสอง ชั้นสามต่างก็พากันแห่ลงมา หมายจะจับตัวพวกนาง
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เยี่ยเฉีย ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้วกระมัง! ส่งของเล่นเหล่านี้มาจับข้ากลับไป ฝันไปเถอะ!”