ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1465 ศึกรบกับเป่ยกงจั๋ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เป่ยกงจั๋ว เจ้าอย่าได้กล่าววาจาไร้สาระอยู่เลย ส่งตัวเสี่ยวไป๋มา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจะได้พาสุนัขรับใช้ของเจ้าไสหัวกลับไปแดนซวนเทียนเสียที!”
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซีเอ๋อร์ ไม่ได้เจอกันนาน นับวันเจ้ายิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะ”
ส่วนกู้ไป๋อีที่ถูกมัดตัวอยู่ในตอนนี้ก็หันมองไปที่มู่เฉียนซีเช่นกัน เมื่อเห็นมู่เฉียนซีปลอดภัยดีเช่นนี้ เขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ซีเอ๋อร์ รีบหนีไป! เป่ยกงจั๋วไม่มีทางฆ่าข้าจริง ๆ หรอก”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าไม่รู้อะไร คราก่อนเป่ยกงจั๋วและพวกถูกพวกข้าโจมตีจนทัพแตกกระเจิง และครั้งนี้ เขาก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน! เจ้าคิดว่าครั้งนี้ท่านจื่อโยวจะมาช่วยเจ้าอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้ากับมู่หลินหลางได้ตกลงกันแล้ว ให้นางยับยั้งคุกโลหิตไว้ เมื่อถึงเวลานั้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็จะเป็นของนาง ตอนนี้ท่านจื่อโยวก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีจื่อโยว เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าเหรอ?”
“อ้อ! ยังมีโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินอีกคน ตอนนี้เขากำลังเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ จำนวนตัวช่วยของเจ้าลดลงไปอีกหนึ่งแล้ว”
“แม้ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์จะเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ แต่พวกอาตมาก็พร้อมรับคำสั่งของหัวหน้าหอมู่อยู่ตลอดเวลา”
ยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคนปรากฏตัวขึ้น หัวโล้นเช่นนี้ สวมชุดกาสาวพัสตร์เช่นนี้ คนเหล่านี้คือคนของแคว้นเทพฟ้านอินอย่างไม่ต้องสงสัย
เป่ยกงจั๋วกล่าว “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินไม่มา คนเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่มดปลวกตัวเล็ก ๆ เท่านั้น!”
“ฆ่าพวกมันซะ!”
ทันใดนั้น เป่ยกงจั๋วก็แผ่ซ่านจิตสังหารอันแรงกล้าออกมา
คนอื่นได้ยินคำสั่งนี้แล้วก็ลงมือทันที มู่เฉียนซีก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ลงมือ!”
ครั้นแล้วทั้งสองฝ่ายจึงได้เปิดศึกต่อสู้กัน! พลังอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
ณ ตำหนักเป่ยหาน เป่ยกงจั๋วพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี
ขวับ ขวับ ขวับ! คนของหอหมอปีศาจที่แฝงตัวอยู่ในบริเวณโดยรอบตำหนักเป่ยหานเหล่านั้นก็ลงมือแล้วเช่นกัน พวกเขาพุ่งตรงไปที่กู้ไป๋อีทันที
ท่านหัวหน้าหอกำชับเอาไว้แล้วว่าต้องช่วยคนผู้นี้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด!
ต่อให้เป่ยกงจั๋วมีเป็นร้อยคน ก็ไม่อาจเทียบกับท่านกู้ได้ แม้แต่เส้นผมของท่านกู้ก็ยังสำคัญกว่าเป่ยกงจั๋วหลายเท่า!
คนจำนวนมากปรากฏตัวออกมา อีกทั้งยังมีพลังที่แข็งแกร่งอีกด้วย!
เป่ยกงจั๋วกล่าวเสียงขรึมว่า “มู่เฉียนซี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเล่นไม้นี้กับข้า”
ยอดฝีมือระดับสูงสุดของหอหมอปีศาจมีประมาณหกสิบกว่าคน ส่วนของเขาเหลืออยู่แค่ร้อยกว่าคน ความได้เปรียบไม่ได้เห็นชัดอย่างที่เขาได้จินตนาการเอาไว้แล้ว
เป่ยกงจั๋วตะโกนขึ้นว่า “ขวางพวกมันเอาไว้ อย่าให้พวกมันช่วยเป่ยกงหานไปได้เป็นอันขาด”
ขวับ ๆ ๆ! คนของเป่ยกงจั๋วพุ่งเข้าไปขวาง
ตูม! การต่อสู้ก็เริ่มดุเดือดขึ้นทั่วทั้งตำหนักเป่ยหาน
เป่ยกงจั๋วไล่โจมตีมู่เฉียนซีอย่างไม่ยอมลดละ ต้องยอมรับเลยว่าความเร็วของมู่เฉียนซีในตอนนี้ยิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้น พลังจิตก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากมาก!
แต่ตอนนี้จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว จับตัวมู่เฉียนซีให้ได้แล้วรีบถอย เช่นนี้เขาก็จะได้ทุกอย่างมาไว้ในครอบครองแล้ว
ส่วนดินแดนสี่ทิศจะเป็นเช่นไรนั้น นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล
ปัง!
ในขณะที่เป่ยกงจั๋วกำลังไล่ตามมู่เฉียนซีอยู่นั้น ทันนั้นเองร่างในชุดสีเขียวร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาและขวางการโจมตีของเป่ยกงจั๋วเอาไว้
เป่ยกงจั๋วกล่าวเย้ยหยัน “มู่เฉียนซี ไม่ใช่เจ้าคนเดียวหรอกนะที่มีหุ่นเชิด”
เป่ยกงจั๋วเองก็เรียกหุ่นเชิดสีขาวออกมาตัวหนึ่งและส่งไปโจมตีชิงอิ่งเช่นกัน ตูม! จากนั้นพลังของหุ่นเชิดทั้งสองจึงปะทะกัน พลังจากการปะทะนี้แผ่ซ่านออกไปรอบบริเวณ
หุ่นเชิดผู้นี้ของเป่ยกงจั๋วแข็งแกร่งมาก แต่มู่เฉียนซีเชื่อในความแข็งแกร่งของชิงอิ่ง
อีกทางนางก็ต้องรับมือกับเป่ยกงจั๋ว!
ตอนนี้หากเป็นยอดฝีมือพลังระดับสูงสุดธรรมดา นางสามารถรับมือได้ ทว่า เป่ยกงจั๋วกลับไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูงสุดธรรมดาอย่างว่า
หากไม่ได้ดินแดนสี่ทิศยับยั้งพลังวิญญาณเอาไว้ พลังของเขาที่ห่างจากขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดไปไกลมาก ก็นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ยากมากผู้หนึ่ง
นางต้องการถ่วงเวลา ถ่วงเวลาเพื่อให้คนของนางไปช่วยเสี่ยวไป๋ให้ได้
มีเพียงนางเท่านั้นที่ดึงดูดความสนใจของเป่ยกงจั๋วได้ มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง สู้ให้เต็มที่!”
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า สู้สุดชีวิต! ข้า อู๋ตี้ไม่กลัวมันหรอก!”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! มู่เฉียนซี อู๋ตี้ และเสี่ยวหงร่วมมือกันและรุมเริ่มโจมตีเป่ยกงจั๋ว
เป่ยกงจั๋วยกยิ้มมุมปากพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคงจะไม่คิดว่ามีสัตว์พันธสัญญาเพิ่มมาสองตัวแล้วจะเอาชนะข้าได้กระมัง! คิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว”
ว่าแล้วเป่ยกงจั๋วจึงเรียกสัตว์พันธสัญญาของเขาออกมา อู๋ตี้กับเสี่ยวหงจึงไปต่อสู้พัลวันกันกับอสรพิษน้ำแข็งตัวนั้น
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
หอหมอปีศาจมียาลูกกลอนที่เพียงพอ อีกทั้งยังมียาพิษ อาวุธลับ ต่อสู้กับคนของเป่ยกงจั๋วได้อย่างสูสี
แต่จะไปช่วยกู้ไป๋อีออกมานั้น กลับเป็นเรื่องที่ยากเล็กน้อย!
แม้ว่ากู้ไป๋อีจะถูกปิดผนึกพลังวิญญาณอยู่ อีกทั้งยังถูกมัดจนขยับไม่ได้ แต่สายตาของเขาจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลา
เขารู้สึกเป็นกังวลมาก เพราะเขารู้ดีว่าเป่ยกงจั๋วนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด
“ซีเอ๋อร์ เจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เจ้าถูกกำหนดให้ตกอยู่ในกำมือของข้าแล้ว” เป่ยกงจั๋วกล่าวหลังจากตามมู่เฉียนซีทันแล้ว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฝ่ามือของเขาตบไปที่มู่เฉียนซีอย่างรุนแรง มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ในขณะที่มู่เฉียนซีหลบหลีกอยู่นั้น ขณะเดียวกันนางก็โต้กลับด้วย
ร่างของนางถูกโจมตีจนถอยหลังไปไกลกว่าร้อยเมตร พรวด! นางกระอักเลือดออกมา การโจมตีในเมื่อครู่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย
สมกับที่เป็นเป่ยกงจั๋วจริง ๆ นอกจากจื่อโยวและอินรั่วเฉินผู้แข็งแกร่งที่ยากจะหยั่งถึงได้สองคนนั้นแล้ว ในดินแดนสี่ทิศคาดว่าคงยากที่จะมีคนรับมือกับเขาได้
“พี่สาวมู่!”
ลั่วเหมี่ยวก็ตามมู่เฉียนซีมาด้วย แต่ครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ให้นางเข้าร่วมต่อสู้ด้วย มู่เฉียนซีให้นางรออยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆา
ลั่วเหมี่ยวที่อยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆามองมู่เฉียนซีอยู่ตลอด เมื่อเห็นมู่เฉียนซีกระอักเลือดออกมาเช่นนี้แล้ว นางก็รู้กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก!
“เสี่ยวโหลว ให้ข้าลงไปเถอะนะ ข้าจะไปช่วยพี่สาวมู่ต่อสู้กับคนเลวพวกนั้น” ลั่วเหมี่ยวกล่าว
“ไม่ได้ นายท่านสั่งเอาไว้แล้วว่าห้ามให้เจ้าลงไป หากเจ้าบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร?”
“ข้าช่วยได้ ข้าแข็งแกร่งมาก พี่สาวมู่…ตอนนี้พี่สาวมู่กำลังตกอยู่ในอันตราย”
เป่ยกงจั๋วลงมืออย่างโหดเหี้ยมมาก ทุกย่างก้าวของมู่เฉียนซีช่างน่าระทึกยิ่งนัก!
นางที่มีพลังเพียงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตที่ยังทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิไม่ได้ จะเป็นคู่ต่อสู้ของเป่ยกงจั๋วได้อย่างไรกันเล่า
มู่เฉียนซีทนรับมือได้อีกไม่นานแล้ว กู้ไป๋อีเองก็มองไปที่นางด้วยจิตใจอันร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมเช่นกัน “ซีเอ๋อร์ รีบหนีไป! รีบหนีไปได้ยินหรือไม่!”
มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดพลางกล่าว “เสี่ยวไป๋ ครั้งนี้ข้าไม่ยอมแพ้แน่นอน”
ครั้งแรกที่เป่ยกงจั๋วปรากฏตัวขึ้น นางทำอะไรไม่ได้เลย เสี่ยวไป๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องตกไปอยู่ในกำมือของเป่ยกงจั๋ว
ครั้งที่สอง นางลอบโจมตีตำหนักเป่ยหาน แต่กลับไม่ได้เจอกับเสี่ยวไป๋
และครั้งนี้ นางจะไม่ยอมแพ้ไปง่าย ๆ แน่นอน
“บัวแดงพิฆาต!” มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น และโจมตีออกไป
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังสนั่นขึ้น เป่ยกงจั๋วพุ่งไปที่มู่เฉียนซีและบีบคอนางเอาไว้
ค่อก ๆ ๆ!
เป่ยกงจั๋วกล่าว “ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายเจ้าก็หนีไปไม่รอดอยู่ดี!”
กู้ไป๋อีกล่าว “เป่ยกงจั๋ว หากเจ้ากล้าทำร้ายนาง ข้าจะจบชีวิตตัวเอง”
เป่ยกงจั๋วยิ้มพลางกล่าว “ข้ามีหม้อเทพนิรันดร์ มีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เจ้าคิดว่าตัวเจ้าจะมีประโยชน์สักเพียงใดกันเชียว อยากตายก็ตายไปสิ คิดจะข่มขู่ข้า หึ ไร้ประโยชน์”
เป่ยกงจั๋วกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “กำจัดพันธสัญญาเองเถอะ! หากให้ข้าบังคับกำจัดตัดพันธสัญญาเจ้าแล้วละก็ เจ้าจะต้องทรมานราวกับตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน”
และในตอนนี้เอง น้ำเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เจ้าคนสารเลว! หยุดรังแกพี่สาวมู่ของข้าเดี๋ยวนี้”
“คนที่รังแกพี่สาวมู่ของข้า มันต้องตาย!” ลำแสงสีฟ้าอ่อนลำแสงหนึ่งเปล่งประกายขึ้นบนท้องฟ้า ดอกบัวเงินครามขนาดใหญ่ดอกหนึ่งบานสะพรั่งขึ้นกลางอากาศ