ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1466 ฆ่าเขาไม่ได้
หลังจากที่ลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น ทางหอหมอปีศาจก็ได้เปรียบขึ้นแล้ว!
ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่าทุกคนที่ไม่มีเจตนาร้ายต่อมู่เฉียนซีมีกำลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นมาทันใด
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเองทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว
นางฝึกบำเพ็ญได้รวดเร็วมาก ดังนั้นเมื่อพลังในขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าอยู่ในจุดที่เต็มเปี่ยมแล้ว นางจึงติดอยู่บนกำแพงในการทะลวงอยู่นาน ต้องรอเวลาในการตกตะกอน แต่ตอนนี้เป็นเพราะพลังของลั่วเหมี่ยวจึงทำให้นางทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว
ส่วนลั่วเหมี่ยวเองก็ทะลวงพลังแล้วเช่นกัน หากบอกว่าก่อนหน้านี้พลังของลั่วเหมี่ยวถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า เช่นนั้นตอนนี้พลังของนางก็ถึงระดับสูงสุดแห่งดินแดนสี่ทิศแล้ว
หากพลังของนางมากกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย สิ่งที่รอคอยนางอยู่ก็คือสายฟ้าลงทัณฑ์ปกป้องดินแดนอย่างแน่นอน
เสี่ยวหงกล่าว “พลังของดอกบัวนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะปลุกพรสวรรค์ความสามารถได้แล้ว ความสามารถนี้ช่างเก่งกาจเกินไปแล้วจริง ๆ คงจะไม่ใช่พืชวิญญาณแปลงร่างเป็นมนุษย์ผู้นั้นหรอกกระมัง!”
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วเคร่งขรึมลง “บัดซบ นั่นมันคือสิ่งใดกัน!”
มู่เฉียนซีทะลวงพลังวิญญาณได้แล้ว ได้เวลาทดลองพลังพอดีเลย
แม้ดูเหมือนว่าการทะลวงพลังนี้จะเป็นเพียงแค่ขั้นเดียว แต่มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของนางเต็มเปี่ยมมาก
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งโจมตีไปที่เป่ยกงจั๋ว ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนแรกที่เริ่มศึกนั้นเป่ยกงจั๋วสามารถยับยั้งมู่เฉียนซีได้
ทว่า ตอนนี้เขากลับแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีไม่มากนัก
“มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
“ทักษะโยวหลัว!”
เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ทะลวงพลังวิญญาณได้เพราะสิ่งนอกกายอื่น เจ้าคิดว่าเจ้าจะพลิกสถานการณ์เอาชนะได้อย่างนั้นเหรอ เจ้ามันช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
ตูม!
ทันใดนั้น มู่เฉียนซีกับเป่ยกงจั๋วก็ต่อสู้ประมือกันหลายต่อหลายกระบวนท่า
เป่ยกงจั๋วเป็นถึงผู้แข็งแกร่งเหนือขั้นมหาจักรพรรดิ ฝีมือและวิธีการต่อสู้ของเขานั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน!
“หมัดทำลาย!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“…”
เป่ยกงจั๋วรับมือกับมู่เฉียนซี สภาพของเขาไม่ได้ตกอับยับเยิน แต่คนอื่นกลับไม่ได้โชคดีดั่งผู้เป็นเจ้านาย
การต่อสู้ของจักรพรรดินีแห่งดอกบัวเงินครามหัวใจทะเลนั้นแข็งแกร่งมากจนถึงขั้นที่พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีจำนวนคนที่เยอะกว่า แต่พวกเขาก็กำลังจะพ่ายแพ้!
แกร่ก แกร่ก!
แม้ว่าหุ่นเชิดนั้นของเป่ยกงจั๋วจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความแข็งแกร่งของชิงอิ่งแล้ว ยังห่างชั้นกันมาก!
ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผ่านไปครู่หนึ่งชิงอิ่งก็โจมตีหุ่นเชิดนั้นของเป่ยกงจั๋วอย่างรุนแรง จนทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
พลังวิญญาณธาตุน้ำแข็งอันน่าสะพรึงกลัวของเป่ยกงจั๋วพรั่งพรูออกมาอยู่ฝ่ามือของเขา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฝ่ามือน้ำแข็งจับวิญญาณ!”
เป้าหมายฝ่ามือนี้ของเป่ยกงจั๋วก็คือหัวใจของมู่เฉียนซี แต่การโจมตียังไม่ทันถึงร่างของมู่เฉียนซีก็ถูกร่างอันแข็งแกร่งร่างหนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
ทันทีที่ข้อมือของชิงอิ่งเคลื่อนไหว หมัดของเขาก็พุ่งไปที่ศีรษะของเป่ยกงจั๋ว
สีหน้าของเป่ยกงจั๋วพลันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก อาภรณ์คลุมยาวและเส้นผมสีดำขลับพัดสยายไปตามกระแสลมอย่างรุนแรง เขาร่นตัวถอยหลังออกไป
พรวด!
แม้เป่ยกงจั๋วจะหลบหลีกการโจมตีรอดพ้นจุดสำคัญของร่างกายไปได้ แต่ก็ถูกชิงอิ่งโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
ในปากตอนนี้ เป่ยกงจั๋วรับรู้ได้ถึงรสชาติคาวหวานเล็กน้อยของเลือด แต่เขากลับไม่ยอมแพ้กลืนเลือดนั้นกลับเข้าไป
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง เรามาร่วมมือกัน!”
“อืม!” ชิงอิ่งพยักหน้าเล็กน้อยตอบรับ จากนั้นร่างของเขาก็พุ่งไปที่เป่ยกงจั๋วอย่างรวดเร็วดั่วคมศร
หากรับมือกับมู่เฉียนซีคนเดียวมันก็เป็นเรื่องง่าย แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีกับชิงอิ่งร่วมมือกัน ไม่นานนักเป่ยกงจั๋วก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาได้ปล่อยพลังเกินกว่าที่ดินแดนสี่ทิศจำกัดออกมา ตอนนี้เขาระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่กล้าใช้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่อดทน
ตูม ปัง ปัง!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาอันเย็นยะเยือกหลายเข็มพุ่งปักเข้าที่ร่างของเป่ยกงจั๋ว
ขณะเดียวกันการต่อสู้ของชิงอิ่งก็โหดร้ายอย่างไม่อาจเปรียบได้
เป่ยกงจั๋วเองก็ตระหนักได้แล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่มากสำหรับเขา!
เช่นนั้น ก็เหลือเพียงแค่วิธีสุดท้ายแล้ว
ร่างในชุดดำสนิทร่างหนึ่งพุ่งออกมา เป้าหมายของเขาก็คือกู้ไป๋อี
สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเคร่งขรึมขึ้น อยากจะไปที่กู้ไป๋อีก่อน แต่กลับถูกเป่ยกงจั๋วขวางเอาไว้
“ข้ามีไพ่ตายอยู่ในมือ ข้าไม่กลัวหรอกว่าจะจับเจ้าไม่ได้ คิดจะทำการใหญ่ จะเผยจุดอ่อนออกมาได้อย่างไรกันเล่า เจ้าเผยจุดอ่อนของเจ้าออกมาเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นวันนี้เจ้าก็ไม่ต้องสงสัย ผู้ที่ต้องพ่ายแพ้ก็คือเจ้าแล้วล่ะ”
“เป่ยกงจั๋ว เจ้ารนหาที่ตาย! หากเจ้ากล้าแตะต้องเสี่ยวไป๋ ข้าจะเป็นคนทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจที่สุดที่มาอยู่ในดินแดนนี้!”
มู่เฉียนซีโจมตีไปด้วยกระบี่ แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เป็นจงใจฆ่าสังหารทั้งสิ้น!
แต่เรื่องมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เป่ยกงจั๋วคิดเอาไว้ ในขณะที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดผู้นั้นกำลังจะเข้าไปใกล้ตัวกู้ไป๋อี ทันใดนั้นลำแสงกระบี่สีเงินเจ็ดลำแสงก็เปล่งประกายขึ้น
ฉึก! ลำแสงทั้งเจ็ดแทงทะลุหัวใจของคนผู้นั้น!
เป่ยกงจั๋วตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “เป็นไปได้อย่างไร! อาการของเป่ยกงหานแย่ถึงเพียงนั้นแล้ว จะมีแรงลงมือได้อย่างไรกัน!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าคงประเมินเสี่ยวไป๋ต่ำไปแล้วจริง ๆ”
แต่เมื่อมู่เฉียนซีเหลือบไปมองสีหน้าของเสี่ยวไป๋แล้ว ในใจนางก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ต้องรีบกำจัดเป่ยกงจั๋วนี่ซะ
“ชิงอิ่ง ฆ่าเขาซะ! เร็วเข้า!”
“ได้!”
“บัวแดงพิฆาต!”
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ถูกมู่เฉียนซีกับชิงอิ่งโจมตีอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เป่ยกงจั๋วผู้แกร่งกล้าก็ทรุดเป็นม้าตีนปลายแล้ว
เมื่อเห็นกระบี่มังกรเพลิงกำลังพุ่งโจมตีมา จู่ ๆ เป่ยกงจั๋วก็ยิ้มขึ้น
“อ้อ! ข้าลืมบอกเจ้าไป หากข้าตาย หานก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขหรอก!”
คำพูดนี้ทำให้กระบี่ของมู่เฉียนซีเปลี่ยนทิศทางโจมตีหลีกเลี่ยงจุดคร่าชีวิตเขา
ฉึก! ถูกแทงด้วยกระบี่ไปครั้งหนึ่ง เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาจากร่างของเป่ยกงจั๋ว
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์ ไม่ต้องสนใจข้า ฆ่าเขาซะ เขาต้องตาย!”
มู่เฉียนซีไม่สงสัยในคำพูดนี้ของเป่ยกงจั๋วเลยว่าเป็นเรื่องจริง เฉกเช่นเดียวกับที่เชื่อว่าเขาไม่กล้าฆ่าเสี่ยวไป๋!
พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝด แม้จะไม่รู้ว่ามีสิ่งใดที่ฉุดรั้งพวกเขาเอาไว้ แต่มู่เฉียนซีก็ไม่กล้าเสี่ยง
“ชิงอิ่ง ฆ่าเป่ยกงจั๋วซะ!”
ชิงอิ่งเป็นหุ่นเชิด เป็นคนขรึม พูดน้อยแต่เขามีสัญชาตญาณในการตัดสินใจ!
ฆ่า!
คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้ ชิงอิ่งจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาดุจดั่งอสรพิษ ความรู้สึกเช่นนี้แย่มาก!
ชิงอิ่งเคลื่อนไหวแล้ว พุ่งตรงไปที่หัวใจของเป่ยกงจั๋ว!
ร่างในชุดดำร่างหนึ่งพุ่งออกมา “ฝ่าบาท ระวัง!”
ปัง!
การโจมตีนี้ ลูกน้องของเป่ยกงจั๋วเข้ามาขวางเอาไว้
เป่ยกงจั๋วยิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี เลี้ยงหุ่นเชิดที่ไม่เชื่อฟังเช่นนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก เจ้าไม่กลัวเขาจะฆ่าเจ้านายตัวเองบ้างเหรอ?”
เมื่อครู่มันช่างน่าหวาดเสียวมากจริง ๆ เดิมทีคิดว่ามู่เฉียนซีไม่กล้าฆ่าเขา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหุ่นเชิดชุดเขียวผู้แข็งแกร่งอย่างลึกลับผู้นี้จะไม่ฟังคำตัดสินใจของผู้เป็นนาย
วันนี้ไม่อาจสู้รบต่อได้แล้ว
“หวังเหล่า ข้าไม่ไหวแล้ว!”
เป่ยกงจั๋วถ่ายเทพลังให้กับชายชราผู้ที่ช่วยรับการโจมตีของชิงอิ่งแทนเขาผู้นั้น และชายชราผู้นั้นก็พุ่งไปที่มู่เฉียนซีกับชิงอิ่งอย่างสุดชีวิต
“กล้าฆ่าฝ่าบาท พวกเจ้าทุกคนต้องตาย ตายซะเถอะ!”
เป่ยกงจั๋วตะโกนออกคำสั่ง “รีบล่าถอย เร็วเข้า!”
ชิงอิ่งพามู่เฉียนซีหนี มู่เฉียนซีกล่าว “ทุกคน รีบขึ้นไปในหอฉงโหลวเร็วเข้า! เร็ว!”
พวกเขาไม่ใช่คนของดินแดนสี่ทิศ มู่เฉียนซีไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าพลังในการทำลายตัวเองของคนผู้นี้นั้นจะมหาศาลมากเพียงใด จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเอาไว้เสียก่อน!
“รีบไปที่เสี่ยวไป๋ เร็วเข้า!”
ชิงอิ่งมีความเร็วพอที่จะพามู่เฉียนซีไปที่ที่กู้ไป๋อีถูกมัดตัวอยู่ ทันใดนั้นเอง คนผู้นั้นก็ทำลายตัวเองแล้ว
พลังอันรุนแรงนั้นทำลายตำหนักเป่ยหานจนพังระนาบราบเป็นหน้ากลอง
ตูม!
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวทำให้ตำหนักเป่ยหานสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
โชคดีที่หอฉงโหลวบนเมฆาลอยตัวอยู่กลางอากาศ มิเช่นนั้นมันต้องได้รับความเสียหายด้วยเป็นแน่!
เมื่อพวกเขาออกมาก็เห็นฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วทุกสารทิศ ลั่วเหมี่ยวกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า “พี่สาวมู่ พี่สาวมู่ล่ะ?”