ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1467 เศษเสี้ยววิญญาณของเทพมาร
ลำแสงสีฟ้าอ่อนขวางพลังระเบิดนี้เอาไว้ได้ แม้จะรู้ว่ามู่เฉียนซีมีของล้ำค่าปกป้องตัวเองอยู่ แต่หากยังไม่เห็นกับตาว่านางปลอดภัยดี ทุกคนก็ยังคงไม่วางใจอยู่ดี
ขณะเดียวกันมู่เฉียนซีก็สามารถช่วยกู้ไป๋อีที่ถูกมัดอยู่ลงมาได้ กู้ไป๋อีกล่าวขึ้นด้วยความดีใจ “ซีเอ๋อร์!”
ฉึก! มู่เฉียนซีฉีดยาให้กู้ไป๋อีหลายเข็มอย่างไม่รีรอ
“ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กินยาก่อน!”
มู่เฉียนซียัดยาจำนวนมากให้กับกู้ไป๋อี จากนั้นก็หันมองไปที่คนเหล่านั้นที่เป็นห่วงนาง
นางเอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นอะไร! เย่เฉิน เซียวเหยา นำกำลังคนไปตามไล่ล่าเป่ยกงจั๋ว! ปิดผนึกค่ายกลส่งตัวระยะไกลกลับแดนซวนเทียนของตำหนักตงจี๋และตำหนักเป่ยหาน อย่าให้เป่ยกงจั๋วหนีไปได้เป็นอันขาด”
เป่ยกงจั๋วเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์เป่ยกง ซึ่งเป็นกองกำลังระดับห้ากองกำลังหนึ่ง หากปล่อยให้เขามีโอกาสหนีรอดไปได้ การแก้แค้นของเขา พวกนางไม่สามารถต้านทานได้ด้วยพลังที่มีอยู่ในตอนนี้แน่นอน
“เยวี่ยเจ๋อ โม่จิ่นอยู่เสริมกองกำลังที่นี่!”
“ขอรับ!”
ทุกคนแยกย้ายกันออกไปทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มู่เฉียนซีพากู้ไป๋อีไปที่หอหมอปีศาจ
เนื่องจากผลกระทบของการทำลายตัวเองของหวังเหล่าผู้นั้น ตำหนักเป่ยหานจึงไม่มีที่พักแล้ว
ร่างกายของกู้ไป๋อีเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เป่ยกงจั๋วแค่สั่งให้คนทำให้กู้ไป๋อีไม่ตายเท่านั้น ร่างกายของเขาจึงย่ำแย่มาก
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “เสี่ยวไป๋ ข้ามาช้าเกินไปแล้ว”
กู้ไป๋อีกล่าว “บาดเจ็บเล็กน้อย สำหรับซีเอ๋อร์แล้วคงไม่ใช่เรื่องยาก! หากไม่ใช่เพราะข้า เป่ยกงจั๋วคงไม่จ้องเล่นงานเจ้า”
“ก็ไม่แน่หรอก ข้ามีของล้ำค่าที่เขาต้องการ อย่างไรเสียก็ต้องมีสักวันที่ถูกเขาเล่นงานอยู่ดี ตอนนี้หน้าที่ของเจ้าก็คือรักษาตัวให้กลับมาให้ไว ๆ ข้าไม่มีทางปล่อยเป่ยกงจั๋วแน่”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของกู้ไป๋อี “ทำให้เขาหายไปจากดินแดนสี่ทิศ! ซีเอ๋อร์อย่าได้ยั้งมือไว้ไมตรีอีกล่ะ”
“แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ทำให้ร่างกายของข้าได้รับความเสียหายก็เท่านั้น ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ ซีเอ๋อร์ต้องช่วยข้าได้แน่นอน แต่หากเป่ยกงจั๋วยังมีชีวิตอยู่ ปัญหาก็จะตามมาไม่รู้จบ”
มู่เฉียนซีจ้องมองกู้ไป๋อี ต้องการดูจากสีหน้าท่าทางของเขาว่าเขาไม่ได้กล่าววาจาโกหก
แต่กู้ไป๋อีกลับไม่เผยพิรุธใดออกมาเลยแม้แต่น้อย!
“หาตัวเขาให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
หากไม่ฆ่าเขา นางก็มีวิธีการมากมายที่จะรับมือกับเขาอยู่แล้ว อย่างไรเสียนางก็คือหมอปีศาจ!
ค่ายกลส่งตัวระยะไกลของตำหนักตงจี๋และตำหนักเป่ยหานถูกปิดลงแล้ว ต่อมาก็เป็นการควบคุมการวิพากษ์วิจารณ์ ควบคุมกำลังที่เหลือจากการต่อสู้ของกองกำลังระดับสามทั้งสองกองกำลัง
ขอเพียงแค่มีกำลังคนอยู่ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ นางอยากจะรู้เหมือนกันว่าเป่ยกงจั๋วจะหลบได้ถึงเมื่อไร
ไม่นานนัก ข่าวใหญ่ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ
น้องชายของหัวหน้าตำหนักเป่ยหานวางแผนลอบสังหารหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นหัวหน้าตำหนักเป่ยหานตามไล่ฆ่าประมุขน้อย และจับตัวหัวหน้าตำหนักเป่ยหานไปกักขัง
ประมุขน้อยมู่กับหัวหน้าตำหนักเป่ยหานตัวปลอมผู้นั้นได้เปิดศึกรบกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว จนในที่สุดได้เปิดศึกขั้นเด็ดขาดกันอีกครั้งที่ตำหนักเป่ยหาน บีบจนลูกน้องของหัวหน้าตำหนักเป่ยหานตัวปลอมจนมุมจนต้องทำลายตัวเอง ส่วนหัวหน้าตำหนักเป่ยหานตัวปลอมผู้นั้นหลบหนีไปได้
เมื่อเทียบกับเรื่องราวที่เป่ยกงจั๋วแต่งออกมามั่วซั่วและปล่อยข่าวออกไปทั่วในครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้ทำให้ทุกคนปักใจเชื่อมากกว่า
มู่เฉียนซีรวบรวมกองกำลังอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดเพื่อตามหาตัวเป่ยกงจั๋ว!
แดนตะวันออก แดนตะวันตก แดนใต้ และแดนเหนือล้วนแต่กำลังตามหาตัวเป่ยกงจั๋ว!
ในครานั้น เป่ยกงจั๋วตามไล่ล่าจับตัวมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง กลับนึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าเรื่องราวเช่นนี้จะกลับมาเกิดขึ้นกับเขา
เป่ยกงจั๋วเป็นถึงองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์เป่ยกงในแดนซวนเทียน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตเขาจะมีวันนี้ได้ วันที่เขาต้องหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุนเช่นนี้
ในตอนนี้ เป่ยกงจั๋วหลบหนีมาถึงแดนตะวันตก และนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึงแดนตะวันตกจะมีคนมาหาเขาถึงที่
“องค์รัชทายาทเป่ยกง!” พระภิกษุรูปร่างสูงใหญ่กำยำรูปหนึ่งมองเขาและหรี่ตายิ้มพลางเรียกชื่อเขา
องครักษ์สามสิบกว่าคนที่ติดตามเป่ยกงจั๋วไปมองพระภิกษุผู้นี้ด้วยความระแวดระวัง เป่ยกงจั๋วพายอดฝีมือผู้แข็งแกร่งลงมาที่ดินแดนสี่ทิศมากมาย ตอนนี้ก็เหลือเพียงเท่านี้แล้ว ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!
พระภิกษุผู้นี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “องค์รัชทายาทเป่ยกง ข้าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับมู่เฉียนซี ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับท่าน ท่านต้องการกำจัดมู่เฉียนซี ส่วนข้าต้องการกำจัดอินรั่วเฉิน ข้าว่าเราร่วมมือกันได้”
เป่ยกงจั๋วกล่าว “เจ้าคือปรมาจารย์แห่งแคว้นเทพฟ้านอิน”
แม้ว่าเป่ยกงจั๋วจะมาอยู่ในดินแดนสี่ทิศได้ไม่นาน แต่ด้วยความเคยชินกับกองกำลังใหญ่ ๆ เขาก็เข้าใจในกองกำลังต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องเข้าใจก่อนถึงจะควบคุมได้
เนื่องจากปรมาจารย์แห่งแคว้นได้สมรู้ร่วมคิดกับเผ่าวิญญาณร้าย จึงถูกหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินและโอรสศักดิ์สิทธิ์ตามไล่ล่า จึงไร้ที่ไป
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาหาเขาเพื่อหาพวก
เป่ยกงจั๋วกล่าวเย้ยหยันว่า “ตอนนี้เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่ไร้เจ้าของ คนของเจ้าถูกโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินกำจัดไปจนสิ้นแล้ว เจ้ามีความสามารถและมีค่าอันใดจะมาร่วมมือกับคนอย่างข้า?”
เป่ยกงจั๋วก็เหมือนกับกู้ไป๋อี เกรงกลัวอินรั่วเฉิน
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นเป็นพระภิกษุผู้ออกบวชรูปหนึ่ง แต่กลับแข็งแกร่งอย่างวิปริต วิธีการของเขาก็รุนแรงและเฉียบขาดมากเช่นกัน
เผ่าวิญญาณร้ายวางหมากอย่างลับ ๆ มานานหลายปีถึงเพียงนั้น แต่อินรั่วเฉินใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันขุดรากถอนโคนออกมาจนหมดสิ้น มีเพียงแค่ปรมาจารย์แห่งแคว้นผู้นี้ที่หนีรอดมาได้
ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าว “อาตมามีพลังความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิด ไม่อาจช่วยองค์รัชทายาทรับมือกับมู่เฉียนซีได้ แต่มีคนผู้หนึ่งทำได้”
“ใคร?”
ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าว “หลายปีที่ผ่านมาข้าได้แฝงตัวอยู่ในแคว้นเทพฟ้านอิน แน่นอนว่าข้าก็มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ภารกิจของพวกข้าก็คือปลดปล่อยเศษเสี้ยววิญญาณของท่านเทพมารที่ถูกปิดผนึกอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธออกมาให้ได้”
“แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณของท่านเทพมาร แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับมู่เฉียนซีได้ เมื่อถึงตอนนั้น หม้อเทพนิรันดร์ก็จะเป็นของท่าน ส่วนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็จะเป็นของท่านเทพมาร”
เทพมารและวิญญาณร้ายนี้ เป่ยกงจั๋วไม่รู้อย่างแน่ชัดว่ามันคือสิ่งใด แต่คาดว่าคงถูกทิ้งเอาไว้ในเผ่าโบราณ สถานที่กันดารเล็ก ๆ นั่นกระมัง!
ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าว “ข้าว่าครั้งนี้องค์รัชทายาทต้องเอาชนะได้แน่นอน นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะใช้มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพทะลุมิติเช่นนั้น มิเช่นนั้นท่านก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”
ครั้งนี้ เป็นเพราะเขาประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว
เมื่อเป่ยกงจั๋วได้รู้ข่าว เขาก็รีบลงมาที่ดินแดนสี่ทิศทันที ไม่นึกเลยว่าจะถูกคนในดินแดนระดับต่ำแห่งนี้บีบเขาจนต้องตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
เดิมทีคิดว่าสามารถแย่งชิงของที่เขาปรารถนามาได้อย่างง่ายดายภายในชั่วพริบตาเดียว แต่กลับต้องมาเสียเวลามากถึงเพียงนี้ เดิมทีคิดจะนำกองกำลังคนลงมาอีก แต่กลับถูกท่านผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนคอยจับจ้องอยู่
หากกลับไป ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสกลับมาได้อีก
“องค์รัชทายาทคิดจะหลบหนีมู่เฉียนซีไปตลอดเช่นนี้หรือ ท่านไม่อยากฆ่ามู่เฉียนซี ไม่อยากได้หม้อเทพนิรันดร์เพื่อจะได้กลายเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือ”
การหลบหนีซ่อนตัวแต่ละวันที่ผ่านมา ก็ทำให้เป่ยกงจั๋วผู้เย่อหยิ่งทนไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้เป่ยกงจั๋วจึงตัดสินใจได้ในทันที
“ตกลง เราจะร่วมมือกัน! แต่เจ้ารับปากแล้วนะว่าเทพมารผู้นั้นจะช่วยข้ากำจัดมู่เฉียนซี”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่นอน!”
เป่ยกงจั๋วกล่าวถาม “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธอยู่ที่ใด เราจะเดินทางไปตอนนี้เลยใช่หรือไม่?”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา แต่คนขององค์รัชทายาทที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีไม่น้อย เพียงพอที่จะบุกไปแล้ว ตามข้ามา!”
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น ตำหนักเทพฟ้านอินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
พรวด! อินรั่วเฉินที่ออกจากการฝึกบำเพ็ญมาก่อนกำหนดในตอนนี้กระอักเลือดคำโตออกมาแล้ว เขาอดทนต่อความเจ็บปวดดุจดั่งถูกฉีกกระชากวิญญาณก่อนจะเอ่ยปากกล่าวถามว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธถูกบังคับเปิดออก! ปรมาจารย์ที่เฝ้าคุ้มกันหลายสิบท่านถูกฆ่าตายจนหมด จากที่ได้รับรายงานมา ปรมาจารย์แห่งแคว้นพาองค์รัชทายาทเป่ยกงบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธแล้วขอรับ”
เมื่อมู่เฉียนซีรู้ข่าวของเป่ยกงจั๋วจึงบังคับให้กู้ไป๋อีรีบรักษาตัวให้หาย และพากำลังคนขึ้นหอฉงโหลวบนเมฆาเดินทางไปยังแคว้นเทพฟ้านอินด้วยความเร็วสุดขีด
“อินรั่วเฉิน เจ้าเพิ่งจะออกมาจากการบำเพ็ญไม่ใช่เหรอ เหตุใดสีหน้าเจ้าถึงได้แย่เพียงนี้ ลมหายใจของเจ้าก็ผิดปกติมาก” มู่เฉียนซีมองอินรั่วเฉินอย่างพิจารณาพลางกล่าว