ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1468 มารในใจของโอรสศักดิ์สิทธิ์
อินรั่วเฉินกล่าว “ตอนเก็บตัวบำเพ็ญเกิดความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้เป็นอะไรมาก!”
“วิญญาณได้รับบาดเจ็บเจ้ายังบอกว่าไม่เป็นอะไรมากอีกเหรอ” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
อินรั่วเฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “แม่นางมู่นับวันยิ่งเก่งกาจขึ้นมากจริง ๆ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ข้าเป็นถึงหมอปีศาจ”
“กินยาลูกกลอนนี้ปรับสมดุลร่างกายก่อนเถอะ การเคลื่อนไหวในครั้งนี้เจ้าไม่ต้องไปล่ะ”
อินรั่วเฉินกล่าวขึ้นมาว่า “มีคนบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธ ข้าจำเป็นต้องไป หัวหน้าแคว้นจำเป็นต้องอยู่รับหน้าข้างนอก หากข้าไม่เข้าไปก็ไม่มีผู้ใดทำภารกิจนี้สำเร็จ”
“รั่วเฉิน…เฮ้อ!” หัวหน้าแคว้นที่ได้ฟังก็ทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจ
อย่างไรเสีย นอกจากอินรั่วเฉินแล้วก็ไม่มีคนอื่นที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
อินรั่วเฉินกล่าว “ในเมื่อแม่นางมู่มาแล้ว เช่นนั้นเรารีบออกเดินทางกันเถอะ พวกนั้นเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธแล้ว ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอันใดขึ้นแล้วบ้าง”
“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า ไปกันเถอะ!”
ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธ มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อินรั่วเฉิน ตกลงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธนั่นมีของล้ำค่าอันใดกันแน่ แม้แต่เป่ยกงจั๋วผู้เย่อหยิ่งถึงกับต้องร่วมมือกับปรมาจารย์แห่งแคว้นบุกเข้าไปเช่นนั้น”
อินรั่วเฉินกล่าว “อันที่จริงแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธก็ไม่ได้มีของล้ำค่าอันใดหรอก แต่ที่มีก็คือวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งมากที่ถูกหัวหน้าแคว้นผู้บุกเบิกแคว้นเทพฟ้านอินในตอนนั้นได้ปิดผนึกมันเอาไว้ในนั้น แม้แต่ความแข็งแกร่งของหัวหน้าแคว้นในตอนนั้นก็ไม่อาจกำจัดวิญญาณของมันได้ จึงทำได้เพียงแค่ปิดผนึกเอาไว้เท่านั้น”
“ข้าสงสัยว่าวิญญาณนั่นจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าวิญญาณร้าย เป้าหมายของคนพวกนั้นต้องเป็นการปลดปล่อยวิญญาณนั่นออกมาแน่นอน”
“พวกเผ่าวิญญาณร้ายรับมือได้ยากนัก ต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้”
นางที่เคยสู้รบปรบมือกับเยี่ยเฉียมาก่อนย่อมรู้ดีว่าเผ่าวิญญาณร้ายรับมือยากมากเพียงใด
ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางมาถึงประตูทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธแล้ว
“ท่านโอรสศักดิ์สิทธิ์!”
“โอรสศักดิ์สิทธิ์!”
“…”
อินรั่วเฉินกล่าว “เปิดประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“ขอรับ!”
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ประตูดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธถูกเปิดออก ด้านในกลับมืดสนิท
อินรั่วเฉินกล่าว “ตามข้ามา”
อินรั่วเฉินคุ้นเคยกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธนี้มาก แม้ว่าบริเวณรอบ ๆ จะมืดสนิท แต่เขาก็หาทางได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักฐานดอกบัวพระพุทธเจ้าสีทองอร่ามดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
เสียงหัวเราะชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! อินรั่วเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที พวกข้ารอเจ้าตั้งนาน”
อินรั่วเฉินกล่าว “ปรมาจารย์แห่งแคว้น ท่านกลับตัวตอนนี้ยังทันนะ พระผู้เป็นเจ้าจะเมตตาท่าน”
ปรมาจารย์แห่งแคว้นยิ้มพลางกล่าวว่า “เดิมทีข้าก็ไม่ได้เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้เชื่อในความเมตตาอะไรนั่นอยู่แล้ว! อินรั่วเฉิน เจ้าลองใช้สมองอันน้อยนิดของเจ้าคิดดูให้ดี พระผู้เป็นเจ้าอะไรนั่นเมตตาเจ้าบ้างหรือไม่ เจ้าเด็กผู้น่าสงสาร”
“การปลดผนึกจะต้องใช้เลือดของโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน เรามาร่วมมือกันปลดผนึกเถอะ บางทีท่านเทพมารอาจจะช่วยเจ้าได้ก็ได้นะ!”
อินรั่วเฉินยกมือทั้งสองข้างประสานกันพลางกล่าว “อมิตาพุทธ!”
“ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง องค์รัชทายาทเป่ยกง จับตัวอินรั่วเฉินให้ข้า” ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในขณะที่เป่ยกงจั๋วลงมือกับพวกเขานั้น คนของมู่เฉียนซีที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ลงมือแล้วเช่นกัน
นางพายอดฝีมือระดับสูงสุดครึ่งหนึ่งมาที่นี่ เมื่อเป่ยกงจั๋วเห็นมู่เฉียนซี ความโกรธแค้นที่มีก็ปะทุออกมาจนอยากจะจับนางมาถลกเนื้อหนังมังสาออกเป็นชิ้น ๆ
“มู่เฉียนซี นี่เจ้าก็มาด้วยเหรอ”
“หากข้าไม่มาแล้วจะกำจัดคนเช่นเจ้าได้ยังไงกันล่ะ! องค์รัชทายาทเป่ยกง” มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน
ครั้นแล้ว เป่ยกงจั๋วจึงถูกมู่เฉียนซีกับชิงอิ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน ทั้งสามเริ่มโรมรันพัลวันกันอีกครั้ง ส่วนอินรั่วเฉินไปรับมือต่อสู้กับปรมาจารย์แห่งแคว้น
เป่ยกงจั๋วหลบหลีกการโจมตีของชิงอิ่ง มือที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งคู่หนึ่งพุ่งไปหมายจะจับมู่เฉียนซี “วันนี้ ในที่แห่งนี้เจ้าไม่มีพลังนั่นสนับสนุน มู่เฉียนซี ครั้งนี้เจ้าต้องอ่อนแอกว่าครั้งก่อนแล้วแน่นอน”
ตูม! การโจมตีของเป่ยกงจั๋วไม่โดนเป้าหมาย!
ชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนพื้นดิน ส่วนมู่เฉียนซีไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“อ่อนแอแล้วเช่นไร พลังของข้ากับชิงอิ่งสองคน ก็เพียงพอที่จะจัดการกับคนอย่างเจ้าได้”
ตูม!
ปรมาจารย์แห่งแคว้นอายุอานามมากแล้ว เขาไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอินรั่วเฉินเลย แต่ตอนนี้อินรั่วเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้
ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าวเสียงต่ำ “เจ้ามันตัวประหลาด”
พรวด! ปรมาจารย์แห่งแคว้นได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของอินรั่วเฉิน แต่เขากลับหัวเราะอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า “แม้ว่าท่านเทพมารจะถูกปิดผนึกนานหลายปี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีพลังเลย”
“ท่านเทพมาร ช่วยข้าน้อยจับจุดอ่อนของเจ้าเด็กผู้นี้ด้วย ให้ข้าน้อยเอาเลือดของเขาเพื่อปลดผนึกให้ท่านให้ได้ด้วยเถิด!”
พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา ภายในชั่วพริบตาเดียวลูกน้องของมู่เฉียนซีต่างก็ได้รับผลกระทบจากพลังจิตนี้
และคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังจิตนี้ก็มีเพียงแค่มู่เฉียนซีและชิงอิ่งเท่านั้น
สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปมาก อินรั่วเฉิน!
หลุมสีดำหลุมหนึ่งปรากฏขึ้นใต้พื้นดินที่อินรั่วเฉินยืนอยู่ มันกำลังกลืนกินเขา และดวงตาของอินรั่วเฉินในตอนนี้กำลังพร่ามัวเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง รับมือเป่ยกงจั๋วเอาไว้”
มู่เฉียนซีพุ่งตัวไปที่อินรั่วเฉิน ทั้งสองถูกหลุมดำอันน่าสะพรึงกลัวนั้นกลืนกินเข้าไป
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังตกลงไป นานมากกว่าจะถึงพื้นดินด้านล่าง
ในขณะที่ตกลงไปนั้น มู่เฉียนซีปักเข็มยาให้อินรั่วเฉินหลายเข็มเพื่อให้เขาฟื้นตัวขึ้นมา
พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวในเมื่อครู่นั้นจงใจพุ่งเป้าไปที่อินรั่วเฉิน ต่อให้อินรั่วเฉินมีพรสวรรค์มากกว่านี้ก็ไม่สามารถรับการโจมตีทางพลังจิตที่แข็งแกร่งปานนั้นได้อยู่ดี
และในที่สุดร่างของพวกเขาทั้งสองก็ตกลงสู่พื้นดินด้านล่างแล้ว ส่วนอินรั่วเฉินเองก็ได้สติกลับมาแล้ว
เมื่ออินรั่วเฉินเห็นมู่เฉียนซีก็ตกใจผงะไปเล็กน้อย “แม่นางมู่ เจ้า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากข้าไม่อยู่ เจ้าก็คงถูกฆ่าตายไปแล้วล่ะ”
“ที่นี่ที่ไหน?”
“เหอะ ๆ ๆ! ข้าก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกว่ามีคนรับการโจมตีทางพลังจิตของข้าได้เช่นนี้ พลังจิตของเจ้าช่างแข็งแกร่งมากจริง ๆ! แม่นางน้อย”
เสียงเสียงนี้ มู่เฉียนซีคุ้นเคยยิ่งนัก
“เยี่ยเฉีย!”
“นี่เจ้า!”
“นี่เจ้ารู้จักข้าได้ยังไง?” เยี่ยเฉียกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ส่วนมู่เฉียนซีเองก็รู้สึกแปลกใจไม่ต่างกัน เยี่ยเฉียอยู่ที่แดนเทพทะเลเมฆาไม่ใช่หรอกเหรอ
เหตุใดถึงถูกจับมาปิดผนึกอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธได้
ทว่า เจ้าหมอนี่คือเยี่ยเฉียไม่ผิดแน่นอน!
มู่เฉียนซีกล่าว “ตกลงเจ้าจะเอาเช่นไรกันแน่?”
“ข้าต้องการเลือดของโอรสศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลดปล่อยข้าออกไป เห็นแก่ที่แม่นางน้อยรู้จักข้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าถูกผนึกอยู่ในนี้นานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอคนที่น่าสนใจเช่นเจ้า”
เป็นเขาจริง ๆ ด้วย นิสัยก็เหมือนกัน ไม่ได้ต่างกันเลย
“แล้วหากว่าข้าไม่ตอบตกลงล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“หากเจ้าไม่ตอบตกลง นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของพวกเจ้า”
“แดนภาพลวงตา เปิดออก! พวกเจ้าค่อย ๆ สนุกไปกับมันเถอะ และสุดท้ายพวกเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี” เยี่ยเฉียกล่าวเย้ยหยัน
พลังจิตของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งมากอย่างที่เยี่ยเฉียไม่อาจจินตนาการได้ และแดนภาพลวงตานี้ก็ดูเหมือนว่าจะใช้กับมู่เฉียนซีไม่ได้ผล
ทว่า ไม่ได้หมายความว่าจะใช้กับอินรั่วเฉินไม่ได้ผล
มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจกับภาพลวงนี้เหล่านี้ แต่นางเห็นอินรั่วเฉินกำลังตกอยู่ในภาพลวงตาเหล่านั้น
ฆ่า!
โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินกำลังต้องการลงมือสังหารเข่นฆ่าคน นี่เป็นเรื่องที่คนอื่นคิดไม่ถึงจริง ๆ
“ไม่…ไม่ใช่ข้า…”
“ข้าไม่อยากคิด ข้า…”
“……”
หลังจากฆ่าสังหารเสร็จสิ้น เขากำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในมุมมุมหนึ่ง
“เหตุใดถึงต้องเลือกข้า”
“หากเป็นเพราะกระดูกแห่งพระพุทธนี้ ข้าจะกำจัดออกไปก็สิ้นเรื่อง!”
“หากเป็นเพราะหัวใจศักดิ์สิทธิ์ดวงนี้ ควักมันออกมาจะเป็นเช่นไร?”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินผู้นี้จะต้องแบกรับภาระหน้าที่อันหนักหน่วงเพียงใดมาตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะคำว่า ‘หัวใจศักดิ์สิทธิ์ กระดูกแห่งพุทธ’ เก้าคำนี้
ในมือของเขาถือกริชเล่มหนึ่ง เตรียมจะแทงหัวใจตัวเอง เลือดตรงหัวใจ เป็นเลือดที่ใช้ปลดผลึกได้ดีที่สุดแล้ว