ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1469 สวดมนต์จนได้สติ
มู่เฉียนซีที่ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทางให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน
มู่เฉียนซีจับกริชเล่มนั้นเอาไว้ ทำให้คมกริชนั้นกรีดโดนมือนาง
เลือดสีแดงสดของมู่เฉียนซีหยดลงต่อหน้าอินรั่วเฉิน
หลังยื้อยุดกริชกันเล็กน้อย หยดเลือดบางส่วนก็กระเด็นเข้าไปในปากของอินรั่วเฉิน โอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องที่ได้ลิ้มรสเลือดของมู่เฉียนซีแล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “ช่างเป็นเลือดที่หอมหวานยิ่งนัก”
“ข้าชอบมาก!”
ดวงตาคู่นั้นยังคงชัดเจน แต่เห็นแล้วกลับรู้สึกน่าขนลุก
มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน เจ้าตั้งสติหน่อยสิ”
อินรั่วเฉินคว้ามือมู่เฉียนซี ต้องการดูดเลือดที่มือของนางต่อ
ฉึก ๆ ๆ! เข็มยาหลายเข็มปักลงบนร่างของอินรั่วเฉินอย่างไร้ความปรานี
ตุบ! ร่างของอินรั่วเฉินล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
มู่เฉียนซีกำลังขบคิดถึงอาการของอินรั่วเฉิน เยี่ยเฉียก็กล่าวแทรกขึ้นมาว่า “เจ้าไม่ได้ตกอยู่ในภาพลวงตา มันให้ข้ารู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ แต่เจ้าช่วยเขาไม่ได้หรอกนะ”
“เด็กน้อยผู้น่าสงสารผู้นี้ ตั้งแต่เกิดมาก็ถูกขังให้อยู่ในที่แห่งนี้ นับได้ว่าเขาคุ้นเคยกับข้าที่สุดแล้ว ข้ารู้ว่าจุดอ่อนของเขาคือสิ่งใด”
“ตราบใดที่จับจุดอ่อนนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะไร้ข้อบกพร่อง ไร้ที่ติมากเพียงใด เขาก็ถูกกำหนดให้เป็นหุ่นเชิดของข้าอยู่ดี”
มู่เฉียนซีกล่าว “มันก็ไม่แน่หรอก ตอนนี้เจ้าทำได้แค่ใช้พลังจิตโจมตีก็เท่านั้น และดูเหมือนว่าพลังจิตของเจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้เสียด้วย”
พลังของเยี่ยเฉียผู้นี้ เมื่อเทียบกับเยี่ยเฉียผู้นั้นที่ดินแดนเทพทะเลเมฆาแล้วห่างชั้นกันมาก
ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงโล่งใจมาก!
และในตอนนี้ อินรั่วเฉินที่ถูกมู่เฉียนซีทำให้สลบไปก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ตุบ! มู่เฉียนซีลงมืออีกครั้ง ทำให้อินรั่วเฉินหมดสติล้มลงไปอีกครา
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าใช้คนที่ไร้สติเช่นนี้มารับมือกับข้า เจ้าคิดผิดแล้ว”
มู่เฉียนซีเตรียมของมากมาย และปรุงยาออกมาอย่างว่องไว ก่อนจะโยนอินรั่วเฉินลงไปในอ่างน้ำ
“อินรั่วเฉิน ที่ผ่านมาเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด หากแม้แต่ตัวเองเจ้ายังเอาชนะไม่ได้ ข้าคงจะมองเจ้าผิดไปแล้วล่ะ”
“ข้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ เจ้าอย่าได้ยอมแพ้เชียว”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! หลังจากที่มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินหายตัวไป การต่อสู้ด้านนอกก็ดุเดือดลุกเป็นไฟขึ้น
ชิงอิ่งน่ากลัวมาก เป่ยกงจั๋วรู้สึกประหลาดใจในตัวชิงอิ่งยิ่งนัก เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของหุ่นเชิดผู้นี้
หุ่นเชิดมีอารมณ์โกรธด้วยอย่างนั้นเหรอ? มู่เฉียนซี นางทำอะไรกับหุ่นเชิดนี้กันแน่!
“มู่เฉียนซีไปไหนแล้ว?” เป่ยกงจั๋วกล่าวถามปรมาจารย์แห่งแคว้น
ปรมาจารย์แห่งแคว้นกล่าว “มู่เฉียนซีและอินรั่วเฉินถูกลากลงไปในมิติของท่านเทพมารแล้ว ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่งของท่านเทพมาร มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินต้องตายอย่างแน่นอน องค์รัชทายาทเป่ยกงรอฟังข่าวดีได้เลย!”
ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ชิงอิ่งยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้น
“หุ่นเชิดนี้มีอารมณ์และความรู้สึก ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!” เป่ยกงจั๋วกล่าว
ฉึก!
ปัง!
เปรี๊ยะ!
เมื่อใดก็ตามที่อินรั่วเฉินจะลงมือกับมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็จะทำให้เขาหมดสติไปอย่างไม่เกรงใจ การทำให้เขาสลบ ไม่ว่าจะใช้ยาพิษทำให้เขาสลบ หรือฟาดให้เขาสลบ ล้วนไม่เลือกวิธี!
สำหรับวิธีการต่าง ๆ มากมายของมู่เฉียนซีนั้น เยี่ยเฉียรู้สึกจนปัญญาแล้วจริง ๆ
“หรือไม่เจ้าก็ฆ่าเขาเสียเถอะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
ไม่มีอันใดคืบหน้า วิญญาณเป็นสิ่งที่รักษายากที่สุด เนื่องจากมันมีความซับซ้อนมาก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “เจ้าที่ช่วยเหลือค้ำจุนสิ่งมีชีวิตมากมายมาโดยตลอด เหตุใดถึงถูกครอบงำได้เล่า”
“คิดว่าข้าจะทำใจฆ่าเจ้าไม่ลงจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ! แต่หากข้าฆ่าเจ้าแล้วข้าจะไปเอาฝักกระบี่จากที่ใดกันเล่า”
“อินรั่วเฉิน ข้าได้ยินว่าการสวดมนต์สามารถขจัดจิตใจที่วุ่นวายฟุ้งซ่านได้ เจ้าลองสวดมนต์ให้ข้าฟังสักท่อนสิ”
“นา มอ ออ หมี ถัว ฝอ (นะโม อมิตาภพุทธะ)…อู๋ ซ่าง…”
มู่เฉียนซีสวดมนต์ออกมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย นางที่กำลังสวดมนต์อยู่รู้สึกเบื่อหน่ายจนตัวเองแทบจะหลับไปแล้ว
และทันใดนั้นเอง น้ำเสียงอันแจ่มชัดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “แม่นางมู่ไม่ตั้งใจสวดเลย สวดมนต์เช่นนี้ไม่สมควรจะได้ออกบวชนะ”
มู่เฉียนซีตกใจสะดุ้งขึ้น “เจ้าได้สติแล้วเหรอ?”
อินรั่วเฉินกล่าว “บทสวดที่แม่นางมู่สวดได้ผลดีทีเดียว ข้าจึงฟื้นและได้สติกลับมาแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความงงงวยว่า “มีสิ่งลี้ลับอันใดหรือไม่ ยาของข้าใช้ไม่ได้ผล แต่พอข้าสวดมนต์กลับได้ผลดีเช่นนี้”
อินรั่วเฉินกล่าว “เพราะบทสวดที่แม่นางมู่สวดทำให้ข้าคิดขึ้นได้ว่าข้าบำเพ็ญในทางธรรม จิตใจของข้า ไม่ว่าจะเผชิญกับความยากลำบากเพียงใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
อินรั่วเฉินมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวพลางกล่าว “ข้าเคยฝืนตัวเอง เคยอ้างว้าง เคยสับสน เคยเบื่อโลกใบนี้มาก่อน…”
มู่เฉียนซีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ช้าก่อน! นี่เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าคืออินรั่วเฉินน่ะ”
เขาเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากประสกทั้งปวง ไม่ทำเรื่องอืดอาดยืดยาดแน่นอน…
“ข้าปลอมร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดออกมา ปกปิดสิ่งที่น่ารังเกียจมากของข้าเอาไว้ จนกระทั่งข้าได้เจอกับสหายเช่นเจ้า แม่นางมู่ ข้ารู้สึกขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าของข้ามากที่ดลบันดาลให้ข้าได้เจอกับเจ้า บางทีความมุ่งมั่นทุกอย่างอาจไม่ได้สูญเปล่าก็ได้”
มู่เฉียนซีแบะปากพลางกล่าวว่า “พระอย่างเจ้ากล่าววาจาอะไรข้าฟังไม่รู้เรื่อง”
“ต่อไปแม่นางมู่ก็จะเข้าใจเอง” อินรั่วเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เป็นไปได้ยังไง?” และผู้ที่ตกตะลึงที่สุดก็คือเยี่ยเฉียนั่นเอง
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้! เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถควบคุมบังคับจิตใจคนอื่นได้อย่างนั้นเหรอ ใจคนมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอกนะ”
“เยี่ยเฉีย โผล่หัวออกมาได้แล้ว! ข้าจะได้คิดบัญชีกับเจ้าสักที”
“แม่นางน้อย ช่างมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว! คิดจริง ๆ เหรอว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าไม่ได้”
ตูม! บริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยวิญญาณจำนวนมาก ทันใดนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างสุดกำลัง
มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน ข้าว่าวิญญาณพวกนี้เจ้าคงจะรับมือได้ดี เช่นนั้นก็มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าก็แล้วกัน กว่าจะทำให้เจ้าได้สติขึ้นมาได้ ข้าทรมานมาก”
อินรั่วเฉิน “ตกลง!”
แสงแห่งธรรมอันบริสุทธิ์เปล่งประกายพร่างพราวขึ้น และแสงแห่งธรรมนี้ก็นับว่าเป็นดาวมฤตยูของเหล่าวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้
อันที่จริงมู่เฉียนซีก็ใช่ว่าจะอยู่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย ในขณะที่อินรั่วเฉินกำลังต่อสู้อยู่นั้น นางกำลังตามหาเยี่ยเฉียอยู่
ขอเพียงแค่หาเยี่ยเฉียเจอ พวกเขาก็จะหาทางออกเจอ
ปัง ปัง ปัง!
อินรั่วเฉินจัดการไปได้กลุ่มหนึ่ง เยี่ยเฉียก็ส่งอีกกลุ่มมา
เจ้าหมอนี่เป็นคนที่ระแวดระวังมาก ปล่อยวิญญาณออกมามากมายถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เลย
มู่เฉียนซีกล่าว “เยี่ยเฉีย เจ้ากับเยี่ยเฉียอีกคน พลังช่างห่างชั้นกันเหลือเกิน! แม้แต่วิญญาณเหล่านั้นที่เจ้าส่งไปก็อ่อนแอยิ่งนัก ไม่น่าต่อสู้ด้วยเลยแม้แต่น้อย!”
เยี่ยเฉียตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นี่เจ้าว่าอะไรนะ! เจ้า…เจ้าเคยเจอร่างจริงของข้าแล้วอย่างนั้นเหรอ เจ้าเจอได้ยังไง?”
เยี่ยเฉียในดินแดนเทพทะเลเมฆานั้นคือร่างจริง ส่วนเยี่ยเฉียในที่แห่งนี้ก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็เท่านั้น!
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยากรู้หรือไม่ล่ะ ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ หากว่าเจ้าไม่ได้ฉลาดเหมือนร่างจริงของเจ้า”
ชั่วพริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็แผ่ซ่านพลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งหมดของนางออกมา
เยี่ยเฉียตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “วิญญาณลิขิตสวรรค์ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์”
เนื่องจากเขาตื่นเต้นมากเกินไป เกิดความละโมบโลภมากขึ้น ดังนั้นเยี่ยเฉียจึงเผยพิรุธออกมา!
ไม่สิ! วิญญาณลิขิตสวรรค์หนีรอดมาจากเงื้อมมือของร่างจริงของเขาได้ เช่นนั้น…เช่นนั้นก็หมายความว่านางต้องรับมือได้ยากมากแน่นอน!
และกว่าที่เขาจะตระหนักได้นั้น มันก็สายไปเสียแล้ว!
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อินรั่วเฉิน รีบรบรีบปิดศึก ข้ารู้แล้วว่าเจ้าหมอนั่นอยู่ที่ไหน”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ลำแสงสีทองอร่ามโจมตีวิญญาณเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น
มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินพุ่งขึ้นไป มู่เฉียนซีมองไปที่อินรั่วเฉินพลางกล่าว “เจ้าไม่แปลกใจบ้างเลยเหรอ?”
อินรั่วเฉินกล่าว “เจ้าคือวิญญาณลิขิตสวรรค์ อาตมารู้มาตั้งนานแล้ว”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง พระผู้นี้ช่างลึกลับมากจริง ๆ
“เจ้ารู้ตอนที่เจ้าเจอข้าครั้งแรก ตอนที่เจ้าแย่งชิงมังกรเพลิงกับข้าอย่างนั้นเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวถามด้วยความแปลกใจ
.