ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1473 จิตสังหารของไป๋อี
“เจ้าสายฟ้าบ้านี่ต้องการจะให้ข้าตายให้ได้อย่างนั้นเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างขุ่นเคือง และทำได้เพียงแค่เร่งความเร็วในการหนี
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง โชคดีที่มู่เฉียนซีหลบได้รวดเร็ว มิเช่นนั้นแล้วต้องถูกสายฟ้านี้ฟาดฟันจนร่างแหลกสลายเป็นแน่
มู่เฉียนซีมองไปที่รอยแยกนั้นด้วยความกลัวที่ยังคงอยู่ แต่สายฟ้านั่นยังไม่ยอมแพ้ ตามโจมตีมู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง
และในตอนนี้เอง น้ำเสียงแก่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“พรสวรรค์ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก! สามารถผ่านอัสนีของข้าได้ถึงสามครั้ง หากเจ้ายินยอมที่จะสืบทอดต่อจากข้า วันนี้ เจ้าก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านพูดจาไร้สาระเกินไปแล้ว หากว่าข้าไม่ยินยอมก็เท่ากับว่าข้าต้องตาย ฉะนั้นอย่างไรเสียข้าก็ต้องจำยอมอยู่ดี ข้ายังมีตัวเลือกอื่นอีกเหรอ?”
หากคนผู้นี้มีความคิดเฉกเช่นเดียวกับเยี่ยเฉียแล้วละก็ คนที่จะดวงซวยก็คือตัวเขาเอง
หากสามารถจัดการสถานการณ์ยุ่งยากในตอนนี้ได้ ก็นับว่าไม่เลวเลย!
สายฟ้าสีเงินพุ่งเป้าไปที่มู่เฉียนซีทันที ทำให้มู่เฉียนซีตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นทันใด
“วิชาพันอัสนี!”
“จงใช้สายฟ้าฝึกฝนร่างกาย หลังจากผ่านการฝึกฝนสายฟ้าเก้าพันครั้ง ก็นับว่าเป็นอันสำเร็จวิชา ร่างกายจะได้รับการฝึกฝนถึงขั้นสูงสุด”
“นี่คนวิกลจริตผู้ใดกันที่คิดวิชาทำร้ายร่างกายตัวเองเช่นนี้ออกมา” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา
น้ำเสียงแก่เสียงนั้นกล่าวขึ้นว่า “แม่นางน้อย นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมากล่าวโทษผู้อื่น หากเจ้าไม่ยอมฝึกฝนแล้วละก็ รอให้สายฟ้านั้นฟาดฟันลงมา เจ้าก็จะต้องตายกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน”
และในตอนนี้ สายฟ้านั้นก็พุ่งลงมาที่นางแล้ว
มู่เฉียนซีแทบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว “เวลาเพียงน้อยนิดเท่านี้นี่นะ ท่าน…ท่านกล้าก็มาสิ!”
ตอนนี้นางทำได้เพียงแค่ต้องช่วยตัวเองแล้ว ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช่ร่างกายฝึกฝนวิชาอัสนีนี้
เปรี้ยง! สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวฟาดฟันลงมา
ปัง! มู่เฉียนซีล้มลงไปกับพื้น
“ฮือ ๆ ๆ! นายท่าน! อย่าตายนะ นายท่านห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด”
สายฟ้านั้นใช้กับมังกรเพลิงไม่ได้ผล แต่สำหรับมู่เฉียนซี ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของนางถูกห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้าสีเงิน อีกทั้งยังมีประกายแสงโจมตีร่างกายของนางอยู่อีกด้วย!
เจ็บปวดยิ่งนัก!
เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว!
ทว่า ในตอนนี้มู่เฉียนซีไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะร้องออกมา จำต้องบอกเลยว่าวิชานี้มีประโยชน์มาก อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงพลังอัสนีสวรรค์มาใช้ได้
มู่เฉียนซีกำลังทำความเข้าใจวิชานี้อย่างบ้าคลั่ง เคล็ดวิชาต้านสวรรค์เช่นนี้จะต้องช่วยสนับสนุนนางได้อย่างแน่นอน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงฝึกฝนทักษะร่างพันอัสนี และสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว!
กว่าจะให้ร่างกายของนางซึมซับพลังแห่งอัสนีได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จากนั้นเสียงหัวเราะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย! ไม่นานก็เรียนรู้ได้แล้ว สมกับเป็นอัจฉริยะจริง ๆ เอาอีก!”
จากนั้น อัสนีสวรรค์นั้นก็โจมตีลงมาอีกครั้ง
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น “หากสายฟ้าสายแรกเป็นผลงานชิ้นเอกของเป่ยกงจั๋ว ต่อไปก็คงจะเป็นผลชิ้นเอกของชายชรานี่กระมัง!”
“ข้าจะไปตามไล่ล่าศัตรูคู่แค้นของข้า ท่านอย่ามาเกะกะขวางทางข้าจะได้หรือไม่?”
“ศัตรูคู่แค้น จะเกรงกลัวอะไรกับแค่ศัตรูคู่แค้น! หากเจ้าฝึกฝนวิชาพันอัสนีนี้ได้สำเร็จ ศัตรูคู่แค้นน่ะเหรอ เจ้าก็โจมตีกลับไปสิ”
ครืน! ผลก็คือมันมาอีกครั้ง
ครืน! เปรี้ยง เปรี้ยง!
ผู้เฒ่านั่นไม่คิดจะปล่อยมู่เฉียนซีไป และยิ่งไม่ยอมให้มู่เฉียนซีจากไป หลังจากโจมตีลงมาอย่างต่อเนื่องถึงเก้าครั้งติดต่อกัน ในที่สุดก็หยุดลงแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าคิดว่าผู้อาวุโสเช่นท่านจะโจมตีข้าเก้าพันครั้งซะอีก!”
“เห็นข้าเป็นคนดื้อรั้นเช่นนั้นเลยเหรอ?”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย พลางคิดในใจว่า ก็เหมือนมากมิใช่หรือ?
“อัสนีสวรรค์ธรรมดาทั่วไปเก้าครั้ง จะช่วยทำให้พื้นฐานของเจ้าดีขึ้นได้มากที่สุด ต่อไปเจ้าจะต้องก้าวหน้าขึ้น และจะต้องยกระดับให้ดีกว่าเดิม”
“จะอยากให้ข้ายกระดับให้ดีกว่าเดิม มิสู้ผู้เฒ่าเช่นท่านให้ข้าไปฆ่าตัวตายเสียดีกว่า”
“คำก็ผู้เฒ่า สองคำก็ผู้เฒ่า ข้ายังไม่แก่สักหน่อย! หึ ๆ ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นที่มาถึงที่นี่แล้วสร้างภูเขามาลูกหนึ่ง ยามเบื่อหน่ายก็ปล่อยพลังออกมาเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้ตอนนี้ได้มาพบกับสาวน้อยผู้มีพรสวรรค์เช่นเจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ยังไงก็เถอะ ข้าคิดว่านี่มันเป็นความซวยของข้ามากกว่าที่ได้พบกับท่าน”
“ความซวยอย่างนั้นเหรอ เจ้าดูร่างกายของเจ้าก่อนสิ อย่าคิดว่าร่างกายที่กินยาลูกกลอนเพิ่มพลังของเจ้าจะดีกว่าร่างกายที่ได้รับการฝึกฝนนะ การฝึกฝนร่างกายถือเป็นรากฐาน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะ! สาวน้อย”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง คนผู้นี้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดกัน เหตุใดถึงได้รับรู้ทุกสิ่งได้อย่างถี่ถ้วนเช่นนี้กัน
ในฐานะที่เป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง นางคิดว่ายาลูกกลอนและยาแผนปัจจุบันของนางนั้นปรับสมดุลร่างกายได้ดีที่สุดมาโดยตลอด
ทว่า ตอนนี้…
กระดูกในร่างกายทุกส่วน เส้นปราณพลังทุกเส้น อีกทั้งเนื้อหนังมังสาทั้งหมดล้วนแต่แข็งแกร่งขึ้นอย่างที่นางไม่อาจจะจินตนาการได้!
นี่คือประโยชน์ของการฝึกฝนร่างกาย!
ร่างกายของนางในตอนนี้ ต่อให้ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณ มันก็เป็นเรื่องยากที่ผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิจะทำให้นางบาดเจ็บได้
นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“สาวน้อย ในที่สุดก็รู้สึกได้ถึงความเก่งกาจของการฝึกฝนร่างกายแล้วใช่หรือไม่! รีบเอ่ยปากเรียกข้าว่าอาจารย์เร็วเข้าสิ! เฮ้อ ช่างน่าเสียดายนักที่อีกไม่นานพลังของข้ามันก็จะหายไปแล้ว ไม่อาจพาเจ้าไปได้!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโส วิชานี้ท่านก็เป็นคนมอบให้เอง! ข้าไม่ได้คิดจะคุกเข่าโขกหัวคำนับท่านเป็นอาจารย์หรอกนะ! หากท่านอยากจะให้ข้ารับท่านเป็นอาจารย์จริง ๆ แล้วละก็ วันหลังข้าจะให้ท่านอาจารย์ของข้าไปเยี่ยมเยือนท่านก็แล้วกัน!”
“ลาก่อน ข้าไม่ว่างจริง ๆ!”
และในขณะที่มู่เฉียนซีเดินลงภูเขาอัสนีนี้ หอฉงโหลวบนเมฆาก็กลับมาแล้ว
“นายท่าน นายท่านปลอดภัยดี ดีที่สุดเลย! ข้าเป็นห่วงนายท่านแทบตาย” หอฉงโหลวบนเมฆากล่าวด้วยความตื่นเต้น
“รีบไปเถอะ!”
“อืม!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีไปแล้ว บนยอดเขาก็ปรากฏร่างคนชุดดำผู้หนึ่ง เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่งยิ่งนัก ถูกกำหนดมาให้เป็นศิษย์ของข้าแล้ว! รอเจ้ามาเก้าพันปี เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้รู้ถึงความเก่งกาจของข้าเอง เจ้ารอวันคำนับข้าเป็นอาจารย์อย่างเชื่อฟังได้เลย!”
“ข้าเชื่อว่าข้ามองไม่ผิด คนที่ข้าผู้นี้ให้ความสำคัญ จะต้องไม่ตายกลางคันแน่นอน!”
ตั้งแต่สมัยโบราณ เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายมักจะแต่ตายไปตั้งแต่วัยเยาว์ แต่เขาเชื่อว่าพรสวรรค์อันวิปริตเช่นนี้ของนางจะไม่โชคร้ายเหมือนดั่งอัจฉริยะในสมัยโบราณเหล่านั้นแน่นอน!
ชายชุดดำเอามือลูบคางอย่างช้า ๆ พลางกล่าว “บางที เวลาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปีก็อาจเพียงพอแล้วก็ได้”
น้ำเสียงของเขาค่อย ๆ เบาลง จากนั้นร่างของเขาก็ได้อันตรธานหายไป
ในหอฉงโหลวบนเมฆา มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เสี่ยวไป๋ อยู่ที่ไหน?”
“แดนตะวันออก ตำหนักตงจี๋! เป้าหมายของเป่ยกงจั๋วคือที่นั่น”
“รีบเร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด!”
“ขอรับนายท่าน!”
หลังจากที่เป่ยกงจั๋วหลอกมู่เฉียนซี เขาก็ถูกส่งตัวไปที่แดนตะวันออก
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักตงจี๋ ถึงแม้ว่าประตูทางออกของค่ายกลส่งตัวระยะไกลของตำหนักตงจี๋จะเป็นราชวงศ์ตงหวง เมื่อถึงตอนนั้นก็ยากที่จะหลบหลีกคำเย้ยหยันของมู่หลินหลางได้ แต่เขาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายถึงเพียงนั้นแล้ว
การป้องกันทางด้านตำหนักตงจี๋แน่นหนา ส่วนทางด้านตำหนักเป่ยหานนั้นก็แข็งแกร่งมากยิ่งกว่า
ทว่า ในขณะที่เขาบุกเข้ามาในตำหนักตงจี๋นั้น เขาก็รับรู้ได้ว่าที่แห่งนี้นั้น เมื่อมองจากภายนอก ผิวเผินแล้วดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่อ่อนแอที่หนึ่งก็เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วที่แห่งนี้มีกับดักและพิษอยู่มากมาย
ขณะที่ไม่ทันได้ระวัง ลูกน้องสองคนของเขาก็ถูกพิษเข้าแล้ว และตอนนี้ก็ได้สูญเสียกำลังในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง
พิษของมู่เฉียนซีช่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาเคยเจอกับตัวมาแล้ว
สูญเสียกำลังในการต่อสู้ไปถึงสองคนนับว่าไม่ใช่สิ่งที่ยากอะไร แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการจะรับมือได้นั้นก็คือ กู้ไป๋อีมาถึงแล้ว!
อีกอย่างยังกลับมาได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย ค่ายกลอัสนีที่เขาสร้างขึ้นมานั้น ต่อให้กู้ไป๋อีโชคดีเพียงใด อย่างน้อยเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บบ้างถึงจะถูก!
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้!
ทันใดนั้นเอง เป่ยกงจั๋วก็พบกับเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง “มู่เฉียนซีไม่ได้มาด้วย!”
“ฮ่า ๆ ๆ! หาน เจ้าคงจะไม่เอาตัวรอดโดยการทิ้งมู่เฉียนซีหรอกกระมัง! ดูท่าเจ้าก็คงจะไม่ได้ชื่นชอบนางมากมายปานนั้น เฮ้อ ข้าช่างคาดเดาผิดไปแล้วจริง ๆ”
“สมกับที่เป็นท่านพี่ข้ายิ่งนัก!”
กระบี่เฉียนหานถูกชักออกมาจากฝัก กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เป่ยกงจั๋ว เจ้าหุบปากไปซะ!”
ซีเอ๋อร์ต้องไม่เป็นอะไร!
“วันนี้ เจ้าต้องตาย!” กู้ไป๋อีกัดฟันกรอด
เขาจะต้องกำจัดเป่ยกงจั๋วให้ได้ก่อนที่ซีเอ๋อร์จะกลับมา