ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1486 องค์ชายจิ่วเยี่ย
ตูม!
ลำแสงสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นขวางพลังทำลายอันแข็งแกร่งนี้ไว้อีกครั้ง
ทว่า มู่เฉียนซีรู้ดีว่าพลังอันน้อยนิดนี้ของสุ่ยจิงอิ๋ง คงจะต้านทานเอาไว้ได้ไม่นานนัก
น้ำเสียงของสุ่ยจิงอิ๋งดังก้องขึ้นในหัวมู่เฉียนซี “ซีเอ๋อร์ เจ้าจะยอมเสี่ยงสักตั้งหรือไม่?”
“เสี่ยงเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
“อืม!”
หากเป็นเมื่อก่อน สุ่ยจิงอิ๋งจะส่งตัวหวงจิ่วเยี่ยมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามเลย
ทว่าครั้งนี้…
สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มาก เพราะอันตรายของจิ่วเยี่ยนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าหมิงจีเลย
“ตกลง! ข้าจะเสี่ยงสักตั้ง! หากไม่เสี่ยง ข้าก็จะถูกหมิงจีฆ่าตาย หากแพ้ ข้าก็จะถูกจิ่วเยี่ยเล่นงาน แต่หากข้าชนะ ข้าก็ยังจะมีทางรอด”
หลัวซากำลังพัวพันอยู่กับอาถิง และในขณะที่หมิงจีโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง จู่ ๆ น้ำเสียงอันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หมิงจี เจ้ามันช่างบังอาจยิ่งนัก”
ลมพายุพัดสยายชุดคลุมยาวสีดำนั้นขึ้น การปรากฏตัวของเขาดุจดั่งเทพมารก็มิปาน ชั่วพริบตาเดียวพลังแห่งวิญญาณร้ายรอบบริเวณก็ว่างเปล่าไป
หลัวซาที่กำลังสู้รบอยู่กับอาถิงในตอนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง “ชายผู้นี้ คือองค์ชายหวงจิ่วเยี่ยที่เจ้ากล่าวถึงอย่างนั้นเหรอ! เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะเอาชนะเขาได้? อย่าให้เขามาทำลายแผนการของท่านเทพมารได้เด็ดขาดเชียวนะ”
หมิงจียิ้มพลางกล่าว “เรื่องนี้เจ้าวางใจเถอะ! รับมือกับเขา ข้ามีความมั่นใจอยู่แล้ว คนผู้นี้คือคู่ต่อสู้เก่าของข้าเอง”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า “ซี รักษาตัวด้วย”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าเองก็ระวังตัวด้วย หมิงจีผู้นี้มีแผนการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!”
ร่างของหวงจิ่วเยี่ยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ใบหน้าของหมิงจีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา นางกล่าว “ในที่สุด เจ้าก็มา!”
ตูม!
พลังของทั้งสองปะทะกัน ทั่วทั้งฟ้าดินล้วนแต่สั่นไหวอย่างรุนแรง
มีจิ่วเยี่ยคอยรับมือกับหมิงจีอยู่ ความกดดันของมู่เฉียนซีจึงลดน้อยลงมาก
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงในมือแน่น และพุ่งไปที่หลัวซา!
“อาถิง มาช่วยกันจัดการเจ้านี่เถอะ!”
อาถิงเห็นสีหน้าของมู่เฉียนซีย่ำแย่เช่นนี้แล้ว เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าว่าเจ้าพักก่อนสักหน่อยเถอะ”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพักผ่อน ช่วยกันลงมือจัดการเถอะ”
อาถิงกล่าว “ในเมื่อเจ้าดึงดันจะทำเช่นนี้ เช่นนั้นเราก็มาร่วมทุกข์ร่วมสุขต่อสู้กันสักตั้ง ข้าขอยืมพลังจิตของเจ้าหน่อย”
เขาสูญเสียพลังไปใกล้จะหมดแล้ว ไม่สามารถฝืนต่อสู้ได้อีกต่อไป
อาถิงเดินมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี จับมือมู่เฉียนซีเอาไว้ “มันจะเจ็บปวดสักหน่อย แต่จัดการกับเจ้าพวกสารเลวพวกนี้ มีกำลังเหลือเฟือ”
หลัวซายิ้มพลางกล่าว “ศาลานิรันดร์ ตอนนี้สภาพของเจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้ คิดจะกำจัดข้าอย่างนั้นเหรอ?”
อาถิงกล่าวดูถูกเหยียดหยามว่า “เจ้าเทพมารสารเลวผู้นั้น คิดว่าอยากได้วิญญาณลิขิตสวรรค์แล้วจะได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ เช่นนั้นข้าก็จะให้บทเรียนแก่พวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าวิญญาณลิขิตสวรรค์นั้นน่ากลัวมากเพียงใด”
วิญญาณเชื่อมต่อกัน พันธสัญญาเข้ากันได้เต็มร้อย
ภายในชั่วพริบตาเดียวนั้น พลังแห่งกาลเวลาก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศ
จิ่วเยี่ยและหมิงจีไม่ได้รับผลกระทบนี้ แต่หลัวซาได้รับผลกระทบนี้เต็ม ๆ
วิญญาณลิขิตสวรรค์ได้ถูกกำหนดให้เป็นเจ้านายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ และมีเพียงแค่ผู้เป็นพันธสัญญาที่เข้ากันได้เต็มร้อยเท่านั้นที่จะสามารถปล่อยพลังอันต้านสวรรค์นี้ออกมาได้
อาถิงกล่าว “ตอนนี้นี่แหละ!”
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงในมือแน่น พลางกล่าวว่า “มังกรเพลิง กำจัดเจ้านี่ซะ!”
“เพลิงสังหารซิวหลัว!”
เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่มังกรเพลิงพุ่งตรงไปที่หลัวซาทันที
ตูม!
ชั่วพริบตาเดียว บริเวณรอบตัวหลัวซาก็พลันกลายเป็นทะเลเพลิง!
ร่างของเขาถูกเปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวห่อหุ้ม และแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า
แต่วิญญาณกลับได้รับการปกป้องจากพลังแห่งวิญญาณชั่วร้ายนั้น
อาถิงกล่าว “ต้องทำลายวิญญาณของเจ้านี่ซะ!”
พลังจิตที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นของมู่เฉียนซียังมีพอที่จะจัดการกับเจ้าหมอนี่!
หลัวซากลับยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าแพ้แล้ว แต่…แต่เวลาแห่งความตายของพวกเจ้าก็ใกล้จะมาถึงแล้วเช่นกัน!”
พลันนั้นวิญญาณของเขาก็ระเบิดขึ้นกลางอากาศ พลังแห่งวิญญาณร้ายอันน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าไปใจกลางของค่ายกลนั้น และพุ่งเข้าไปในดินแดนเทพทะเลเมฆา
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เสาสวรรค์ของวังดอกบัวเงินครามนั้นปรากฏรูเล็ก ๆ ขึ้น!
มันไม่ได้พังทลายทั้งหมด สิ่งนี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของหลัวซา ผู้จงรักภักดีต่อเทพมารที่กำลังจะดับสลายผู้นี้เช่นกัน
เนื่องจากค่ายกลทั้งสี่ทิศถูกยาลูกกลอนยับยั้งเอาไว้แล้ว เสาสวรรค์จึงไม่สามารถพังทะลายลงไปทั้งหมดได้
“สวะไร้ประโยชน์!” เมื่อเห็นเสาสวรรค์ปรากฏเพียงแค่รูเล็ก ๆ เช่นนี้ สีหน้าของเยี่ยเฉียก็เคร่งขรึมขึ้นทันที
“แต่ก็ไม่เป็นไร ผนึกขาดหายไปมุมหนึ่ง ร่างแยกทุกส่วนของข้าก็เพียงพอที่จะออกไปได้! เมื่อถึงตอนนั้น เมื่อได้สิ่งมีชีวิตในดินแดนสี่ทิศมาเป็นเครื่องสังเวย ผนึกของข้าก็จะถูกปลดออกอย่างสมบูรณ์”
จากนั้นพลังในร่างกายของเยี่ยเฉียก็โคจรขึ้น ร่างแยกร่างหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับเขาก็ปรากฏออกมา
แม้ว่าพลังจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนดั่งตัวจริงของเขา แต่พลังนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายดินแดนสี่ทิศได้
ทั้งสองร่วมมือกันฆ่าหลัวซา แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลง!
มู่เฉียนซีมองไปที่พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดขึ้นกลางอากาศนั้น นั่นมันเป็นพลังของจิ่วเยี่ย และตอนนี้มันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
อาถิงกล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วงเขา คำสาปของเขากำเริบ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ไม่สามารถควบคุมได้ เจ้าควรจะเป็นห่วงตัวเองมากกว่า เรื่องมันยังไม่จบเท่านี้หรอก!”
หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ ใจกลางค่ายกลนั้นก็ปรากฏร่างอันคุ้นเคยร่างหนึ่งขึ้น!
“ฮ่า ๆ ๆ! ในที่สุด ข้า เยี่ยเฉียก็หลุดพ้นมาจากสถานที่เลวร้ายนั่นได้เสียที ฮ่า ๆ ๆ!”
“ท่านเทพมาร!”
“คาราวะท่านเทพมาร!”
“……”
ในขณะที่เยี่ยเฉียปรากฏตัวขึ้นนั้น คนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นต่างก็หมอบลงกับพื้น
เขาคือท่านเทพมารของพวกเขา พวกเขาเคารพ นับถือ และเลื่อมใสมาก!
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “ทำมาตั้งมากมาย แต่สุดท้ายก็ขวางไม่ให้เจ้าหมอนี่ออกมาไม่ได้”
อาถิงกล่าว “ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เจ้าไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าพลังของเขาอ่อนแอลงมาก นี่ไม่ใช่ร่างจริงของเขา”
“ถึงกระนั้นก็ยากที่จะรับมือได้เหมือนกัน คงทำได้แค่สู้สุดใจแล้วล่ะ!”
เยี่ยเฉียลอยตัวอยู่กลางอากาศ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จัดการพวกมดปลวกเหล่านี้ไปให้สิ้นซากเสียที ขวางหูขวางตายิ่งนัก!”
คนของเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “ขอรับ!”
การปรากฏตัวของเยี่ยเฉียทำให้คนของเผ่าวิญญาณร้ายฮึกเหิมมีกำลังในการต่อสู้อันแรงกล้าขึ้น!
“จักรพรรดินีน้อย เจ้าช่างเกะกะขวางหูขวางตายิ่งนัก!”
ทันทีที่เยี่ยเฉียโบกมือ ลั่วเหมี่ยวก็ร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ มุมปากปรากฏรอยเลือดไหลเป็นทาง
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “พี่สาวมู่ รีบหนีไป…รีบหนีไปเร็วเข้า…”
อันตรายที่แท้จริงได้มาถึงแล้ว!
แม้แต่ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนเองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เขาพุ่งไปที่เยี่ยเฉียโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น
“เจ้ามันเป็นเดรัจฉาน คิดจะทำลายดินแดนสี่ทิศ ข้าจะต้องกำจัดเจ้าให้จงได้”
ทันทีที่เยี่ยเฉียโบกมือ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งโจมตีไปที่ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนอย่างรุนแรง
ปัง! ร่างของผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนกระเด็นลอยออกไป
“ดินแดนสี่ทิศแห่งนี้มันเป็นโลกของข้าแล้ว! พลังของผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนของเจ้า ในสายตาข้าก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น!”
พรวด! ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือดออกมา ในใจรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก!
ความแข็งแกร่งของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยเฉียผู้นี้แล้วช่างอ่อนแอยิ่งนัก!
เขามีหน้าที่ปกป้องดินแดนสี่ทิศแห่งนี้ แต่เขากลับทำไม่ได้
คนอื่นเองก็สิ้นหวังเช่นกัน แม้แต่ท่านผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนก็ไม่อาจรับมือกับเทพมารผู้นั้นได้ ดินแดนสี่ทิศของพวกเขาจะพังทลายลงแล้วจริง ๆ เช่นนี้หรือ?
ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนตะโกนกล่าวว่า “ทุกคน หลบไป! หลบไปให้ไกล!” ในขณะที่เขารู้สึกสิ้นหวังขึ้นเช่นนี้ ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนก็ตัดสินใจเรื่องบางอย่างขึ้น!