ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1492 ข้าไม่เสียใจ
มังกรวารีไม่ยอมรามือง่าย ๆ สายน้ำอันเย็นยะเยือกได้พัวพันกับพิฆาตวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง และได้ปิดผนึกพลังของเขาเอาไว้
สีหน้าของพิฆาตวิญญาณเคร่งขรึมขึ้นพลางกล่าว “ปล่อยข้า”
“ตอนนี้นายท่านไม่มีเวลามาสนใจเจ้า รอนายท่านมีเวลาว่างเมื่อไหร่ แล้วค่อยให้นายท่านมีคำสั่งมาว่าจะจัดการกับเจ้าเช่นไร!”
ชายผู้มีดวงตาสีฟ้าดั่งวารีและเส้นผมสีดำขลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายพิฆาตวิญญาณ!
คนหนึ่งกระหายเลือด เร่าร้อนแผดเผาดุจดั่งเพลิง!
อีกคนหนึ่งมั่นคงสุขุม นิ่งสงบดุจดั่งวารี!
ใบหน้ารูปงามดุจดั่งหยกที่แกะสลักออกมาด้วยความประณีต เส้นผมยาวสยายลงมาราวกับธารน้ำตก!
ดวงตาสีฟ้าวารีคู่นั้นสดใสดุจดั่งทะเลสาบใส ทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดและมีความไว้วางใจ
มู่เฉียนซีหันกลับมาก็เห็นชายหนุ่มผู้นี้
เมื่อเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นนั้น ความมั่นคงสุขุมน่าดึงดูดใจมากกว่า
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าก็คือมังกรวารี!”
ตุบ! มังกรวารีเหวี่ยงพิฆาตวิญญาณที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ และโยนไปข้าง ๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม
ในขณะที่มู่เฉียนซีเรียกชื่อเขานั้น เขาก็รีบเคลื่อนตัวไปปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉียนซีทันที
มังกรวารีคุกเข่าข้างหนึ่งลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังตั้งใจว่า “มังกรวารีคารวะนายท่าน!”
เมื่อเปรียบเทียบกับพิฆาตวิญญาณที่เกิดมาพร้อมกับความดื้อรั้นดึงดัน ไม่ยอมรับมู่เฉียนซีเป็นเจ้านายผู้นั้นแล้ว มังกรวารีดูจริงใจมากเป็นพิเศษ และไม่มีท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อย
นี่เป็นความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว!
“มังกรวารี ครั้งก่อนเจ้าช่วยปิดผนึกคำสาปของจิ่วเยี่ยได้ ครั้งนี้เจ้าทำได้หรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ครั้งก่อนที่คำสาปกำเริบ มันถูกดึงดูดออกมาเพราะคัมภีร์หมื่นคำสาป มังกรวารีสามารถปิดผนึกได้ แต่ครั้งนี้เป็นการกำเริบในรอบปี ไม่มีใครสามารถขวางได้!”
“นอกจากพลังต้านสวรรค์เท่านั้นที่จะทำได้ เขาสามารถยืนหยัดมาได้นานถึงเพียงนี้ อันที่จริงก็นับว่าต้านสวรรค์มากแล้ว แต่ตอนนี้คาดว่าเขาคงมาถึงขีดจำกัดแล้ว”
“มังกรวารีไร้ความสามารถ ทำให้นายท่านผิดหวังแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ!”
“ขอรับ! นายท่าน!”
มังกรวารียืนอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซีอย่างสงบนิ่ง พลางมองไปที่สีหน้าอันเป็นกังวลของนาง ดวงตาสีฟ้าวารีคู่นั้นก็เคร่งขรึมไปเล็กน้อย
มังกรวารีช่วยไม่ได้ มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงแค่ต้องลงมือปรุงยา
ทว่า มันจะได้ผลมากเพียงใดกันเล่า!
เวลาผ่านไปเร็วมาก ตอนนี้พิฆาตวิญญาณไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“มังกรวารี หากเกิดอะไรขึ้นกับแมวน้อย ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทำเช่นไร”
“ปล่อยข้าซะเถอะ ให้ข้าฆ่าเขา!”
“……”
มีเรื่องบางเรื่องที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้พิฆาตวิญญาณหงุดหงิดใจมากขึ้น
กว่าจะได้เจอแมวน้อยผู้ที่น่าสนใจถึงเพียงนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย หากไม่อาจเห็นหน้านางได้ตลอดไป ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ก็ล้วนแต่ต้องแปดเปื้อนไปด้วยเลือด
อารมณ์และความรู้สึกอันบ้าคลั่งเช่นนี้ มันคือสิ่งใดกันแน่
เขาเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง เป็นกระบี่ที่ทำได้เพียงแค่สังหาร จะมีอารมณ์และความรู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า
“อินรั่วเฉิน เจ้า…ตกลงเจ้าทำอะไรกันแน่?” พิฆาตวิญญาณคิดด้วยความสับสน
ในขณะที่พิฆาตวิญญาณกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น มู่เฉียนซีก็ปรุงยาออกมาได้แล้ว และฉีดเข้าที่แขนของจิ่วเยี่ยทันที
หากมันได้ผลก็ดีสิ!
ในขณะที่ยาถูกฉีดเข้าที่แขนของจิ่วเยี่ย ดวงตาสีฟ้าอันลึกล้ำราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่งคู่นั้นก็ลืมขึ้น พร้อมกับแผ่กลิ่นอายที่แสนอันตรายออกมา
เขามองไปที่มู่เฉียนซี นี่คือเขา!
ต้องเป็นเขา!
เอาแต่ใจตัวเอง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ และเต็มไปด้วยแรงปรารถนา!
ตุบ! จิ่วเยี่ยลงมือดึงร่างของมู่เฉียนซีลงมาประกบกับร่างของเขา
เขาพลิกตัวกักขังร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้ ทำให้มู่เฉียนซีไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“นายท่าน!” ในขณะที่มู่เฉียนซีได้รับการคุกคามนั้น การตอบสนองแรกของมังกรวารีก็คือการลงมือ
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรวารี ถอยไป! ไม่ต้องสนใจข้า!”
“หากข้าเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ พวกเจ้าก็หาเจ้านายคนใหม่เถอะ! ข้าไม่สามารถอยู่ทำให้พลังของพวกเจ้าฟื้นฟูกลับมาในระดับสูงสุดได้แล้ว”
“ขอรับ! นายท่าน!” ดวงตาสีฟ้าวารีคู่นั้นยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดมังกรวารีก็ค่อย ๆ ถอยออกไป
พิฆาตวิญญาณกล่าว “มังกรวารี ไม่ทันแล้ว เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่!”
“ไม่รู้จริง ๆ ว่าตกลงเจ้ามันจงรักภักดีหรือว่าไร้ความรู้สึกกันแน่!”
มังกรวารีกล่าว “ทุกอย่างที่ข้าทำลงไปก็เป็นเพราะความปรารถนาของนายท่าน ทำตามคำสั่งของนายท่าน!”
ตูม!
จิ่วเยี่ยใช้พลังที่รุนแรงและมีอำนาจมาก และอำนาจนี้ก็ทำให้ใครอื่นเข้ามารบกวนพวกเขาสองคนได้
พลังสีดำมืดนั้นได้แยกทุกอย่างรอบตัวออกไป
และมิตินั้นก็มีเพียงแค่เขากับซีเท่านั้น!
ซีของเขา!
ตอนนี้จิ่วเยี่ยน่ากลัวมาก
มู่เฉียนซีกลับเผยรอยยิ้มขึ้น “จิ่วเยี่ย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะฟังคำพูดข้าหรือไม่ แต่ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า ข้าไม่เสียใจเลย”
อือ! ริมฝีปากถูกกัด เสื้อผ้าถูกฉีกกระชาก
ดูเหมือนว่าจะถูกเขากลืนกินเข้าไปก็มิปาน!
ความรู้สึกอันร้อนแรงนั้นได้ยับยั้งพลังทำลายล้างนั้นของจิ่วเยี่ยเอาไว้
ทว่า คนตรงหน้ากลับเป็นโลกทั้งโลกของเขา เขาไม่อยากทำลายมัน แต่กลับไม่อาจห้ามปรามและยับยั้งการกระทำของตนเองได้…
ตัวตนที่มืดมนของเขาและเขาที่กำลังขาดสติ กำลังทำร้ายคนที่เขาไม่อยากทำร้ายที่สุด
“อืม!” ทุกซอกทุกมุมของร่างกาย เขาไม่ปล่อยให้พลาดแม้แต่ส่วนเดียว
ร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้นั้นเห็นได้ชัดมาก!
ความยับยั้งชั่งใจสุดท้ายกำลังจะพังทลายลง!
ไม่ว่าพิฆาตวิญญาณจะร้อนรนมากเพียงใด แต่มังกรวารีก็ยังคงนิ่งสงบอยู่เฉกเช่นเดิม
“แมวน้อย…” พิฆาตวิญญาณกล่าวเสียงต่ำ
ในตอนนี้เอง หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าวารีผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ พวกเขาก็ตกใจขึ้นเล็กน้อย!
สุ่ยจิงอิ๋ง!
ไม่ใช่ กลิ่นอายและลมหายใจไม่เหมือนกัน
นางคือลั่วเหมี่ยว!
นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป แต่ตอนนี้นางฟื้นขึ้นมาแล้ว
พลังสีดำมืดอันน่ากลัวนั้นได้ปลุกมรดกความทรงจำในโบราณกาลขึ้นมา
นางกล่าว “ท่านมังกรวารี ได้โปรดใช้พลังธาตุวารีอันแข็งแกร่งของท่านกระตุ้นให้ข้าอยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย ข้าทำได้…”
“ข้าอยากช่วยพี่สาวมู่”
ผลที่ตามมาของการกระตุ้นดอกบัวสีเงินครามดอกนี้ มังกรวารีที่มีชีวิตอยู่มานานหลายปีย่อมรู้ดีว่าจะเป็นเช่นไร
จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของดอกบัวเงินครามทะเลหัวใจมีพลังการชะล้างที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถชะล้างคำสาปดำมืดนี้ได้
แม้ว่าจะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่บางทีอาจจะได้ผล!
ทุกอย่างของมังกรวารีล้วนแต่มีนายท่านเป็นจุดศูนย์กลางอยู่แล้ว ผู้อื่นจะเป็นเช่นไร…
เขาไม่สน!
มังกรวารีโคจรพลังธาตุวารีทั้งหมดขึ้น และกระตุ้นดอกบัวเงินครามหัวใจทะเลที่เพิ่งจะเติบโตดอกนี้ทันที
ร่างของลั่วเหมี่ยวลอยขึ้นสู่กลางอากาศ ดอกบัวสีเงินครามพุ่งไปที่พลังสีดำมืดนั้นและครอบคลุมลงมา ภายใต้การช่วยเหลือของพลังธาตุวารี นางก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
ทั่วทั้งร่างกายของมู่เฉียนซีล้วนแต่มีร่องรอยที่เกิดขึ้นจากความอันธพาลของจิ่วเยี่ย แต่วินาทีสุดท้ายนั้น จิ่วเยี่ยก็หยุดชะงักลง
พวกเขาทั้งสองถูกดอกบัวสีเงินครามดอกหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ พลังการชะล้างของดอกบัวสีเงินครามที่มีพลังธาตุวารีสนับสนุนได้ขจัดอักขระสาปนั้นให้กลับคืนไป
ลำแสงสีเงินครามนั้นเริ่มเจือจางลงเรื่อย ๆ และอักขระสาปบนร่างของจิ่วเยี่ยก็ค่อย ๆ อันตรธานหายไป
หลังจากที่อักขระสาปนั้นได้จางหายไปจนสิ้น คำสาปที่กำเริบในรอบปีของจิ่วเยี่ยก็ถูกยับยั้งจนสงบลงได้อย่างสมบูรณ์
พวกเขาได้ยินเสียงของลั่วเหมี่ยวกล่าวว่า “พี่สาวมู่ ท่านจิ่วเยี่ย พวกท่านจะต้องมีความสุข! เสี่ยวเหมี่ยวมีชีวิตช่วยได้เพียงเท่านี้แล้ว”
ลำแสงสีเงินครามนั้นได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์ ดอกบัวสีเงินครามเหี่ยวเฉาดอกหนึ่งร่วงลงมาจากกลางอากาศ มู่เฉียนซียื่นมือออกไปรับมัน
“เสี่ยวเหมี่ยว!”
ลำแสงหายไปแล้ว จิ่วเยี่ยเอาชุดคลุมยาวสีดำมาห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีไว้
ผิวหนังที่เผยออกมานั้นยังคงมีร่องรอยสีแดงก่ำอยู่ สิ่งนี้ทำให้พิฆาตวิญญาณเผยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
“หวงจิ่วเยี่ย!”
พิฆาตวิญญาณเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงได้โกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาต้องการฆ่าคนผู้นี้!
.
.
………..