ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1494 นายท่านแมวน้อย
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกล่าว “แม่นางมู่ เจ้ามีความสามารถพอที่จะเป็นเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้ ทำให้พิฆาตวิญญาณออกจากร่างรั่วเฉิน แล้วข้าจะพารั่วเฉินกลับไป”
“รั่วเฉินเองก็หวังจะให้แม่นางมู่เป็นเจ้านายของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เช่นกัน มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่ใช้กำลังสุดท้ายของเขาช่วยเจ้าหรอก มีพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ฝีมือการปรุงยาของเจ้าก็จะก้าวหน้าขึ้น”
มู่เฉียนซียังคงมองพิฆาตวิญญาณด้วยสีหน้าที่เย็นชา พิฆาตวิญญาณยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่อยากฆ่าข้าที่เป็นฆาตกร เพื่อแก้แค้นให้อินรั่วเฉินเหรอ พลังธาตุอัคคีที่เจ้าต้องการที่สุด เจ้าไม่อยากได้มันแล้วเหรอ?”
“เจ้าเป็นถึงปรุงยาเชียวนะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พิฆาตวิญญาณ เจ้าอย่าได้ท้าทายความอดทนของข้า”
“เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้า ทำลายข้าซะสิ!” พิฆาตวิญญาณยังคงยิ้มพลางกล่าว
รอยยิ้มที่ชั่วร้ายนั้นไม่เหมาะกับใบหน้านี้ของอินรั่วเฉินเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงดูดี
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรวารี ข้าไม่อยากเห็นหน้าพิฆาตวิญญาณ ฆ่าเขาซะ”
“ฮือ ๆ ๆ นายท่าน…” มังกรเพลิงเป็นคนเดียวที่ร้องไห้ออกมา
มันกับพิฆาตวิญญาณเกิดมาด้วยกัน แม้ทั้งสองจะไม่ลงรอยกัน แต่ก็ทำใจเห็นผู้ที่เกิดมาด้วยกันเช่นนี้ตายไปต่อหน้าต่อตาไปได้
มังกรวารีกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “นายท่าน ตอนนี้พลังของข้าหมดสิ้นแล้ว ไม่อาจช่วยนายท่านได้ ได้โปรดนายท่านลงโทษด้วย”
หากทำได้ คาดว่ามังกรวารีคงจะลงมืออย่างไม่รีรอแล้ว
ตอนนี้พลังจิตของมู่เฉียนซีถูกใช้ไปหมดแล้ว ไม่สามารถกำจัดเจ้าพิฆาตวิญญาณนี้ได้
จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงขรึมว่า “ซี ยังมีข้า!”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกของเขากวาดมองไปที่พิฆาตวิญญาณ คนที่มันทำให้ซีไม่มีความสุข ฆ่าไปได้ก็ดี
พลังวิญญาณธาตุอัคคี แม้ว่าจะไม่ได้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดนี้มา แต่นางก็จะคิดหาวิธีอื่น
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย อาการของเจ้าเพิ่งจะดีขึ้น อย่าใช้พลังสุ่มสี่สุ่มห้าเลย”
“ก็ได้ ข้าจะไม่ใช้!” จิ่วเยี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
มู่เฉียนซีพบว่าในดินแดนแห่งนี้ นางหาคนที่กำจัดพิฆาตวิญญาณไม่ได้แล้ว
“หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอิน!”
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกล่าว “พิฆาตวิญญาณ จิตวิญญาณของกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเป็นถึงมหาวัตถุเทพศักดิ์สิทธิ์ต้านสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมกับความโกลาหลของโลกใบนี้ ต่อให้เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด ข้าก็ไม่อาจจะรับมือได้”
ไม่มีใครสามารถรับมือได้!
พิฆาตวิญญาณกลับแบะปากยิ้มและกล่าวว่า “แมวน้อย ผนึกของมังกรวารีควบคุมข้าได้อีกไม่นานแล้วนะ! หากว่าข้าหนีไปได้ ก็จะไม่มีอินรั่วเฉินคนที่สองที่จะยับยั้งข้าได้ และร่างนี้ของเขา ก็ไม่อาจนอนนิ่งได้อีกต่อไป”
“ส่วนข้า ก็จะคิดหาทุกวิถีทาง เพื่อให้เจ้ากลายเป็นทาสกระบี่ของข้าให้ได้ และสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด ก็ล้วนแต่จะไร้ความหมาย”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น “พิฆาตวิญญาณ เจ้าไม่ยอมรับ ไม่อยากให้ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าต้องการให้ข้าเป็นทาสกระบี่ของเจ้าสินะ!”
“ใช่แล้ว นับจากนี้ไป เจ้า จงมาเป็นทาสของข้าซะเถอะ!”
ทำลายไม่ได้ และปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ทำพันธสัญญากับเจ้านี่แล้ว
มู่เฉียนซีกัดนิ้วตัวเอง เลือดสีแดงสดหยดลงตรงหน้าพิฆาตวิญญาณ และสิ่งที่นางจะลงนามสัญญาเลือดนี้ก็คือสัญญาความเป็นทาส
พิฆาตวิญญาณถูกมังกรวารีปิดผนึกเอาไว้ เขาไม่สามารถขัดขืนพันธสัญญาที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ทำพันธสัญญาสำเร็จ!
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นสิ่งที่พิเศษที่สุดอย่างแน่นอน ตัวกระบี่ ฝักกระบี่ และวิญญาณกระบี่ล้วนแต่ทำพันธสัญญาวิญญาณ แต่จิตวิญญาณกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด กลับต้องมาทำพันธสัญญาทาส
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ลอยมาอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี ลำแสงสีแดงฉานลำแสงหนึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ตัวกระบี่ ดวงตาสีแดงเลือดของชายชุดแดงตรงหน้าผู้นั้นอันตรธานไปกลายเป็นสีดำ!
ดวงตาสีดำอันไร้สติคู่นั้นค่อย ๆ ปิดลง และร่างนี้ก็ล้มพับลงไปกับพื้น
“แมวน้อย เจ้ามันช่างโหดร้ายยิ่งนัก! ทำพันธสัญญาทาสกับข้า”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าควรเรียกข้าว่านายท่าน”
“ก็ได้! งั้น…นายท่านแมวน้อย เป็นเช่นไร?”
“พิฆาตวิญญาณ เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ต้องขอบคุณที่ตอนนี้พลังจิตของมู่เฉียนซีอ่อนแอ มิเช่นนั้นแล้วพลังจิตที่แผ่ซ่านออกมานั้นต้องทำให้พิฆาตวิญญาณเจ็บปวดทรมานมากแน่นอน
“ห้าว! ข้าง่วงแล้ว นายท่านแมวน้อย ค่อยเจอกันตอนที่ข้าตื่นนะ! ต่อให้เจ้าเป็นวิญญาณลิขิตสวรรค์ ก็ไม่ควรจะมาทำพันธสัญญาให้ข้าเป็นทาสเช่นนี้ คอยดูก็แล้วกัน ข้าจะเปลี่ยนพันธสัญญานี่ให้จงได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่พิฆาตวิญญาณได้ทำพันธสัญญาและมีเจ้านาย แต่กลับเป็นพันธสัญญาที่ด้อยกว่าเจ้ามังกรเพลิงผู้ไร้ประโยชน์ผู้นั้น พิฆาตวิญญาณกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง
“อินรั่วเฉิน!”
อินรั่วเฉินนอนราบอยู่บนพื้นอย่างไร้ซึ่งลมหายใจ มู่เฉียนซีรีบเข้าไปตรวจดูร่างกายของอินรั่วเฉินทันที
ร่างนี้ ไร้หนทางฟื้นคืนแล้ว!
ไม่ใช่เพราะร่างนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เป็นเพราะว่าดวงจิตดับสูญไปแล้ว
ไร้หนทางช่วยได้!
ต่อให้นิรันดร์อยู่ นิรันดร์ก็คงจะให้คำตอบเหมือนกันกับนาง
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกล่าว “ต่อไปพิฆาตวิญญาณก็จะถูกแม่นางมู่ควบคุม ไม่อาจทำชั่วได้อีกต่อไป ถึงเวลาที่อินรั่วเฉินควรได้พักผ่อนแล้ว ข้าจะพาเขากลับไป”
พลันนั้นน้ำเสียงอันเคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น “ให้อาตมาพาเขากลับไปเองเถอะ!”
พวกเขาเห็นภิกษุสีทองอร่ามดูยิ่งใหญ่รูปหนึ่งเดินเท้าเปล่าที่ใหญ่โตมากเข้ามา
ทุก ๆ ย่างก้าวของเขาทำให้แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
แสงแห่งธรรมที่เปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาสว่างไสวพร่างพราวอย่างยิ่ง นี่ต้องเป็นพระอาจารย์ที่มีพลังแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน!
สองมือของหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินยกขึ้นประสานกัน ก่อนจะเอ่ยปากออกมาว่า “อมิตาพุทธ!”
“คารวะท่านอาจารย์!”
ภิกษุสีทองผู้นี้มีชื่อว่าต้าจู๋ เขากล่าวขึ้นว่า “เด็กน้อยผู้นี้ ข้าจะพาเขากลับไป!”
เผชิญหน้ากับพระอาจารย์เช่นนี้ หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินก็ไม่ปฏิเสธได้
และแล้วร่างของอินรั่วเฉินก็ถูกพระอาจารย์รับไป นี่อาจจะเป็นความโชคดีของเขาก็ได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “ไม่ได้! ท่านเป็นใคร ข้าจะยอมให้คนแปลกหน้าเอาร่างของอินรั่วเฉินไปได้ยังไง?”
หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินยอม แต่มู่เฉียนซีกลับไม่ยอม
ภิกษุต้าจู๋กล่าว “หากประสกยังอยากจะเจอเขาอีกครั้ง ก็ควรจะให้อาตมานำร่างของเขาไป!”
“ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เขา…เขาไม่ได้…”
ภิกษุรูปนี้ยกมือประสานพลางกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นความลับสวรรค์!”
การแสร้งทำท่าทางลึกลับเช่นนี้ ทำให้มู่เฉียนซีนึกถึงอินรั่วเฉินขึ้นมา นางจึงพึมพำว่า
“หลอกลวง!”
ทว่า หัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินกลับรู้สึกตื่นเต้น และกล่าวว่า “จริงเหรอขอรับท่านอาจารย์!”
“เป็นภิกษุมิอาจปดได้!” ภิกษุต้าจู๋กล่าว
“แม่นางมู่ ท่านอาจารย์ไม่มีทางโกหกพวกเราแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นภิกษุไม่อาจปดได้อย่างนั้นเหรอ อินรั่วเฉินเป็นถึงโอรสศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็หลอกลวงข้าจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”
บางทีอินรั่วเฉินอาจจะรอดก็ได้ แต่มู่เฉียนซีไม่วางใจ
หากภิกษุผู้นี้เอาร่างของอินรั่วเฉินไปทำเรื่องร้าย ๆ ขึ้นมา จะทำเช่นไรล่ะ?
เป็นพระอาจารย์แล้วอย่างไร นางไม่ได้เชื่อใจเขาง่าย ๆ เหมือนกับหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินหรอกนะ
ในตอนนี้เอง จิ่วเยี่ยที่โอบกอดมู่เฉียนซีอยู่ก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นแล้ว
“ภิกษุต้าจู๋จิ้งจิ่วเทียนใช่หรือไม่?”
ภิกษุต้าจู๋มองไปที่ชายชุดดำผู้ดุจดั่งเทพมารตรงหน้าผู้นี้ด้วยความแปลกใจ คนผู้นี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยความชั่วร้ายและความโชคร้าย แต่เขากลับยังมีชีวิตรอดมาได้อย่างแข็งแกร่งจนถึงตอนนี้
และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อไปมากกว่านั้นก็คือ เขาสนิทสนมกับผู้ครอบครองวิญญาณลิขิตสวรรค์ผู้นี้มาก
และเมื่อภิกษุต้าจู๋เห็นดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นแล้ว เขาก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นองค์ชายจิ่วเยี่ยนี่เอง”
“ในเมื่อองค์ชายจิ่วเยี่ยรู้จักข้า เช่นนั้นประสกผู้นี้ก็วางใจได้แล้วใช่หรือไม่”
มู่เฉียนซีตกใจขึ้นเล็กน้อย นางมองหน้าจิ่วเยี่ยพลางกล่าว “จิ่วเยี่ย ภิกษุผู้นี้ไว้ใจได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ภิกษุต้าจู๋ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ร่างไร้วิญญาณร่างนี้ เจ้าเอาไปได้! แต่ต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
.
.