ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1497 อยากเจอเจ้า
มู่เฉียนซีกล่าว “ต่อให้เจ้าไม่ให้ข้าเข้าไป ข้าก็จะเข้าไป และต่อให้เจ้าไม่เปิดให้ ข้าก็มีวิธีเปิดของข้าอยู่ดี”
มู่เฉียนซีเอากลีบดอกบัวสีฟ้าดอกหนึ่งออกมา และวางลงบนฝ่ามือของจิ่วเยี่ย
“ตอนนั้นเจ้ามอบมันให้ข้า ตอนนี้ข้าคืนมันให้เจ้าแล้ว เราไปหาเยี่ยเฉียกันเถอะ”
นางกลัวว่าจิ่วเยี่ยจะมาฆ่าเยี่ยเฉียที่นี่คนเดียวในขณะที่เขากำลังรักษาตัวอยู่ จึงไม่ได้มอบกลีบดอกนี้ให้แก่เขา
จิ่วเยี่ยรับกลีบดอกนี้มา มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้นว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เราไปกันเถอะ!”
เยี่ยเฉียได้หลงลืมเรื่องหนึ่งไปแล้ว มู่เฉียนซีมีกลีบดอกของผู้พิทักษ์นิรันดร์อยู่ และเขาก็มีกลีบดอกนั้นอยู่ที่นี่เช่นกัน!
และนี่คือตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่เขาไม่อาจขวางได้!
สุ่ยจิงอิ๋งส่งมู่เฉียนซีไปยังด้านล่างของเสาสวรรค์แห่งวังดอกบัวเงินคราม เนื่องจากกลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งก็อยู่ที่เสาสรรค์นั้นเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นร่างในชุดดำร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น “เจ้ามาแล้วจริง ๆ ด้วย!”
เขามองไปที่มู่เฉียนซี นัยน์ตาของเขามีความปั่นป่วนมาก
แม้ว่าจะมีความละโมบโลภมากอยู่ แต่ก็ยังมีความหวาดกลัว และความแค้นอยู่นัยน์ตาคู่นั้นด้วย!
เยี่ยเฉียกล่าว “เจ้าจะเอาเช่นไรกันแน่ เจ้าทำลายแผนการของข้า ตอนนี้ยังจะมาฆ่าข้าอีกอย่างนั้นเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ต้องฆ่าทำลายล้างให้สูญสิ้นอย่างแน่นอน คนอย่างเจ้า ฆ่าให้ตายเร็วได้เท่าไร ดินแดนแห่งนี้ก็จะสงบและน่าอยู่มากขึ้นเท่านั้นไม่ใช่หรอกเหรอ?”
“ฮ่า ๆ ๆ! จะฆ่าทำลายข้า ข้าเป็นถึงผู้นำแห่งเผ่าวิญญาณร้าย ข้าคือเทพมาร ทางที่ดีที่สุด เจ้ารีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะ มิเช่นนั้นก็อย่ามากล่าวโทษข้า!”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นของจิ่วเยี่ยกวาดมองไปที่เยี่ยเฉียราวกับมองมดปลวกตัวหนึ่งก็มิปาน
เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ซี เจ้าถอยไป ประเดี๋ยวก็เรียบร้อยแล้ว!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้!” เยี่ยเฉียโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว
“เจ้าคิดว่าพลังอันน้อยนิดของเจ้า จะเอาชนะข้าได้อย่างนั้นเหรอ?” มาถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยเฉียก็ตัดสินใจสู้จนตัวตายแล้ว
ไม่ได้คิด แต่เขาต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
พลังแห่งวิญญาณร้ายของเยี่ยเฉียแผ่ซ่านออกมา เขาเตรียมพร้อมจะต่อสู้อย่างสุดชีวิต!
แต่พลังเหล่านี้ของเขาเมื่อปรากฏขึ้นต่อหน้าพลังอันดำมืดของจิ่วเยี่ยแล้วช่างเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เยี่ยเฉียมองไปที่ชายชุดดำผู้นั้นด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง นี่พลังของเจ้าถึงขั้นไหนกันแน่?”
ชั่วพริบตาเดียวนั้น พลังของเยี่ยเฉียก็กลายเป็นความว่างเปล่าไปทันที
เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกชายชุดดำผู้นี้กับพิฆาตวิญญาณต้องร่วมมือกันถึงจะเอาชนะร่างแยกของเขาได้ แต่ตอนนี้ชายชุดดำผู้นี้เพียงคนเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ในตอนที่สู้กันในศึกครั้งใหญ่ที่ดินแดนสี่ทิศ ดินแดนมีการยับยั้ง และจิ่วเยี่ยก็ยังกลัวคำสาปด้วย เขาจึงรั้งมือเอาไว้
ทว่า ตอนนี้ไม่เหมือนในครั้งนั้นแล้ว คำสาปถูกยับยั้งเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ไม่จำเป็นต้องใช้พลังมากเกินไปในการยับยั้ง ทำให้สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่!
พลังการกดขี่ข่มเหงนั้นเพียงพอที่จะทำไห้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
ทว่า จิ่วเยี่ยกลับแบ่งพลังส่วนหนึ่งไปปกป้องมู่เฉียนซี
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น มู่เฉียนซีเห็นร่างในชุดดำสองร่างต่อสู้พัวพันกันอย่างดุเดือด
รวดเร็วจนมองเห็นไม่ชัด พลังนั้นกำลังทำลายวังดอกบัวเงินคราม และดินแดนเทพทะเลเมฆาไป
ในที่สุดชั้นสามของดินแดนเทพทะเลเมฆาก็พังทลายลง มีเพียงแค่เสาสวรรค์เท่านั้นที่ยังคงอยู่
และในขณะที่ร่างสองร่างนั้นแยกออกจากกัน จิ่วเยี่ยยังมีแรงกำลังเหลือเฟือ แต่เยี่ยเฉียนั้นกลับหายใจอ่อนแรงลงแล้ว
เยี่ยเฉียกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้ามันตัวประหลาด เจ้าตัวประหลาด! ในดินแดนแห่งนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
เขาถูกผนึกมานานหลายปี เดิมทีคิดว่าตนเองสามารถเป็นอิสระได้ แต่กลับต้องมาเจอกับผู้ที่น่ากลัวผู้นี้ ช่างซวยยิ่งนัก!
เมื่อก่อนตอนที่เขามีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยได้ยินและพบเห็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าของเยี่ยเฉียเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ข้ายอมรับว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวประหลาดเช่นเจ้า แต่ข้าไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด เรามาตายไปพร้อมกันเถอะ!”
เยี่ยเฉียกล่าวจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขา
พลังการทำลายตัวเองนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่า สีหน้าของมู่เฉียนซีกลับยังคงนิ่งเฉย
นางพุ่งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันคุ้นเคย จิ่วเยี่ยกล่าว “จะไม่เป็นอะไร”
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ดินแดนเทพทะเลเมฆาดับสิ้นไปอย่างสมบูรณ์ เสาสวรรค์พังทลายลงมา
แต่มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยที่อยู่ในวงล้อมของพลังที่ทำลายตัวเองของเยี่ยเฉีย กลับปลอดภัยทุกประการ
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีกระโจนขึ้นกลางอากาศ ด้านล่างก็คือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
สายลมพัดสยายเส้นผมของมู่เฉียนซีปลิวไสว นางกล่าว “จัดการเรียบร้อยแล้ว!”
เยี่ยเฉียคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าจิ่วเยี่ยจะวิปริตได้มากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้
เขาทำทุกอย่าง แม้กระทั่งทำลายตัวเอง แต่จิ่วเยี่ยกลับต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเบา ๆ พลางกล่าว “อืม! จัดการเรียบร้อยแล้ว มันผู้ใดกล้าทำร้ายซี ข้าไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “วิญญาณลิขิตสวรรค์ จิ่วเยี่ยเจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”
“หลังจากที่พลังจิตของซีแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็เริ่มสงสัย หลังจากนั้นไม่นานข้าก็มั่นใจว่าใช่แน่นอน” จิ่วเยี่ยตอบไปตามความจริง
เขากอดมู่เฉียนซีเอาไว้แน่น “ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายซีได้เด็ดขาด ไม่ว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น”
เขาย่อมรู้ดี ว่าวิญญาณลิขิตสวรรค์มีความหมายเช่นไร
สิ่งที่คนผู้นั้นอยากทำมากที่สุดก็มีอยู่สองอย่าง
อย่างแรกก็คือกำจัด อย่างที่สองก็คือปรารถนาจะได้วิญญาณลิขิตสวรรค์ไป
ฝันไปเถอะ!
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นเราต้องรีบล้างคำสาปในตัวเจ้าให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นแล้ว จิ่วเยี่ย หากเจ้าเอาตัวเองไม่รอด เจ้าจะปกป้องคนอื่นได้อย่างไรกันล่ะ!”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าทำได้!”
ในขณะที่เสาสวรรค์พังทลายลงนั้น กลีบดอกของดอกบัวสีฟ้ากลีบหนึ่งก็ได้ลอยมาปรากฏตรงหน้ามู่เฉียนซี
มู่เฉียนซียกสองมือขึ้นรับกลีบดอกนั้นไว้ นางยิ้มพลางกล่าว “กลีบที่สี่แล้ว”
ขาดอีกห้ากลีบ สุ่ยจิงอิ๋งก็จะกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ดังเดิม
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีเอาไว้ และในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้ ก็ได้เจอเกาะเกาะหนึ่งที่เต็มไปดอกบุปผาเบ่งบาน
ตุบ! จิ่วเยี่ยวางร่างของมู่เฉียนซีลงในทะเลบุปผาแห่งนี้ และเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีออก
มู่เฉียนซีกล่าว “จะทำพันธสัญญากับกลีบดอกกลีบนี้ไม่ใช่หรอกเหรอ มา…ข้าจัดการเอง!”
จิ่วเยี่ยกล่าว “ข้าทำให้ดีกว่า สะดวกกว่า”
ตรงหัวใจไม่สะดวก แต่…
ผิวหนังถูกขบกัดด้วยริมฝีปากอันเร่าร้อน มู่เฉียนซีสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“จิ่วเยี่ย เหตุใดต้องเลือกตรงนี้ด้วย?”
“เพราะว่าข้าชอบตรงนี้ ตรงหัวใจของซี!”
นิ้วมือของจิ่วเยี่ยลูบวนอยู่ตรงหัวใจของนาง
มู่เฉียนซีรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว “เจ้า…หยุดเล่นได้แล้ว จะทำพันธสัญญาก็รีบทำเร็วเข้า!”
กลีบดอกอันเย็นยะเยือกกลีบนั้นวางลงบนหัวใจของมู่เฉียนซี ชั่วพริบตาเดียว มู่เฉียนซีก็ถูกลำแสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มขึ้น
จิ่วเยี่ยเอากลีบดอกอีกกลีบออกมา กลีบดอกกลีบนี้เขาเอาติดตัวเขาไว้ตลอด
มู่เฉียนซีตกใจผงะไป “จิ่วเยี่ย นี่เจ้าจะทำอันใด?”
“มีกลีบดอกของผู้พิทักษ์นิรันดร์สี่กลีบ จะสามารถปกป้องซีได้ดีกว่าเดิม! ส่วนตัวข้าไม่จำเป็น หากเมื่อใดที่อยากพบเจ้า ข้าจะมาหา”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ได้! องค์ชายจิ่วเยี่ย เจ้าเก่งกาจ ข้ารู้! หากเจ้าคิดถึงข้า เพียงประเดี๋ยวเดียวเจ้าก็มาหาได้ แล้วข้าล่ะ หากข้าอยากเจอเจ้า ข้าจะทำเช่นไร?”
“กลีบดอกกลีบนี้เจ้าต้องเก็บมันเอาไว้! รอจนกว่าจะหาอีกห้ากลีบเจอครบเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เหตุผลเดียว!
จิ่วเยี่ยมีกลีบดอกกลีบหนึ่ง หากต้องประสบพบเจอกับอันตราย สุ่ยจิงอิ๋งก็จะช่วยเขาได้
แม้ว่าจิ่วเยี่ยผู้นี้จะแข็งแกร่งมาก และโอกาสที่เขาเป็นอันตรายจะมีน้อยมากก็ตาม
จิ่วเยี่ยเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นดุจดั่งบุปผาที่บานสะพรั่ง ช่างงดงามยิ่งนัก
“ซีบอกว่า ซีอยากเจอข้าอย่างนั้นเหรอ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ใช่นะสิ! อยากเจอเจ้า มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“ไม่มี ข้าดีใจมาก”
“อือ!” จิ่วเยี่ยกดทับร่างของมู่เฉียนซีลงไป
เดิมทีเสื้อผ้านั้นถูกถอดไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับถูกถอดไปจนสิ้นแล้ว สถานที่ที่งดงามปานนี้ ซีที่ทำให้เขาชอบได้มากถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าต้องกระทำเรื่องที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันสักหน่อย
.
.