ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1498 ซีเป็นของข้า
บุปผาอันงดงาม ความรักอันหอมกรุ่น
“จิ่วเยี่ย เจ้าอย่ารุนแรงเกินไปได้หรือไม่!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
จิ่วเยี่ยเองก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเช่นกันว่า “ก็ซีเร่าร้อนเกินไป!”
โลกใบนี้ มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
หัวใจสองดวงนี้ มีกันและกัน
ไม่อาจแยกออกจากกัน และไม่มีทางที่จะแยกออกจากกัน!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ดินแดนสี่ทิศกำลังยุ่งวุ่นวาย ทว่า องค์ชายจิ่วเยี่ยกลับร่าเริงแจ่มใสเป็นพิเศษ
เขาไม่อยากปล่อยมู่เฉียนซีกลับไป ดังนั้นจึงลากมู่เฉียนซีไปเที่ยวเล่นในที่ที่มู่เฉียนซีไม่เคยไปในดินแดนสี่ทิศ
ทั้งสองทิ้งภาระหน้าที่ให้คนอื่นรับผิดชอบไปอย่างไร้ความปรานี เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลมู่แห่งแคว้นจื่อเยี่ย มู่เฉียนซีก็พักผ่อนต่ออีกหลายวัน ในที่สุดผู้นำตระกูลมู่ก็มีความรับผิดชอบขึ้นมาแล้ว และเตรียมพร้อมจะกลับไปควบคุมสถานการณ์โดยรวมแล้ว
จื่อโยวเห็นเจ้านายตัวเองกลับมาด้วยใบหน้าที่เอิบอิ่มสำราญใจเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
หลังจากที่ทำงานหนักมาหลายวันด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ไม่มีเวลาแม้แต่จะไปเที่ยวเกี้ยวพาราสีสาวงาม จนในที่สุด ตอนนี้เขาก็จัดการหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
จื่อโยวกล่าว “แดนตะวันออกและแดนตะวันตกสงบลงแล้ว แดนเหนือและตำหนักเป่ยหานได้รับการซ่อมแซมและบูรณะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เชิญคนงามตรวจสอบได้”
เชียนอ้าวเซี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างกระวนกระวายใจและกล่าวว่า “เสี่ยวซีเอ๋อร์ เจ้าเห็นหรือไม่ว่าข้าซูบผอมลงไปเพียงใด ดูสิ หน้าข้าก็แหลมหมดแล้ว”
เชียนอ้าวเซี่ยทำตัวหน้าสงสารจนได้รับสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของจิ่วเยี่ย
เจ้าหมอนี่ก็หน้าด้านหน้าทนเกินไปแล้ว กล้าดีจนไม่รักตัวกลัวตาย ยังคงส่งสายตาให้มู่เฉียนซีอยู่อีก
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูเหมือนจะผอมลงไปแล้วจริง ๆ ด้วย! รอให้เจ้ารายงานสถานการณ์ของเจ้าให้จบก่อน ข้าจะปรุงยาเพิ่มน้ำหนักให้เจ้าเป็นเช่นไร?”
เชียนอ้าวเซี่ยตัวสั่นเทาขึ้น เขารู้สึกได้ว่ายานั้นมันคงไม่ใช่ของดีอะไรเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่ก่อเรื่องแล้ว และรายงานความคืบหน้าแต่โดยดี
“เสี่ยวซีเอ๋อร์ แดนใต้ซ่อมแซมบูรณะกลับมาเป็นปกติแล้ว ส่วนกองกำลังต่าง ๆ ในแดนใต้ก็ซ่อมแซมกลับสู่สภาพเดิมแล้วเช่นกัน”
ต่อมาก็มาถึงการรายงานสถานการณ์ของหอหมอปีศาจ เยวี่ยเจ๋อกล่าว “ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากพลังแห่งวิญญาณร้ายล้วนแต่ได้รับยาจากหอหมอปีศาจไปแล้ว อาการบาดเจ็บก็หายดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วขอรับ”
“เพียงแต่ว่า หลังจากศึกครั้งใหญ่ผ่านไป การค้าของหอหมอปีศาจก็ยิ่งดีขึ้นมากเรื่อย ๆ ยาลูกกลอนของหอหมอปีศาจหลาย ๆ ที่ตอนนี้เริ่มมีขายไม่พอแล้ว พี่ใหญ่ ถึงเวลาต้องเปิดหอหมอปีศาจเพิ่มขึ้นแล้ว”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เรื่องนี้ต้องทำแน่นอนอยู่แล้ว!”
เยี่ยเฉียถูกกำจัดไปแล้ว เผ่าวิญญาณร้ายก็ถูกถอนรากถอนโคนไปจนสิ้น
ดินแดนสี่ทิศถูกบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างใหม่เอี่ยม และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
ในขณะเดียวกัน สำนักและกองกำลังต่าง ๆ ในดินแดนสี่ทิศ ในสายตาของกองกำลังต่าง ๆ นั้น หอหมอปีศาจเป็นกองกำลังเดียวที่ไม่มีทางสั่นคลอนได้อย่างแน่นอน
ยอมล่วงเกินแคว้นเทพฟ้านอิน แต่ไม่มีทางล่วงเกินหอหมอปีศาจเป็นอันขาด
จื่อโยวกล่าว “แต่ว่า คนงาม มีเรื่องยุ่งยากเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น นั่นก็คือ ค่ายกลส่งตัวระยะไกลที่ไปยังดินแดนเบื้องบนซ่อมไม่ได้แล้ว”
เยี่ยเฉียใช้พลังของสุ่ยจิงอิ๋งทำลายค่ายกลใหญ่ไปหลายแห่ง อีกทั้งทำลายไปอย่างสมบูรณ์อีกด้วย ไม่ว่าจะซ่อมแซมอย่างไรก็ไม่อาจซ่อมกลับมาได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้ผนึกของดินแดนสี่ทิศได้คลายออกแล้ว หากต้องการจะไปยังดินแดนเบื้องบน แค่มีความแข็งแกร่งมากพอก็จะขึ้นไปได้”
เยี่ยเฉียใช้พลังของสุ่ยจิงอิ๋งควบคุมดินแดนสี่ทิศ ทำให้เขาต้องดึงพลังจิตอันบ้าคลั่งออกมาเพื่อจะปลดผนึก และเสริมกำลังการต่อสู้ให้กับเผ่าวิญญาณร้าย ดินแดนสี่ทิศต้องใช้เวลานับหมื่นปี คนส่วนมากจึงไม่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปเบื้องบนได้
ทว่า ตอนนี้ ทำได้แล้ว!
“การมีอยู่ของค่ายกลส่งตัวระยะไกล เดิมทีก็เป็นเพียงแค่สวนหลังวังของกองกำลังระดับห้าสองกองกำลังก็เท่านั้น ถูกทำลายไปได้ก็ดี”
ทุกคนก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน มิเช่นนั้นเป่ยกงจั๋วต้องนำกำลังคนลงมาโจมตีอย่างบ้าคลั่งอีกแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นก็หนีไม่พ้นศึกใหญ่อีกครั้ง
มู่เฉียนซีตัดสินใจจะอยู่ฝึกฝนในดินแดนสี่ทิศจนพลังถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด และจะไปที่แดนซวนเทียน
อย่างไรเสีย พลังขั้นจักรพรรดินี้ก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
ท่านพ่อ อารอง เสี่ยวไป๋ นางต้องตามหาพวกเขาให้เจอให้ได้
เซียวเหยากล่าว “นายท่าน ตำหนักเป่ยหานได้ปกครองทั้งสองตำหนักแล้ว มีเพียงแค่ขึ้นเป็นหัวหน้าตำหนักเท่านั้น นายท่านเตรียมพร้อมที่จะขึ้นรับตำแหน่งแล้วหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ให้ข้าเป็นหัวหน้าตำหนักเป่ยหานเหรอ ข้าไม่ทำ! ข้าคือหัวหน้าหอหมอปีศาจ พวกเจ้าเลือกคนที่เหมาะสมขึ้นรับตำแหน่งเถอะ!”
เรื่องอื่นไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่เรื่องตำแหน่งหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน กลับไม่มีใครตัดสินใจ
จึงอนุมัติมู่เฉียนซีเป็นเอกฉันท์ ทว่า มู่เฉียนซีกลับไม่รับ
แม้ว่าจะเชิญหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินมาโน้มน้าว แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ยอมรับอยู่ดี
ทุกคนรู้สึกปวดหัวมาก มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเปิดการประลองขึ้นในดินแดนสี่ทิศ! การประลองในครั้งนี้ ผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม”
“คนสุดท้ายที่ชนะ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน ข้าเป็นผู้ตัดสิน ไม่ขอเข้าร่วม”
ทุกคนกล่าวขึ้นว่า “จะได้อย่างไร?”
“ท่านหมอปีศาจ เห็นได้ชัดว่าท่านมีความดีความชอบอันใหญ่หลวง!”
“ท่านผู้นำตระกูลมู่!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “ความแข็งแกร่งของข้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ไม่อาจฝืนกฏได้!”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา ความแข็งแกร่งไม่ถึงเกณฑ์อย่างนั้นเหรอ ความแข็งแกร่งเกินเกณฑ์แล้วต่างหากเล่า!
ในที่สุด การประลองที่จะเกิดขึ้นก็ได้ถูกตัดสินและกำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้
ในดินแดนสี่ทิศย่อมมีคนเข้าร่วมอยู่แล้ว และการประลองก็อยู่ในช่วงดำเนินการ
น่าหลานอวี้กับเชียนอ้าวเซี่ยสหายรักคู่นี้ก็กำลังสนทนากัน น่าหลานอวี้กล่าว “อ้าวเซี่ย เจ้าตัดสินใจเช่นไร?”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เสี่ยวซีเอ๋อร์ไม่อยากทำ อีกทั้งยังมอบหน้าที่ให้คนอื่นเช่นนี้ ข้าจะวางใจได้อย่างไร ฉะนั้น อวี้ เจ้าเข้าร่วมการประลองเถอะ!”
“ข้าไม่เชี่ยวชาญการรบราต่อสู้พวกนี้ หากข้าลงประลองต้องพ่ายแพ้แน่นอน แต่หากเจ้าเอาชนะได้ ข้าช่วยเจ้าได้นะ”
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ “ข้าก็รอคำพูดนี้นี่แหละ”
เชียวอ้าวเซี่ยไปพัวพันตามติดตัวมู่เฉียนซีเพื่อขอยาลูกกลอนยาอายุวัฒนะ และให้คนส่งไปที่เซี่ยโจว
ปฏิเสธไม่ให้จักรพรรดิเซี่ยออกจากราชบัลลังก์ ต่อไปเขาก็ไม่มีเวลาไปสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิเซี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะมาจัดการกับบุตรชายของเขาผู้นี้ถึงแดนเหนือเลยทีเดียว
เชียนอ้าวเซี่ยผู้มีพลังวิญญาณน้ำแข็งหิมะเริ่มกวาดล้างคู่ต่อสู้ ท่าทางของเขาไม่ได้น่าเย้ายวนเหมือนตอนที่อยู่ต่อหน้ามู่เฉียนซีเลยสักนิด
สุดท้าย เชียนอ้าวเซี่ยจึงได้วนมาประลองกับซวนหยวนชิงอวิ๋น
ซวนหยวนชิงอวิ๋นกล่าว “ข้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง แต่ข้าอยากลองประชันฝีมือกับเจ้าดูสักตั้ง!”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “มาสิ! ข้าไม่มีทางแพ้แน่นอน”
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเกินความคาดหมายของทุกคนมาก ทั้งสองต่อสู้กันอย่างสูสีและผลที่ออกมาก็เสมอกัน แต่สุดท้าย ซวนหยวนชิงอวิ๋นก็เลือกที่จะหลีกทาง ไม่แย่งชิงตำแหน่ง
เชียนอ้าวเซี่ยได้กลายเป็นหัวหน้าตำหนักเป่ยหายต่อจากกู้ไป๋อี หัวหน้าตำหนักเชียนเซี่ย
ผู้นำตระกูลมู่ยังคงเป็นประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหายอยู่เฉกเช่นเดิม ไม่มีผู้ใดกล้าถอดชื่อนางออกจากตำแหน่งประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหานเลย
ณ ห้องโถงใหญ่ของหัวหน้าตำหนักกำลังจัดงานเลี้ยงฉลองกันอย่างคึกคัก ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศครึกครื้นเป็นพิเศษ แขกเหรื่อมากมายเดินทางมายังตำหนักเป่ยหาน
ดอกไม้สดและสุราชั้นดีวางเต็มโต๊ะห้องโถง บนท้องฟ้าจุดพลุกันอย่างครื้นเครง
มู่เฉียนซีเดินไปที่วังใต้ดินของตำหนักเป่ยหานเพียงลำพัง นางกล่าวเสียงต่ำว่า “เสี่ยวไป๋ ตำหนักเป่ยหานได้เปลี่ยนหัวหน้าตำหนักคนใหม่แล้ว ตอนนี้เจ้าสบายดีหรือไม่?”
“หากเจ้ากลับมาแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าตำหนักก็จะยังคงเป็นของเจ้า นี่เป็นข้อตกลงที่ข้าทำไว้กับทุกคน แต่เจ้าเอาแต่ฝึกบำเพ็ญเพียงอย่างเดียว ตำแหน่งหัวหน้าตำหนักนี้ก็เป็นเจ้าเป่ยกงจั๋วนั่นที่เป็นคนยัดเยียดให้เจ้า คาดว่าเจ้าก็คงจะไม่เต็มใจเท่าไรหรอก”
มู่เฉียนซีกำหมัดแน่น “เจ้ารักษาตัวด้วยนะ ข้าจะคิดหาทางช่วยเจ้าให้ได้”
ขวับ!
พลันนั้นมู่เฉียนซีก็ถูกดึงร่างเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันคุ้นเคย ใบหน้ารูปงามนั้นขยายใหญ่ต่อหน้านาง
ในตอนนี้จิ่วเยี่ยกำลังอยู่ในอารมณ์หึงหวง เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ห้ามคิดถึงคนอื่น ห้ามละเมอเพ้อพกหาคนอื่น ซีเป็นของข้า”
อือ! จิ่วเยี่ยจูบริมฝีปากนางอย่างรุนแรง ผิวขาวราวหิมะนี้ถูกประทับตราขึ้นอีกแล้ว
.
.